คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 218

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2355/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษโดยรอการลงโทษ ถือเป็นคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ในการที่จะปรับว่าคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ ต้องพิจารณากระทงความผิดเป็นกระทงกระทงไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปรับจำเลยที่ 1 กระทงแรก 4,000 บาท และให้จำคุกจำเลยที่ 1 อีก 2 กระทง กระทงละ 1 ปี และศาลอุทธรณ์ก็ยังคงลงโทษจำเลยที่ 1 ไม่ เกินกำหนดที่ว่ามานี้ ถึงแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้อันเป็นการแก้มากก็ตาม ก็ต้องถือว่าเป็นคดีที่ห้ามมิให้คู่ความ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2119/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธการขายสินค้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.กำหนดราคาสินค้าฯ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง
ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 3 พนักงานขายของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็น หุ้นส่วนผู้จัดการ ปฏิเสธการจำหน่ายปูนซิเมนต์ให้แก่ผู้ซื้อเพียง 1 ถุง โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติ กำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ. 2522 มาตรา 30 พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม คืนปูนซิเมนต์ทั้งหมดที่อยู่ในห้างซึ่งเป็นของกลางแก่เจ้าของ ดังนั้นที่จำเลยทั้งสามฎีกา ว่าจำเลยไม่มีเจตนาปฏิเสธการจำหน่าย และจำเลยปฏิเสธการจำหน่ายโดยมีเหตุผลอันสมควรก็ดี หรือจำเลยที่ 2 มิได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วยในการกระทำของจำเลยที่ 3 ก็ดี จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธมีคม การกระทำเพื่อป้องกันที่ไม่สมเหตุสมผล
นายช.ผู้ตายมาช่วยนางสาวว. เก็บข้าวของจากห้องพักโดยผู้ตายไม่มีอาวุธติดตัวมาด้วย เมื่อจำเลยพูดไล่ผู้ตายไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวผู้ตายใช้มือผลักใบหน้าจำเลย 1 ครั้ง จำเลยก็ใช้มีดแทงผู้ตายการกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกัน และเหตุเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมซึ่งตัวมีดและด้ามยาวประมาณหนึ่งคืบเศษแทงผู้ตายที่บริเวณหน้าอกอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายแผลลึกถึง 10 เซนติเมตรทะลุหัวใจแสดงว่าตั้งใจแทงโดยแรงแม้จะเป็นการแทงเพียงทีเดียว แต่ผู้ตายถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เช่นนี้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้มีดแทงที่หน้าอก แม้ถูกผลักเพียงครั้งเดียว ไม่เข้าเหตุป้องกัน
นาย ช.ผู้ตายมาช่วยนางสาว ว. เก็บข้าวของจากห้องพักโดยผู้ตายไม่มีอาวุธติดตัวมาด้วย เมื่อจำเลยพูดไล่ผู้ตายไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยว ผู้ตายใช้มือผลักใบหน้าจำเลย 1 ครั้ง จำเลยก็ใช้มีดแทงผู้ตาย การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกัน และเหตุเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมซึ่งตัวมีดและด้ามยาวประมาณหนึ่งคืบเศษแทงผู้ตายที่บริเวณหน้าอกอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย แผลลึกถึง 10 เซนติเมตรทะลุหัวใจ แสดงว่าตั้งใจแทงโดยแรง แม้จะเป็นการแทงเพียงทีเดียว แต่ผู้ตายถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เช่นนี้ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยในคดีเช็คพิพาทหลายฉบับ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าแต่ละฉบับถือเป็นกรรมต่างกัน และการฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจโทษเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน20,000 บาท และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 แต่ละกระทงไม่เกิน 1 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้ลดค่าปรับให้แก่จำเลยที่ 1 และลงโทษจำเลยที่ 2ในสถานเบาและรอการลงโทษจำเลยที่ 2 ไว้ด้วยนั้น เป็นการฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
จำเลยออกเช็คพิพาทรวม 4 ฉบับ เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ในวันเดียวกันและสั่งจ่ายเงินวันเดียวกัน ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินไปในวันเดียวกันทั้งหมดทุกฉบับแต่การออกเช็คดังกล่าวเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนและวันที่ที่ปรากฏในเช็คซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ การที่จำเลยทั้งสองออกเช็คหลายฉบับและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินดังกล่าวจึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 31/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานออกเช็คไร้เงิน การกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 20,000 บาทและลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 แต่ละกระทงไม่เกิน 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้ลดค่าปรับให้แก่จำเลยที่ 1 และลงโทษจำเลยที่ 2 ในสถานเบาและรอการลงโทษจำเลยที่ 2 ไว้ด้วยนั้น เป็นการฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยออกเช็คพิพาทรวม 4 ฉบับ เพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ในวันเดียวกันและสั่งจ่ายเงินวันเดียวกัน ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินไปในวันเดียวกันทั้งหมดทุกฉบับ แต่การออกเช็คดังกล่าวเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนและวันที่ที่ปรากฏในเช็ค ซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ การที่จำเลยทั้งสองออกเช็คหลายฉบับ และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินดังกล่าวจึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 31/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตฎีกาข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การฎีกาต้องมีปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด
การที่ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนสั่งรับฎีกาจำเลยว่า ข้อเท็จจริงบางอย่างที่จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย สมควรที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยได้ จึงอนุญาตให้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงได้นั้นมิได้เป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบเพราะการที่จะรับเป็นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 จะต้องปรากฏว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยกเหตุตามกฎหมายขึ้นอ้าง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาโดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตฎีกาข้อเท็จจริงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และข้อจำกัดในการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
การที่ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนสั่งรับฎีกาจำเลยว่า ข้อเท็จจริงบางอย่างที่จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย สมควรที่จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยได้ จึงอนุญาตให้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงได้นั้นมิได้เป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบ เพราะการที่จะรับเป็นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 จะต้องปรากฏว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยกเหตุตามกฎหมายขึ้นอ้าง จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาโดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการแก้ฟ้องของโจทก์ร่วมที่ดำเนินคดีโดยอาศัยฟ้องของอัยการ และผลต่อการพิจารณาคดี
โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยโดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการ จึงไม่มีอำนาจขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการ หากศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องส่วนที่โจทก์ร่วมขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องไว้ก็มีอำนาจสั่งงดเสียได้
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3833/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการแก้ฟ้องของโจทก์ร่วมที่ดำเนินคดีโดยอาศัยฟ้องของพนักงานอัยการ และขอบเขตการลงโทษ
โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยโดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการ จึงไม่มีอำนาจขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการ หากศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องส่วนที่โจทก์ร่วมขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องไว้ก็มีอำนาจสั่งงดเสียได้
เมื่อศาลมิได้อนุญาตให้แก้และเพิ่มเติมฟ้องตามคำร้องของโจทก์ร่วม จึงลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอแก้และเพิ่มเติมฟ้องนั้นไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือนปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
of 144