คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 218

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของคำฟ้องข่มขืนใจกรรโชกและการรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในคดีอาญา
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบข่มขืนใจกรรโชกให้ผู้เสียหายมอบเนื้อกระบือชำแหละแล้ว140กิโลกรัมให้แก่จำเลยกับพวกมิฉะนั้นจำเลยกับพวกจะยึดเนื้อกระบือชำแหละแล้ว500กิโลกรัมไปตรวจสอบอันจะเป็นเหตุให้เนื้อดังกล่าวเสียหายและจะจับกุมผู้เสียหายกับพวกทำให้ปราศจากเสรีภาพผู้เสียหายกับพวกจึงยอมมอบเนื้อ140กิโลกรัมให้จำเลยกับพวกไปเป็นการบรรยายข้อเท็จจริงที่เป็นการกระทำของจำเลยที่กระทำต่อผู้เสียหายโดยละเอียดครบถ้วนในลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา148และมาตรา337แล้วทั้งบทบัญญัติแห่งกฎหมาย2มาตราดังกล่าวก็ไม่ได้ระบุองค์ประกอบความผิดว่าผู้กระทำต้องมีเจตนาทุจริตด้วยคำบรรยายฟ้องจึงชอบด้วยกฎหมาย จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องและได้ทรัพย์สินจากผู้เสียหายคิดเป็นเงิน6,000บาทกรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา432คือจำเลยกับพวกต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นคำว่า'ร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน'หมายความว่าแต่ละคนจะต้องชำระหนี้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิงอันมีฐานะเช่นเดียวกับลูกหนี้ร่วม ฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขืนใจ กรรโชกทรัพย์ และความรับผิดทางแพ่งในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันใช้อำนาจ ในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขืนใจ กรรโชกให้ผู้เสียหายมอบเนื้อกระบือชำแหละแล้ว 140 กิโลกรัม ให้แก่จำเลยกับพวก มิฉะนั้นจำเลยกับพวกจะยึดเนื้อกระบือชำแหละแล้ว 500 กิโลกรัม ไปตรวจสอบอันจะเป็นเหตุให้เนื้อดังกล่าวเสียหาย และจะจับกุมผู้เสียหาย กับพวก ทำให้ปราศจากเสรีภาพ ผู้เสียหายกับพวกจึงยอมมอบเนื้อ140 กิโลกรัม ให้จำเลยกับพวกไป เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงที่เป็นการกระทำของจำเลย ที่กระทำต่อผู้เสียหายโดยละเอียดครบถ้วนในลักษณะความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 337 แล้ว ทั้งบทบัญญัติแห่งกฎหมาย 2 มาตราดังกล่าวก็ไม่ได้ระบุองค์ประกอบความผิดว่า ผู้กระทำต้องมีเจตนาทุจริตด้วยคำบรรยายฟ้องจึงชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องและได้ทรัพย์สิน จากผู้เสียหายคิดเป็นเงิน 6,000 บาทกรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 432 คือจำเลยกับพวก ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น คำว่า 'ร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน' หมายความว่า แต่ละคน จะต้องชำระหนี้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง อันมีฐานะเช่นเดียวกับลูกหนี้ร่วม
ฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลดโทษจำคุกคดียาเสพติด: ประวัติเกี่ยวข้องยาเสพติดเดิมมีผลต่อการพิจารณา
ฎีกาขอให้ศาลลดโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายศาลล่างลงโทษจำคุก13ปี4เดือนจำเลยฎีกาขอให้ลดโทษลงอีกปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองและมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทมาก่อนแม้จำเลยจะได้รับการล้างมลทินความผิดดังกล่าวตามพ.ร.บ.ล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์200ปีพ.ศ.2526ก็ตามก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะลดโทษลงอีกเพราะจำเลยมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษตลอดมาและเฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษที่มีความร้ายแรงเป็นภัยต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายและครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย: ศาลฎีกายืนโทษเดิมโดยพิจารณาจากประวัติเกี่ยวข้องยาเสพติดและผลกระทบต่อสังคม
ฎีกาขอให้ศาลลดโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายศาลล่างลงโทษจำคุก13ปี4เดือนจำเลยฎีกาขอให้ลดโทษลงอีกปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองและมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทมาก่อนแม้จำเลยจะได้รับการล้างมลทินความผิดดังกล่าวตามพ.ร.บ.ล้างมลทินในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์200ปีพ.ศ.2526ก็ตามก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะลดโทษลงอีกเพราะจำเลยมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษตลอดมาและเฮโรอีนเป็นยาเสพติดให้โทษที่มีความร้ายแรงเป็นภัยต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การปลอมเอกสารราชการและการกระทำความผิดหลายกระทง
ในการที่จะพิจารณาว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจากกระทงความผิดเป็นกระทง ๆ ไป คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดรวม 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมเป็นจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสาร และการกระทำของจำเลยไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่จำเลยทำคำสั่งจังหวัดตราดเรื่องแต่งตั้งข้าราชการลงในกระดาษไขโดยไม่มีอำนาจ แล้วตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดตราดซึ่งได้ลงนามไว้ในคำสั่งฉบับอื่น มาติดไว้ท้ายคำสั่งที่จำเลยทำขึ้น และจำเลยโรเนียวคำสั่งนี้ออกมา เพื่อแสดงให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นนี้เป็นคำสั่งที่แท้จริง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2316/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำเอกสารปลอมโดยเจตนาหลอกลวง และการพิจารณาข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการตัดสินคดีอาญา
ในการที่จะพิจารณาว่าคดีใดต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่นั้นต้องพิจารณาจากกระทงความผิดเป็นกระทงๆไปคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดรวม3กระทงให้ลงโทษจำคุกกระทงละ2ปีรวมเป็นจำคุก6ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้ทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสารและการกระทำของจำเลยไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือไม่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง. การที่จำเลยทำคำสั่งจังหวัดตราดเรื่องแต่งตั้งข้าราชการลงในกระดาษไขโดยไม่มีอำนาจแล้วตัดเอากระดาษไขที่มีลายมือชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัดตราดซึ่งได้ลงนามไว้ในคำสั่งฉบับอื่นมาติดไว้ท้ายคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นและจำเลยโรเนียวคำสั่งนี้ออกมาเพื่อแสดงให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าคำสั่งที่จำเลยทำขึ้นนี้เป็นคำสั่งที่แท้จริงถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้ไขเพียงการริบของกลาง ไม่กระทบโทษจำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อยขัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่าไม่ริบอาวุธปืนลูกโม่พร้อมด้วยกระสุนปืน5นัดกับปลอกกระสุนปืน1ปลอกของนายช.ไม่ได้แก้บทแก้โทษที่ลงแก่จำเลยเป็นการแก้ไขเล็กน้อยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากแก้ไขเล็กน้อย การริบของกลาง ไม่กระทบโทษจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงว่า ไม่ริบอาวุธปืนลูกโม่พร้อมด้วยกระสุนปืน 5 นัด กับปลอกกระสุนปืน 1 ปลอกของนาย ช. ไม่ได้แก้บทแก้โทษที่ลงแก่จำเลย เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโกงเจ้าหนี้โดยการโอนทรัพย์สินหลายครั้ง แม้มีเจตนาเดียว ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดสามกระทงจำคุกกระทงละ1ปีรวมจำคุกคนละ3ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดกระทงเดียวจำคุกคนละ1ปีเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. จำเลยโอนที่ดินทั้ง3แปลงตามฟ้องรวม3ครั้งด้วยกันแม้ว่าจำเลยจะมีเจตนาเพียงประการเดียวที่จะไม่ให้โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่1ก็ตามแต่การโอนที่ดินไปแต่ละครั้งนั้นก็เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้สำเร็จแล้วทุกครั้งการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันมิใช่กรรมเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2054/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โกงเจ้าหนี้: การโอนทรัพย์สินหลายครั้งถือเป็นความผิดหลายกรรม แม้มีเจตนาเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดสามกระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดกระทงเดียว จำคุกคนละ 1 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยโอนที่ดินทั้ง 3 แปลงตามฟ้องรวม 3 ครั้งด้วยกัน แม้ว่าจำเลยจะมีเจตนาเพียงประการเดียวที่จะไม่ให้โจทก์บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ก็ตามแต่การโอนที่ดินไปแต่ละครั้งนั้น ก็เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้สำเร็จแล้วทุกครั้ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน มิใช่กรรมเดียว
of 144