คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 218

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาให้ริบและทำลายสิ่งของ (ลานปูนซีเมนต์) เป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ การฎีกาในประเด็นนี้จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาทริบของกลาง และให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 2 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกจำเลยฎีกาว่าศาลสั่งริบและทำลายลานปูนซิเมนต์ของกลางไม่ได้อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการริบและทำลายของกลาง ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาทริบของกลาง และให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าศาลสั่งริบและทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลางไม่ได้ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาโต้เถียงดุลยพินิจรับฟังพยานหลักฐานศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตาม ม.218
ฎีกาจำเลยที่ 2 ที่ว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือพยานหลักฐานในสำนวนนั้น เมื่อศาลฎีกาตรวจคำฟ้องฎีกาโดยตลอดแล้วเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาอาวุธปืนและยิงปืนในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นข้อเท็จจริง
ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในถนนสาธารณะ ในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร และฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้าน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไป และยิงปืนในหมู่บ้านมีเหตุสมควรเพื่อป้องกันเหตุร้าย ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย พฤติการณ์ของจำเลยที่ว่ามีเหตุสมควรหรือไม่อย่างไร เป็นปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกา ตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกา: ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม, ประเด็นรอการลงโทษและประโยชน์ที่ได้รับ
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษจำคุก ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก คงรับฎีกาจำเลยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลจะเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนได้หรือไม่เท่านั้น ปัญหาข้อกฎหมายนี้จำเลยฎีกาโดยประสงค์ให้ศาลฎีกาวินิจฉัยก่อน แล้ววินิจฉัยรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องห้ามฎีกาดังกล่าวแล้ว ทั้งการกักขังแทนโทษจำคุกเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 492/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นรอการลงโทษ เพราะเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา แม้มีปัญหาข้อกฎหมายเรื่องกักขังแทนโทษ
ศาลชั้นต้นสั่ง ไม่รับฎีกาจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษจำคุกซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก คงรับฎีกาจำเลยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลจะเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนได้หรือไม่เท่านั้น ปัญหาข้อกฎหมายนี้จำเลยฎีกาโดยประสงค์ให้ศาลฎีกาวินิจฉัยก่อน แล้ววินิจฉัยรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องห้ามฎีกาดังกล่าวแล้ว ทั้งการกักขังแทนโทษจำคุกเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขบทมาตราโดยศาลอุทธรณ์ที่ไม่ส่งผลต่อโทษจำคุก ทำให้จำเลยไม่สามารถฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 297 จำคุก4 ปี และริบของกลาง ศาลอุทธรณ์แก้ เฉพาะบทกฎหมายที่ลงโทษจำเลยเป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. 288,80 ส่วนโทษจำคุกยังคงเท่ากับที่ศาลชั้นต้นกำหนดดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218: การโต้แย้งข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ถือเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 72 ลงโทษจำคุก 5 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุก 3 ปี ตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมา เช่นนี้ เป็นการแก้เฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลยไม่ได้แก้บทมาตราด้วย จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแทงผู้เสียหายหลังจากจำเลยถูกผู้เสียหายยิงและใช้ปืนตีผ่านพ้นไปแล้วและขณะผู้เสียหายวิ่งหนีไป จึงไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงเพราะเป็นภยันตรายที่ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยฎีกาว่าจำเลยแทงผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายตามเข้ามาตีจำเลยหลังจากยิงจำเลยแล้ว และเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยวิ่งไล่ตามไปกอดปล้ำผู้เสียหายโดยจำเลยไม่ได้ถือมีดไล่ตามไปแทง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ ฎีกาของจำเลยเท่ากับเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตาม บทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การโต้แย้งการรับฟังข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับเหตุป้องกันตัว
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลย ไม่ได้แก้บทมาตราด้วยเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแทงผู้เสียหายหลังจากจำเลยถูกผู้เสียหายยิงและใช้ปืนตีผ่านพ้นไปแล้วและขณะผู้เสียหายวิ่งหนีไป จึงไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงเพราะเป็นภยันตรายที่ผ่านพ้นไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยฎีกาว่าจำเลยแทงผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายตามเข้ามาตีจำเลยหลังจากยิงจำเลยแล้ว และเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยวิ่งไล่ตามไปกอดปล้ำผู้เสียหาย โดยจำเลยไม่ได้ถือมีดไล่ตามไปแทง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้ ฎีกาของจำเลยเท่ากับเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังมา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้าง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจำคุกตามบทหนัก และจำกัดโทษไม่เกิน 5 ปีต่อกระทง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147,157,265,268 ความผิดตามมาตรา 147 และมาตรา 157 ลงโทษบทหนักตามมาตรา 147 เป็น 6 กระทง จำคุก กระทงละ5 ปี รวม 30 ปี และความผิดตามมาตรา 265 และมาตรา 268 ลงโทษตามมาตรา 268 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 6 ปี รวมจำคุก 36 ปีศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยแต่ละคราวเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 147 บทหนักรวม 6 กระทงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 147,157,265,268 ให้ลงโทษตามมาตรา 147 บทหนักรวม 6 กระทง จำคุกกระทงละ5 ปี รวมจำคุก 30 ปี ดังนี้ ศาลอุทธรณ์เพียงแต่พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก
of 144