คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 218

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดเจ้าพนักงานละเว้นการจับกุม และการใช้ดุลยพินิจยกโทษจำคุกในคดีพะนัน
ฎีกาว่าศาลฟังข้อเท็จจริงไม่ตรงตามสำนวนนั้นเป็นข้อกฎหมาย
พลตำรวจไม่จับกุมผู้ลักเล่นการพะนันนั้นไม่เป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 146 เพราะการไม่จับกุมไม่ถือว่า เป็นการป้องกันและขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย
การใช้ดุลยพินิจยกโทษจำคุกตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 40 แก่จำเลยในคดีการพะนันย่อมใช้ได้ ไม่เป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.การพะนัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้าม: การโต้แย้งการรับพิจารณาคดีอาญาในประเด็นอาวุธและลักษณะการกระทำ
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิเคราะห์ถึงอาวุธที่จำเลยใช้ทำร้ายบาดแผลของผู้ตาย และลักษณะการกระทำของจำเลย ดังนี้ถือว่า เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลล่าง 2 ศาลพิพากษาต้องกันให้จำคุกจำเลย 4 ปี ฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ม.218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้าม: การโต้แย้งอาวุธและลักษณะการกระทำในคดีฆ่าคนโดยไม่เจตนา
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิเคราะห์ถึงอาวุธที่จำเลยใช้ทำร้ายบาดแผลของผู้ตายและลักษณะการกระทำของจำเลย ดังนี้ถือว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลล่าง 2 ศาลพิพากษาต้องกันให้จำคุกจำเลย 4 ปีฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตาม มาตรา 218

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์แสดงสันดานผู้ร้ายและการลงโทษกักกัน
พฤติการณ์ที่ถือว่าจำเลยมีสันดานเป็นผู้ร้าย
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี 4 เดือนและลงโทษกักกันอีก 3 ปีศาลอุทธรณ์แก้ให้ยกโทษกักกันเสียดังนี้ โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในเรื่องกักกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของตัวการร่วมกันทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 256 จำคุกคนละ 2 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 254 จำคุก 1 ปี 6 เดือน และ 1 ปีดังนี้ เป็นการแก้ไขมาก โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
สองคนต่างลงมือทำร้ายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัสแม้ไม่ทราบว่าบาดแผลที่สาหัสนั้นเป็นเพราะคนใดทำร้ายแน่ก็ถือได้ว่าเป็นเพราะผลแห่งการกระทำทั้งสองคนนั้น คนทั้งสองนั้นจึงต่างเป็นตัวการตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 63,256

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันในคดีทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส และการเป็นตัวการ
ศาลชั้นต้นพิพากษษลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.256 จำคุกคนละ 2 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 254 จำคุก 1 ปี 6 เดือน และ 1 ปี ดังนี้ เป็นการแก้ไขมา โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
สองคนต่างลงมือทำร้ายผู้เสียหายถึงบาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ทราบว่าบาดแผลที่สาหัสนั้นเป็นเพราะคนใดทำร้ายแน่ ก็ถือได้ว่า เป็นเพราะผลแห่งการกระทำทั้งสองคนนั้น คนทั้งสองนั้นจึงต่างเป็นตัวการตาม ก.ม.อาญา ม.63 - 256

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการส่งตัวผู้ต้องโทษไปกักกัน พิจารณาจากระยะห่างของโทษและความร้ายแรงของโทษปัจจุบัน
ในคดีที่โจทก์ขอให้ส่งตัวจำเลยไปกักกัน ตาม พ.ร.บ.กักกัน ฯลฯ มาตรา 8-9 นั้น เมื่อปรากฏต้องโทษครั้งที่หนึ่งจำเลยต้องจำคุก 3 เดือน พ้นโทษ พ.ศ.2466 โทษครั้งที่ 2 ต้องจำคุก 8 ปี พ้นโทษ พ.ศ.2475 โทษครั้งที่ 3 ต้องจำคุก 8 เดือน พ้นโทษ พ.ศ.2479 ดังนี้เป็นการต้องโทษระยะห่าง ๆ กัน และเมื่อต้องโทษครั้งที่ฟ้องนี้เพียง 6 เดือนเท่านั้น ศาลย่อมใช้ดุลยพินิจไม่ส่งตัวจำเลยไปกักกันได้
ศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือน+ไปกักกัน 3 ปี ศาลอุทธรณ์ให้+โทษกักกัน โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในเรื่องกักกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการส่งตัวผู้ต้องโทษไปกักกัน พิจารณาจากระยะห่างของการต้องโทษและความร้ายแรงของโทษ
ในคดีนี้ที่โจทก์ขอให้ส่งตัวจำเลยไปกักกันตาม พระราชบัญญัติกักกันฯลฯ มาตรา 8-9 นั้น เมื่อปรากฏว่าโทษครั้งที่หนึ่งจำเลยต้องจำคุก 3 เดือนพ้นโทษ พ.ศ.2466 โทษครั้งที่ 2 ต้องจำคุก 8 ปี พ้นโทษ พ.ศ.2475 โทษครั้งที่ 3 ต้องจำคุก 8 เดือนพ้นโทษ พ.ศ.2479 ดังนี้ เป็นการต้องโทษระยะห่างๆ กันและเมื่อต้องโทษครั้งที่ฟ้องนี้เพียง 6 เดือนเท่านั้น ศาลย่อมใช้ดุลพินิจไม่ส่งตัวจำเลยไปกักกันได้
ศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือนส่งไปกักกัน 3 ปีศาลอุทธรณ์ให้ยกโทษกักกัน โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในเรื่องกักกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้กระทำผิดซ้ำถูกพิจารณาว่ามีสันดานเป็นผู้ร้าย และถูกกักกันตามกฎหมาย
จำเลยทำผิดฐานลักทรัพย์และวิ่งราวมาถึง 3 ครั้ง ระหว่างพ.ศ.2480 ถึง 2489 ดังนี้นับว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย ควรลงโทษกักกันจำเลยแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 4 เดือน เมื่อพ้นโทษแล้วให้กักกัน 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไม่เพิ่มโทษกักกันดังนี้ถือว่าแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำพิพากษาเกี่ยวกับโทษกักกัน ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากเป็นดุลยพินิจของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 4 เดือนแล้วให้กักกันมีกำหนด 3 ปีนั้น ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
การขอให้ยกหรือลดโทษกักกันอันเป็นดุลยพินิจนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.
of 144