พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษปรับเมื่อมีโทษทั้งจำและปรับตามกฎหมายฝิ่น และการใช้ดุลพินิจงดปรับ
ตาม ม.11 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาอาจนำมาตรา 23 แห่งกฎหมายลักษณะอาญามาบังคับกับ พ.ร.บ.ฝิ่นได้
เมื่อนำ ม.23 แห่งกฎหมายลักษณะอาญามาใช้แล้ว ศาลก็อาจจำคุกจำเลยสถานเดียวโดยไม่ปรับได้
ข้อความที่บัญญัติไว้ในกฎหมายฝิ่นว่าให้ปรับเท่านั้น ๆ เท่า หมายความว่าเมื่อศาลจะปรับจึงจะปรับตามส่วนที่กฎหมายฝิ่นกำหนดเมื่อศาลใช้ดุลพินิจจำคุกอย่างเดียว โดยไม่ปรับ บทบัญญัติในเรื่องปรับก็เป็นอันพ้นไป
การฎีกาให้ศาลใช้ดุลพินิจลงโทษปรับด้วย เป็นข้อเท็จจริง ฎีกาไม่ได้
เมื่อนำ ม.23 แห่งกฎหมายลักษณะอาญามาใช้แล้ว ศาลก็อาจจำคุกจำเลยสถานเดียวโดยไม่ปรับได้
ข้อความที่บัญญัติไว้ในกฎหมายฝิ่นว่าให้ปรับเท่านั้น ๆ เท่า หมายความว่าเมื่อศาลจะปรับจึงจะปรับตามส่วนที่กฎหมายฝิ่นกำหนดเมื่อศาลใช้ดุลพินิจจำคุกอย่างเดียว โดยไม่ปรับ บทบัญญัติในเรื่องปรับก็เป็นอันพ้นไป
การฎีกาให้ศาลใช้ดุลพินิจลงโทษปรับด้วย เป็นข้อเท็จจริง ฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตเป็นข้อเท็จจริง, อายุความแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา
มีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปี ไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีที่จะต้องแบ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ม.164
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปี ไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีที่จะต้องแบ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ม.164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาและการพิสูจน์เจตนาทุจริต
มีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ป.พ.พ. มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปีไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่จะต้องแบ่งตาม ป.พ.พ. ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตาม ม.164.
ป.พ.พ. มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปีไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่จะต้องแบ่งตาม ป.พ.พ. ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตาม ม.164.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์: ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีที่ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายบทเดียวกัน เป็นแต่ใช้ดุลพินิจในการลงโทษหนักขึ้นและลดโทษฐานปราณีน้อยลง แต่ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษที่หนักขึ้นโดยศาลอุทธรณ์ถือเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ไม่อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
คดีที่ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายบทเดียวกันเป็นแต่ใช้ดุลพินิจในการลงโทษหนักขึ้นและลดโทษฐานปราณีน้อยลงแต่ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสินบนเจ้าพนักงาน: การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากเดิมเล็กน้อยและการพิจารณาความแตกต่างของข้อเท็จจริงในฟ้อง
เพียงแต่พยานโจทก์ผู้เสียเงินให้จำเลยประมาณวันเวลาที่จำเลยไปตรวจที่จับจองและเรียกร้องเอาเงิน และจำเลยก็ รับว่าได้ไปตรวจที่ดินจริง ทั้งมีสมุดลงเวลาทำงานเป็นหลักฐานต้องตามวันที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่าข้อเท็จจริง เกี่ยวกับวันเวลาตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136 ลงโทษจำคุก 2 ปี ลดตามมาตรา 59 ให้ 1 ใน 3 คงจำไว้ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะบทเป็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 138 นอกนั้นยืน ดังนี้ เป็นการแก้น้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 136 ลงโทษจำคุก 2 ปี ลดตามมาตรา 59 ให้ 1 ใน 3 คงจำไว้ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะบทเป็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 138 นอกนั้นยืน ดังนี้ เป็นการแก้น้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 713/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสินบนจากราษฎรเพื่อเอื้อประโยชน์ในการตรวจรับรองที่ดิน การแก้ไขโทษทางอาญา
เพียงแต่พยานโจทก์ผู้เสียเงินให้จำเลยประมาณวันเวลาที่จำเลยไปตรวจที่จับจองและเรียกร้องเอาเงินและจำเลยก็รับว่าได้ไปตรวจที่ดินจริงทั้งมีสมุดลงเวลาทำงานเป็นหลักฐานต้องตามวันที่โจทก์ฟ้องดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันเวลาตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา136 ลงโทษจำคุก 2 ปี ลดตามมาตรา59 ให้ 1 ใน 3 คงจำไว้ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะบทเป็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 138 นอกนั้นยืน ดังนี้ เป็นการแก้น้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา136 ลงโทษจำคุก 2 ปี ลดตามมาตรา59 ให้ 1 ใน 3 คงจำไว้ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะบทเป็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 138 นอกนั้นยืน ดังนี้ เป็นการแก้น้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ: ต้องมีโทษจำคุกจริง 2 ครั้งขึ้นไป จึงจะเพิ่มโทษได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 288,60 มีกำหนด 1 ปี จำเลยมีอายุไม่เกิน 20 ปี ลดให้ 1 ใน 3 คงจำ 8 เดือน เพิ่มตาม มาตรา 73 อีกกึ่งหนึ่งและลดฐานรับสารภาพให้ 1 ใน 3 คงให้จำคุกไว้ 8 เดือนเมื่อจำเลยพ้นโทษแล้วให้ส่งตัวไปกักกันมีกำหนด 3 ปีตาม พระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 มาตรา 8,9
แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยต้องคำพิพากษาว่ากระทำผิดมาแล้ว 5 ครั้งๆ ที่ 1 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้เรียกทัณฑ์บน ครั้งที่ 2 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งโรงเรียนดัดสันดานมีกำหนด 3 ปี ครั้งที่ 3 ฐานเล่นการพนันไพ่ปรับ 30บาท ครั้งที่ 4 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งสถานพินิจฝึกและอบรม ครั้งที่ 5 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้จำคุก 2 ปี เห็นได้ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกจริงคือสำหรับครั้งที่ 5 นี้เท่านั้นจึงเพิ่มโทษกักกันจำเลยไม่ได้
แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยต้องคำพิพากษาว่ากระทำผิดมาแล้ว 5 ครั้งๆ ที่ 1 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้เรียกทัณฑ์บน ครั้งที่ 2 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งโรงเรียนดัดสันดานมีกำหนด 3 ปี ครั้งที่ 3 ฐานเล่นการพนันไพ่ปรับ 30บาท ครั้งที่ 4 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งสถานพินิจฝึกและอบรม ครั้งที่ 5 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้จำคุก 2 ปี เห็นได้ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกจริงคือสำหรับครั้งที่ 5 นี้เท่านั้นจึงเพิ่มโทษกักกันจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ: จำเลยต้องโทษจำคุกจริงไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง จึงจะเพิ่มโทษกักกันได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.288,60 มีกำหนด 1 ปี จำเลยมีอายุไม่เกิน 20 ปีลดให้1 ใน 3 คงจำ 8 เดือน เพิ่มตาม ม.73 อีกกึ่งหนึ่งและลดฐานรับสารภาพให้ 1 ใน 3 คงให้จำคุกไว้ 8 เดือน เมื่อจำเลยพ้นโทษแล้วให้ส่งตัวไปกักกันมีกำหนด 3 ปี ตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดาน เป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ม.8,9
แต่เมื่อปรากฎว่าจำเลยต้องคำพิพากษาว่ากระทำผิดมาแล้ว 5 ครั้ง ๆ ที่ 1 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้เรียกทัณฑ์บล ครั้งที่ 2 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งโรงเรียนดัดสันดานมีกำหนด 3 ปี ครั้งที่ 3 ฐานเล่นการพนันไพ่ปรับ 30 บาท ครั้งที่ 4 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งสถานพินิจผึกและอบรม ครั้งที่ 5 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้จำคุก 2 ปี เห็นได้ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกจริงคือสำหรับครั้งที่ 5 นี้เท่านั้น จึงเพิ่มโทษกักกันจำเลยไม่ได้
แต่เมื่อปรากฎว่าจำเลยต้องคำพิพากษาว่ากระทำผิดมาแล้ว 5 ครั้ง ๆ ที่ 1 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้เรียกทัณฑ์บล ครั้งที่ 2 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งโรงเรียนดัดสันดานมีกำหนด 3 ปี ครั้งที่ 3 ฐานเล่นการพนันไพ่ปรับ 30 บาท ครั้งที่ 4 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้ส่งสถานพินิจผึกและอบรม ครั้งที่ 5 ฐานวิ่งราวทรัพย์ให้จำคุก 2 ปี เห็นได้ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกจริงคือสำหรับครั้งที่ 5 นี้เท่านั้น จึงเพิ่มโทษกักกันจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งแหล่งที่มาของช้างที่ถูกริบ: ข้อจำกัดในการฎีกาข้อเท็จจริง และการปรับบทลงโทษ
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องให้ริบช้างของจำเลยโดยฟังว่าช้างถูกนำเข้ามาจากประเทศพม่านั้น จำเลยจะฎีกาคัดค้านว่าช้างมิได้ถูกนำมาจากประเทศพม่าแต่เช่าผู้อื่นมาจากในเขตประเทศไทยไม่ได้ เพราะถือว่าจำเลยฎีกาค้านในข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาในเรื่องนี้