พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ - ความผิดฐานทำไม้ - แก้ไขคำพิพากษา - สิทธิฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83,160จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,86 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 บทหนัก จำคุกจำเลยที่ 1 สี่ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 บทหนักจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งห้ากระทำผิด 2 กรรม ลงโทษฐานร่วมกันทำไม้ยางโดยไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้อีกกระทงหนึ่งจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 คนละ 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 6 เดือนส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยทั้งห้าไม่เกินห้าปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทจึงไม่กำหนดโทษฐานนี้ ศาลอุทธรณ์ว่าเป็นความผิด 2 กรรม กำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าอีกกระทงหนึ่งจึงเป็นการแก้ไขมากจำเลยมีสิทธิฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในกระทงนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานปฏิบัติ/ละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ และร่วมกันทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83, 160 จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 86 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 บทหนัก จำคุกจำเลยที่ 1 สี่ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 บทหนัก จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งห้ากระทำผิด 2 กรรม ลงโทษฐานร่วมกันทำไม้ยางโดยไม่รับอนุญาตตาม พระราชบัญญัติป่าไม้อีกกระทงหนึ่ง จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 คนละ 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 6 เดือน ส่วนความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ สำหรับความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยทั้งห้าไม่เกินห้าปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ส่วนความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ ศาลชั้นต้นเห็นว่า เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมาย หลายบทจึงไม่กำหนดโทษฐานนี้ ศาลอุทธรณ์ ว่าเป็นความผิด 2 กรรม กำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าอีกกระทงหนึ่ง จึงเป็นการแก้ไขมากจำเลยมีสิทธิฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในกระทงนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็ก: การยินยอมของผู้เสียหายไม่มีผลต่อความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปีฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กหญิงนั้นยินยอม ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจะฎีกาว่าสำคัญผิดคิดว่าผู้เสียหายอายุเกิน 13 ปีแล้วไม่ได้ เพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน13 ปีโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ทางพิจารณาปรากฏว่าผู้เสียหายยินยอมดังนี้ ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องได้เพราะมาตรานี้บัญญัติว่าเด็กหญิงผู้ถูกกระทำชำเรานั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นความผิด จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน13 ปีโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ทางพิจารณาปรากฏว่าผู้เสียหายยินยอมดังนี้ ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ฟ้องได้เพราะมาตรานี้บัญญัติว่าเด็กหญิงผู้ถูกกระทำชำเรานั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ก็เป็นความผิด จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยไม่อาจฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ แม้โจทก์อ้างเหตุต่างจากคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานมีกันชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76 จำคุกหนึ่งปีหกเดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามบทกฎหมายเดียวกัน ลงโทษจำคุกหนึ่งปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาในปัญหาว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาในปัญหาว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นเพียงครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อจำกัดในการฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 76 จำคุกหนึ่งปีหกเดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตตามบทกฎหมายมาตราเดียวกัน ลงโทษจำคุกหนึ่งปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
ฎีกาในปัญหาว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาในปัญหาว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641-642/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษและการพิจารณาโทษใหม่ ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาโทษและรอการลงโทษได้
ความผิดแต่ละกระทงศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกเพียง 6 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 177 ศาลล่างนำมาตรา 181 ซึ่งมีโทษหนักกว่ามาปรับบทลงโทษด้วย เมื่อศาลฎีกาตัดมาตราดังกล่าวออกแล้วย่อมมีอำนาจพิจารณาถึงโทษว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่และให้รอการลงโทษได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 177 ศาลล่างนำมาตรา 181 ซึ่งมีโทษหนักกว่ามาปรับบทลงโทษด้วย เมื่อศาลฎีกาตัดมาตราดังกล่าวออกแล้วย่อมมีอำนาจพิจารณาถึงโทษว่าเหมาะสมแล้วหรือไม่และให้รอการลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษในคดียาเสพติด: ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษโดยรวมกระทงความผิด ทำให้ฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีและพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร 2 กระทง จำคุกกระทงแรก 6 เดือน กระทงหลัง 1 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 1 ปี 8 เดือน แก้เฉพาะโทษมิได้แก้บท จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ฎีกาจำเลยทั้งสองที่ขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษในคดียาเสพติด: ศาลอุทธรณ์แก้โทษโดยลงโทษกรรมเดียว แต่ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเพราะเป็นการแก้ไขเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีและพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร รวม 2 กระทง วางโทษจำคุกกระทงแรก 1 ปี กระทงหลัง 3 ปี 4 เดือนรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 2 เดือนศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยกระทำความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุก 3 ปี 4เดือน รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 8 เดือน แก้เฉพาะโทษมิได้แก้บท จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2979/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมราชการในประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังแล้ว
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาแล้วว่า จำเลยใช้เอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และลงโทษจำเลยยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยฎีกาว่ามิได้ใช้เอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
บัตรประจำตัวข้าราชการ เป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นในหน้าที่การปลอมเอกสารดังกล่าว เป็นการปลอมเอกสารราชการ
บัตรประจำตัวข้าราชการ เป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นในหน้าที่การปลอมเอกสารดังกล่าว เป็นการปลอมเอกสารราชการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2979/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมราชการก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้ว
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาแล้วว่า จำเลยใช้เอกสารปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและลงโทษ จำเลยยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยฎีกาว่ามิได้ใช้เอกสารปลอม ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน เป็น การฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
บัตรประจำตัวข้าราชการ เป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้น ในหน้าที่การปลอมเอกสารดังกล่าว เป็นการปลอมเอกสารราชการ
บัตรประจำตัวข้าราชการ เป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้น ในหน้าที่การปลอมเอกสารดังกล่าว เป็นการปลอมเอกสารราชการ