คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 218

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตเป็นปัญหาข้อเท็จจริงในคดีเบียดบังเงิน
ปัญหาที่ว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตกระทำผิดหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.
(อ้างฎีกาที่ 457/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารราชการปลอมและแจ้งความเท็จ ศาลยืนตามคำพิพากษาลดโทษและรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา268,265 ให้จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลดโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 เหลือโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือนและให้รอการลงโทษตามมาตรา 56 มีกำหนด 3 ปี ดังนี้เป็นการแก้ไขมาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารราชการปลอมและแจ้งความเท็จ ศาลอุทธรณ์ลดโทษและรอการลงโทษ โจทก์ฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268,265 ให้จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลดโทษ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 เหลือโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน และให้รอการลงโทษตามมาตรา 56 มีกำหนด 3 ปี ดังนี้ เป็นการแก้ไขมาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์และสิทธิในการฎีกาของโจทก์
ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลย 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย 1 ปี และรอการลงโทษด้วย เป็นการแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์และสิทธิฎีกาของโจทก์
ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลย 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย 1 ปี และรอการลงโทษด้วย เป็นการแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีอาญา: โจทก์ฟ้องในฐานะใด - ผู้เสียหายโดยตรงหรือผู้แทนโดยชอบธรรม
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกา และในฎีกานั้นจำเลยได้อ้างอิงหลักฐานและเหตุผลเพื่อแสดงว่าโจทก์ฟ้องในนามของตนเอง มิใช่ฟ้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหาย ดังนี้ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1374/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของโจทก์: การฟ้องในฐานะตนเองหรือผู้แทนโดยชอบธรรม มีผลต่อการรับคำฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยฎีกา และในฎีกานั้นจำเลยได้อ้างอิงหลักฐานและเหตุผลเพื่อแสดงว่าโจทก์ฟ้องในนามของตนเอง มิใช่ฟ้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหาย ดังนี้ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1316/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารเด็กหญิง แม้ไม่สำเร็จความผิดฐานข่มขืน ศาลปรับบทเป็นกระทำอนาจารได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277,80 จำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 277,81 จำคุก 1 ปี และรอการลงโทษ ดังนี้ จึงเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยเรียกผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 4 ขวบ เข้าไปในห้องแล้วจำเลยปิดประตู บอกให้ผู้เสียหายไปนอน จำเลยได้ถอดกางเกงของผู้เสียหาย และถอดกางเกงของจำเลยออก บอกให้ผู้เสียหายนอนตะแคงตัวจำเลยก็นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผู้เสียหายและกอดผู้เสียหาย แล้วจำเลยเอาของลับทิ่มของลับของผู้เสียหาย 2 ครั้ง อวัยวะสืบพันธุ์ผู้เสียหายแคมใหญ่ด้านขวาบวมและมีรอยถลอกคือหนังกำพร้าขาดเล็กน้อยตรงแคมใหญ่ด้านซ้ายก็มีรอยถลอก เยื่อพรหมจารีปกติ ในช่องคลอดไม่มีเชื้ออสุจิ ตรวจพบว่ามีคราบน้ำอสุจิมนุษย์ติดอยู่ที่กางเกงของกลาง ดังนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราได้ และเห็นเจตนาว่าตั้งใจกระทำอนาจาร จึงผิดเพียงฐานกระทำอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นผิดเพียงฐานทำอนาจารซึ่งเป็นบทเบากว่า ศาลก็ย่อมลงโทษปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ (ตัดสินโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่19/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1316/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารเด็ก แม้ไม่ถึงขั้นข่มขืน ศาลปรับบทลงโทษตามเจตนาการกระทำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277,80 จำคคุก 2ปี 8 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 277,81 จำคุก 1 ปีและรอการลงโทษ ดังนี้ จึงเป็นการแก้ไขมาก โจทก์ย่อมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยเรียกผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 4 ขวบ เข้าไปในห้องแล้วจำเลยปิดประตู บอกให้ผู้เสียหายไปนอน จำเลยได้ถอดกางเกงของผู้เสียหายและถอดกางเกงของจำเลยออก บอกให้ผู้เสียหายนอนตะแคง ตัวจำเลยก็นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผู้เสียหายและกอกผู้เสียหาย แล้วจำเลยเอาของลับทิ่มของลับของผู้เสียหาย 2 ครั้ง อวัยวะสืบพันธุ์ผู้เสียหายแคมใหญ่ด้านขวาบวมและมีรอยถลอกคือหนังกำพร้าขาดเล็กน้อย ตรงแคมใหญ่ด้านซ้านก้มีรอยถลอก เยื่อพรหมจารีปกติ ในช่องคลอดไม่มีเชื้ออสุจิ ตรวจพบว่ามีคราบน้ำอสุจิมนุษย์ติดอยู่ที่กางเกงของกลาง ดังนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราได้ และเห็นเจตนาว่าตั้งใจกระทำอนาจาร จึงผิดเพียงฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นผิดเพียงฐานทำอนาจารซึ่งเป็นบทเบากว่า ศาลก็ย่อมลงโทษปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ (ตัดสินโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คที่ไม่มีเงินรองรับ ถือความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค แม้โจทก์ยื่นเช็คล่าช้า
ตามฎีกาจำเลย จำเลยเถียงว่ามีเจตนาหรือไม่ และโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาแล้วว่า จำเลยได้ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และโจทก์ก็ได้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินจากธนาคารและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะเงินฝากของจำเลยมีไม่พอจ่าย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องผู้ทรงเสียสิทธิอันมีต่อผู้สั่งจ่ายเพียงเท่าที่จะเกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้สั่งจ่าย เพราะการที่ละเลยเสียไม่ไปยื่นเช็คนั้น แต่โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยออกเช็ครายพิพาทโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้ เพราะเงินฝากจำเลยไม่มีพอจ่าย จำเลยก็ต้องมีความผิด
of 144