พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจำคุกในคดีหมิ่นประมาท และการพิพากษาคดีที่ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 98 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะโทษให้จำคุก 5 ปี เป็นการเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาความผิดฐานชิงทรัพย์เมื่อศาลอุทธรณ์ลงโทษกระทงหนักกว่าและไม่ระบุโทษฐานชิงทรัพย์
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยฐานชิงทรัพย์ไม่เกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ด้วยจริงดังที่ศาลชั้นต้นลงโทษมา แต่ได้ลงโทษด้วยบทหนักฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานลดแล้วคงจำคุก 13 ปี 4 เดือนไม่ระบุว่าโทษฐานชิงทรัพย์มากน้อยเท่าใด ดังนี้ จำเลยย่อมฎีการวมตลอดถึงความผิดฐานชิงทรัพย์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 27/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาความผิดฐานชิงทรัพย์เมื่อศาลอุทธรณ์ลงโทษกระทงหนักกว่าและไม่ระบุโทษฐานชิงทรัพย์
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยฐานชิงทรัพย์ไม่เกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ด้วยจริงดังที่ศาลชั้นต้นลงโทษมา แต่ได้ลงโทษด้วยบทหนักฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานลดแล้วคงจำคุก 13 ปี 4 เดือน ไม่ระบุว่า โทษฐานชิงทรัพย์มากน้อยเท่าใด ดังนี้ จำเลยย่อมฎีการวมตลอดถึงความผิดฐานชิงทรัพย์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 27/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดโทษและความชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา กรณีเจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสาร และการฎีกาที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง
ในความผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมหนังสือแม้กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 229 และ 230 กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไปจนถึง 10 ปี ก็จริง แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 กำหนดโทษว่า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีซึ่งไม่มีกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ เมื่อกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะศาลทำการพิจารณาเป็นเช่นนี้ ในการวินิจฉัยกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 จึงต้องถือเอาตามนั้น แม้จะไม่ได้ระบุว่ามาตราใดตรงกับมาตราของกฎหมายเดิมมาตราไหน แต่ก็อาจเห็นจากบทบัญญัติของกฎหมายเก่าและใหม่ได้อยู่ในตัวแล้ว เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงสั่งไม่ให้สืบพยาน เช่นนี้ ย่อมเป็นการชอบแล้ว เพราะการที่ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์หรือไม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2503)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยจะฎีกาว่าจำเลยมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 โดยบิดาจำเลยได้นำเงินส่วนตัวมอบให้ผู้เสียหายหมดสิ้นแล้ว และว่าการที่ศาลมิให้จำเลยสืบพยาน ทำให้ศาลไม่ทราบถึงข้อควรคำนึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ หาได้ไม่ เพราะการฎีกาดังกล่าวขัดกับที่ปรากฏในรายงานพิจารณาที่ว่า จำเลยแถลงว่าจำเลยไม่สามารถหาเงินมาชำระแก่เจ้าทุกข์ได้ จำเลยขอให้ศาลพิพากษาไป การที่จำเลยบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยจะฎีกาว่าจำเลยมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 โดยบิดาจำเลยได้นำเงินส่วนตัวมอบให้ผู้เสียหายหมดสิ้นแล้ว และว่าการที่ศาลมิให้จำเลยสืบพยาน ทำให้ศาลไม่ทราบถึงข้อควรคำนึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ หาได้ไม่ เพราะการฎีกาดังกล่าวขัดกับที่ปรากฏในรายงานพิจารณาที่ว่า จำเลยแถลงว่าจำเลยไม่สามารถหาเงินมาชำระแก่เจ้าทุกข์ได้ จำเลยขอให้ศาลพิพากษาไป การที่จำเลยบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากยักยอกทรัพย์ (มาตรา 353) เป็นเอาทรัพย์ (มาตรา 314) ทำให้การฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานยักยอกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 จำเลยยักยอกเงิน 2 ครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน จำคุกจำเลยกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวม 2 กระทง 5 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานยักยอกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี
ดังนี้ถือว่าแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503) (ควรเทียบดูฎีกาที่ 619/2499)
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานยักยอกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี
ดังนี้ถือว่าแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503) (ควรเทียบดูฎีกาที่ 619/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากยักยอกทรัพย์ ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษฐานจากประมวลกฎหมายอาญาเป็นกฎหมายลักษณะอาญา ทำให้ฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 จำเลยยักยอกเงิน 2 ครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกันจำคุกจำเลยกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวม 2 กระทง 5 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานยักยอกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี
ดังนี้ถือว่าแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503) (ควรเทียบดูกับฎีกาที่ 619/2499)
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานยักยอกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314 ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี
ดังนี้ถือว่าแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503) (ควรเทียบดูกับฎีกาที่ 619/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บทบัญญัติมาตรา 281 ประมวลกฎหมายอาญา ไม่ใช่บทลงโทษ แต่เป็นข้อยกเว้นความผิดและข้อจำกัดการฟ้องร้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 มิได้บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้เป็นแต่บัญญัติว่า การกระทำความผิดตามมาตรา 276 และ 278 นั้น ถ้ามิได้ทำต่อหน้าธารกำนัลไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัสและเป็นการโทรมหญิง เป็นความผิดอันยอมความกันได้ จึงมิใช่บทกำหนดการกระทำอันเป็นผิดและกำหนดโทษไว้อันจะนำมาเป็นบทลงโทษจำเลยได้
ศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดตามมาตรา 276,281,310 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,281 จำคุก 10 ปี จำเลยรับลดกึ่ง คงจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยผิดตามมาตรา276,310 ให้ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 5 ปี รับลดกึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจและเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2503)
ศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดตามมาตรา 276,281,310 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,281 จำคุก 10 ปี จำเลยรับลดกึ่ง คงจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยผิดตามมาตรา276,310 ให้ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 5 ปี รับลดกึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจและเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มาตรา 281 ไม่ใช่บทลงโทษ, การใช้ดุลยพินิจศาลในการลดโทษ, การจำกัดสิทธิฎีกา
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 มิได้บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ เป็นแต่บัญญัติว่า การกระทำความผิดตามมาตรา 276 และ 278 นั้น ถ้ามิได้ทำต่อหน้าธารกำนัลไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัสและเป็นการโทรมหญิง เป็นความผิดอันยอมความกันได้ จึงมิใช่บทกำหนดการกระทำอันเป็นผิดและกำหนดโทษไว้ อันจะนำมาเป็นบทลงโทษจำเลยได้
ศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดตาม มาตรา 276, 281, 310 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 281 จำคุก 10 ปี จำเลยรับลดกึ่ง คงจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิดตามมาตรา 276, 310 ให้ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 5 ปี รับลดกึ่ง ลงจำคุก 2 ปี 6 เดือน เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลยพินิจและเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2503)
ศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดตาม มาตรา 276, 281, 310 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 281 จำคุก 10 ปี จำเลยรับลดกึ่ง คงจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิดตามมาตรา 276, 310 ให้ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 5 ปี รับลดกึ่ง ลงจำคุก 2 ปี 6 เดือน เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลยพินิจและเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 290 จำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 290 แต่ลดมาตราส่วนโทษให้นายซ้งจำเลยคนหนึ่ง 1 ใน 3 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน นอกนั้นวางโทษจำคุกคนละ 4 ปีและลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 4 คงเหลือโทษจำคุกนายซ้ง 2 ปี จำเลยนอกนั้นคนละ 3 ปี ดังนี้ ถือว่าแก้น้อย ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยในคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา ทำให้ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่สำเร็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม มาตรา 290 จำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 290 แต่ลดมาตราส่วนโทษให้นายซ้งจำเลยคนหนึ่ง 1 ใน 3 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน นอกนั้นวางโทษจำคุกคนละ 4 ปี และลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 4คงเหลือโทษจำคุกนายซ้ง 2 ปีจำเลยนอกนั้นคนละ 3 ปี ดังนี้ ถือว่าแก้น้อยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้