คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 296 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 267 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4405/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ไต่สวนราคาทรัพย์ขายทอดตลาดต้องมีคำขอให้ยกเลิกการขาย หากศาลไต่สวนแต่ไม่ยกเลิก ก็ไม่เป็นผล
ตามคำร้อง ของ จำเลยเพียงแต่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องเพื่อขอให้จำเลยพิสูจน์ถึงราคาทรัพย์ที่ขายทอดตลาดที่แท้จริงดังนั้น แม้หากศาลได้ไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยตามที่จำเลยฎีกา กรณีก็ไม่อาจยกเลิกการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดได้เนื่องจากจำเลยมิได้มีคำขอมาเช่นนั้น จึงต้องยกคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4297/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดแยกแปลงและการคัดค้านวิธีขาย เจ้าของที่ดินต้องคัดค้านก่อนการขายสำเร็จ
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินไปโดยวิธีการขายแยกแปลง หากโจทก์ไม่เห็นด้วย โจทก์ชอบที่จะร้องคัดค้านไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 วรรคท้ายเมื่อโจทก์มิได้คัดค้านไว้ โจทก์จะยกเอาความข้อนี้เป็นเหตุคัดค้านเมื่อการขายทอดตลาดสำเร็จบริบูรณ์หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4036/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดโดยไม่แจ้งเจ้าของทรัพย์ การปิดประกาศไม่ชอบ และการบังคับคดีที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย
พนักงานเดินหมายปิดประกาศขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทยังบ้านที่จำเลยแจ้งย้ายออกไปแล้ว ไม่ใช่เป็นการปิด ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักงานทำการงานของจำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดีใช้วิธีการประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายนัดโดยวิธีธรรมดา ทั้ง ๆที่การส่งโดยวิธีธรรมดายังทำได้อยู่ ย่อมเป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคแรก ถือได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทไม่ทราบประกาศขายทอดตลาด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทไปโดยไม่แจ้งให้ทราบซึ่งคำสั่งศาลและวันขายทอดตลาดแก่จำเลย ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี จึงเป็นการดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ. มาตรา296 วรรคสอง และมาตรา 306

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3794/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยรับรองภูมิลำเนาในคำให้การและไม่คัดค้านการบังคับคดีทันที
การส่งคำบังคับให้จำเลยโดยปิดคำบังคับตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในคำให้การของจำเลย และบันทึกคำให้การพยานที่จำเลยมาให้การเป็นพยานซึ่งเป็นการยอมรับว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาตรงตามที่โจทก์ระบุในฟ้องนั้น เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 272 ประกอบมาตรา 79 โดยชอบแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำบังคับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งออกหมายบังคับคดีแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามมาตรา 276 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจหน้าที่ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งภาค 4 ลักษณะ 2 บัญญัติไว้ เมื่อปรากฏว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ที่ดินของจำเลยมีรายงานการยึดทรัพย์ ประกาศการขายทอดตลาดโดยประกาศหนังสือพิมพ์ มีการซื้อทรัพย์สินคือที่ดินดังกล่าว และศาลชั้นต้นได้มีหนังสือแจ้งนายอำเภอซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบดำเนินการโอนสิทธิครอบครองในที่ดินให้ผู้ซื้อ และโจทก์ได้รับเงินชำระหนี้บางส่วนแล้วตามลำดับ การบังคับคดีเฉพาะทรัพย์สินรายนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นลงไม่ปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อนหน้านั้นต่อศาลชั้นต้นแต่อย่างไร การที่จำเลยยื่นคำร้องภายหลังว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีทรัพย์สินรายนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3635/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: การขายทอดตลาดทรัพย์สิน การพิสูจน์ราคาตลาด และการเพิกถอนการขาย
การขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทนี้ได้ราคาสูงสุด 1,240,000 บาทซึ่งสูงกว่าวงเงินจำนองถึงเท่าตัว เพียงแต่ค่าอุปกรณ์คือดอกเบี้ยค้างส่งถึง 5 ปี จึงทำให้ขายได้สูงกว่าวงเงินจำนองพร้อมค่าอุปกรณ์เพียงเล็กน้อย ที่จำเลยอ้างว่าหากขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทรวมกับทรัพย์สินอื่นของจำเลยจะได้ราคารวมกันถึง5,000,000 บาท นั้น ก็ได้ความจากคำเบิกความของพยานจำเลยว่าราคาดังกล่าวเป็นราคาเสนอขาย แต่เมื่อต่อรองแล้วจำเลยว่ามีผู้มาเสนอซื้อ 3,300,000 บาทดังนั้น ที่จำเลยอ้างว่าทรัพย์พิพาทและทรัพย์สินอื่นของจำเลยมีราคาจริงถึง5,000,000 บาท จึงรับฟังไม่ได้ ส่วนทรัพย์พิพาทจะมีราคาในท้องตลาดเท่าใดจำเลยก็หาได้นำสืบไม่เพียงแต่จำเลยอ้างว่าหากขายได้ต่ำกว่า 2,000,000 บาทจะคัดค้านตลอดไป ตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีไม่เพียงพอให้ฟังได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รวบรัดการขายหรือรู้เห็นหรือยินยอมหรือกระทำการไม่สุจริตหรือกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ.มาตรา 296วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ และทำการขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3370/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการขายทอดตลาดในคดีล้มละลาย: กำหนดเวลา 14 วัน ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ ไม่ใช่ 8 วันตาม ป.วิ.พ.
เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ (จำเลย)การขายทอดตลาดดังกล่าวจึงเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ การยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด จึงเป็นการร้องคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องกระทำภายใน14 วัน นับแต่วันขายทอดตลาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 146 ไม่ใช่ 8 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 153

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการบังคับคดี: ต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นก่อนอุทธรณ์
หากจำเลยเห็นว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีโดยไม่ชอบและฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการบังคับคดีจำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นที่บังคับคดีนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง เมื่อศาลไต่สวนและมีคำสั่งแล้ว จำเลยจึงจะมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไป การที่จำเลยอ้างว่าได้คัดค้านการขายทอดตลาดด้วยวาจา แล้วอุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีหรือศาลที่อนุญาตให้ขายทอดตลาดไปทีเดียว ย่อมเป็นการไม่ชอบและไม่อาจทำได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน หากเลยกำหนดถือเป็นผิดขั้นตอน
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว หากโจทก์เห็นว่าการขายทอดตลาดเป็นไปโดยไม่ชอบเนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้แจ้งให้เจ้าหนี้ทราบ และไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ก่อน โจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลที่ทำการบังคับคดีไม่ว่าเวลาใด ๆก่อนการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นลง เพื่อขอให้มีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาด ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296แต่ต้องไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันที่โจทก์ทราบการฝ่าฝืน เมื่อโจทก์มิได้ยื่นคำร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแต่กลับมายื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์จึงเป็นการผิดขั้นตอนของลำดับชั้นศาล ดังนี้ โจทก์จะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดหุ้นที่ราคาต่ำกว่าตลาดอย่างมากถือเป็นการหลงผิดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ทำให้การขายนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การขายทอดตลาดหุ้นบริษัท อ. มีผู้เข้าประมูลสู้ราคากันหลายรายรวมทั้งตัวแทนโจทก์ด้วย การดำเนินการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ส่อพฤติการณ์ทุจริต แต่ปรากฏว่าบริษัท อ. ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นจากหุ้นละ 100 บาท เป็นหุ้นละ 10 บาท หุ้นของจำเลยจำนวน 1,000 หุ้นจึงแตกออกเป็น 10,000 หุ้น ซึ่งราคาหุ้นที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันขายทอดตลาดมีราคาหุ้นละ 98.50 บาท ฉะนั้นราคาหุ้นพิพาทตามราคาที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ขายทอดตลาดเป็นเงิน 985,000 บาท แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้ผู้คัดค้านทั้งห้าในราคา 152,000 บาท ซึ่งหากเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบราคาหุ้นทั้งหมดก็จะไม่อนุมัติให้ขาย จึงถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายหุ้นพิพาทโดยหลงผิด เนื่องจากไม่รู้ราคาที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งการที่ขายทอดตลาดหุ้นพิพาทต่างจากราคาในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมากเช่นนี้ จำเลยย่อมเสียหายต่อการชำระหนี้ จึงให้เพิกถอนการขายทอดตลาด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการขายทอดตลาดหุ้น: เจ้าพนักงานบังคับคดีหลงผิดเรื่องราคาหุ้น
แม้ว่าการขายทอดตลาดหุ้นของบริษัท อ. มีผู้เข้าประมูลสู้ราคากันหลายรายรวมทั้งตัวแทนโจทก์ก็เข้าประมูลสู้ราคาด้วย ซึ่งแสดงว่าการดำเนินการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ส่อพฤติการณ์ทุจริตก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าบริษัท อ.จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นจากหุ้นละ100 บาท เป็นหุ้นละ 10 บาท หุ้นของจำเลย 1,000 หุ้น จึงแตกออกเป็น10,000 หุ้น และมีราคาที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ขายทอดตลาดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 985,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายให้แก่ผู้คัดค้านในราคา 152,000 บาท อย่างมาก เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดียอมรับว่าหากในขณะที่ประมูลซื้อขายกันตนทราบว่าหุ้นทั้งหมดมีราคาประมาณ900,000 บาท ก็จะไม่อนุมัติให้ขาย กรณีจึงถือได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายหุ้นพิพาทไปโดยหลงผิด ทำให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเสียหาย ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง ที่โจทก์จะร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้
of 27