พบผลลัพธ์ทั้งหมด 538 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสัญญาหุ้นส่วนซื้อที่ดิน/โรงงาน: การโต้แย้งสิทธิซื้อขายและผลการบังคับใช้คำขอ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์กับจำเลยทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนกันซื้อที่ดินพร้อมโรงงานและสิ่งปลูกสร้าง โดยตกลงออกเงินกันคนละครึ่งจำเลยผิดสัญญาไม่ออกเงินส่วนของตน. โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเข้าหุ้นส่วนต่อจำเลยโดยถือว่าโจทก์มีสิทธิตามสัญญาซื้อขายแต่ผู้เดียว คำขอท้ายฟ้องของโจทก์มีอยู่ข้อหนึ่งว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อและทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานกับผู้ขายแต่ผู้เดียว ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง เช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานดังกล่าวแล้ว คำให้การจำเลยก็โต้แย้งว่า จำเลยไม่ได้ขอให้โจทก์จ่ายเงินทดรองและโจทก์ก็ไม่ได้จ่ายเงินทดรองแทนจำเลย เงินที่ชำระครั้งแรกกับที่ผ่อนชำระจำเลยได้ชำระครึ่งหนึ่งตามสัญญาตลอดมา จึงเป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลย หากพิจารณาได้ตามความที่โจทก์ฟ้อง ศาลก็บังคับตามคำขอของโจทก์ดังกล่าวได้ส่วนคำขออื่นซึ่งศาลบังคับให้ไม่ได้ หรือโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องศาลก็ชอบที่จะยกคำขอนั้น การงดสืบพยานจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิแต่ผู้เดียวตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานในราคา 3,400,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิตามสัญญาดังกล่าวครึ่งหนึ่งและจำเลยได้ชำระเงินตามสัญญาครึ่งหนึ่งตลอดมา ดังนี้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ 1,700,000 บาท
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิแต่ผู้เดียวตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานในราคา 3,400,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิตามสัญญาดังกล่าวครึ่งหนึ่งและจำเลยได้ชำระเงินตามสัญญาครึ่งหนึ่งตลอดมา ดังนี้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ 1,700,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสิทธิซื้อขายที่ดินและโรงงานระหว่างหุ้นส่วน สิทธิเรียกร้องและค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์กับจำเลยทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนกันซื้อที่ดินพร้อมโรงงานและสิ่งปลูกสร้าง โดยตกลงออกเงินกันคนละครึ่งจำเลยผิดสัญญาไม่ออกเงินส่วนของตน. โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเข้าหุ้นส่วนต่อจำเลยโดยถือว่าโจทก์มีสิทธิตามสัญญาซื้อขายแต่ผู้เดียว คำขอท้ายฟ้องของโจทก์มีอยู่ข้อหนึ่งว่า โจทก์เป็นผู้ซื้อและทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานกับผู้ขายแต่ผู้เดียว ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง เช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานดังกล่าวแล้ว คำให้การจำเลยก็โต้แย้งว่าจำเลยไม่ได้ขอให้โจทก์จ่ายเงินทดรองและโจทก์ก็ไม่ได้จ่ายเงินทดรองแทนจำเลย เงินที่ชำระครั้งแรกกับที่ผ่อนชำระจำเลยได้ชำระครึ่งหนึ่งตามสัญญาตลอดมา จึงเป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลย หากพิจารณาได้ตามความที่โจทก์ฟ้อง ศาลก็บังคับตามคำขอของโจทก์ดังกล่าวได้ส่วนคำขออื่นซึ่งศาลบังคับให้ไม่ได้ หรือโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้อง ศาลก็ชอบที่จะยกคำขอนั้น การงดสืบพยานจึงไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิแต่ผู้เดียวตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานในราคา 3,400,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิตามสัญญาดังกล่าวครึ่งหนึ่งและจำเลยได้ชำระเงินตามสัญญาครึ่งหนึ่งตลอดมา ดังนี้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ 1,700,000 บาท
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิแต่ผู้เดียวตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและโรงงานในราคา 3,400,000 บาท จำเลยให้การว่าจำเลยมีสิทธิตามสัญญาดังกล่าวครึ่งหนึ่งและจำเลยได้ชำระเงินตามสัญญาครึ่งหนึ่งตลอดมา ดังนี้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ 1,700,000 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3569/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากการเพิกเฉยไม่ชำระค่าขึ้นศาล ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์และถ้าหากศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรให้ยกฟ้องก็ขอให้สั่งพิจารณาคดีใหม่ ดังนี้ จำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ โจทก์ฟ้องเพราะหาได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้จงใจขาดนัดเพียงประการเดียวไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลให้ถูกต้องเสียก่อนแล้วจำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระ จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3569/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากเพิกเฉยต่อคำสั่งชำระค่าขึ้นศาล ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์และถ้าหากศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรให้ยกฟ้องก็ขอให้สั่งพิจารณาคดีใหม่ ดังนี้ จำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ เพราะหาได้อุทธรณ์ว่าตนมิได้จงใจขาดนัดเพียงประการเดียวไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลให้ถูกต้องเสียก่อนแล้วจำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระ จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจจำหน่ายคดีเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2855/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน: คดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมยกให้ที่ดิน ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลูกหนี้โจทก์ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 3 ที่ 4 อันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ตามฟ้องของโจทก์มิได้เรียกร้องเอาที่ดินมาเป็นของโจทก์ เพียงแต่ขอให้ที่ดินกลับมาเป็นของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลูกหนี้ตามเดิม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2855/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน: คดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมยกให้ที่ดิน ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลูกหนี้โจทก์ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 3ที่ 4 อันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบตามฟ้องของโจทก์มิได้เรียกร้องเอาที่ดินมาเป็นของโจทก์เพียงแต่ขอให้ที่ดินกลับมาเป็นของจำเลยที่ 1 ที่ 2ลูกหนี้ตามเดิม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์ไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงการยึดโฉนดเพื่อชำระหนี้: ผู้จัดการมรดกผูกพันตามสัญญา
โจทก์ให้จำเลยชำระหนี้แก่ ส.แทนโจทก์โดยมีข้อตกลงกันว่าถ้าโจทก์ต้องการที่ดินแปลงนี้โจทก์จะต้องชำระเงินให้แก่จำเลยหรือสามีจำนวนหนึ่ง และให้จำเลยกับสามียึดถือโฉนด จำเลยและสามีจึงมีสิทธิยึดโฉนดไว้จนกว่าโจทก์จะได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว โจทก์จะอาศัยอำนาจของผู้จัดการมรดกเรียกร้องให้จำเลยส่งมอบโฉนดให้แก่โจทก์ โดยโจทก์มิได้ปฏิบัติตามข้อผูกพันดังกล่าวหาได้ไม่
โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นมรดก แม้จำเลยจะกล่าวแก้ในคำให้การเป็นทำนองว่าที่ดินตามโฉนดฉบับนี้เป็นของจำเลย แต่ก็ถือได้ว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่จำต้องส่งมอบโฉนดที่ดินแก่โจทก์ เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้ มิใช่เป็นคดีพิพาทอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินซึ่งเป็นมรดก แม้จำเลยจะกล่าวแก้ในคำให้การเป็นทำนองว่าที่ดินตามโฉนดฉบับนี้เป็นของจำเลย แต่ก็ถือได้ว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่จำต้องส่งมอบโฉนดที่ดินแก่โจทก์ เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้ มิใช่เป็นคดีพิพาทอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3843/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลกรณีจำหน่ายคดีขาดนัด: ศาลไม่คืนค่าขึ้นศาลเมื่อไม่มีเหตุตามกฎหมาย แม้คดีจำหน่าย
โจทก์ขอบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินราคา 460,000 บาทถ้าไม่สามารถโอนขายได้ ให้ใช้ค่าเสียหาย 1,940,000 บาท คำขอข้อหลังจะใช้บังคับเมื่อคำขอข้อแรกบังคับไม่ได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่สูงกว่าคือทุนทรัพย์ 1,940,000 บาท
เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีแล้วไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์ดังกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151
เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีแล้วไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์ดังกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3843/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลเมื่อจำหน่ายคดีขาดนัด: ศาลไม่คืนค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่ต้องเสียเมื่อยื่นฟ้อง
โจทก์ขอบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินราคา 460,000 บาทถ้าไม่สามารถโอนขายได้ ให้ใช้ค่าเสียหาย 1,940,000บาท คำขอข้อหลังจะใช้บังคับเมื่อคำขอข้อแรกบังคับไม่ได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่สูงกว่าคือทุนทรัพย์ 1,940,000 บาท
เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีแล้วไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์ดังกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151
เมื่อโจทก์ขาดนัดพิจารณาและศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีแล้วไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์ดังกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้นต้องมีเจตนาเสนอและสนองที่ชัดเจน หากตกลงกันไม่ได้ในราคา สัญญาซื้อขายย่อมไม่สมบูรณ์
โจทก์จำเลยต่างเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ศ. ซึ่งมีข้อบังคับระบุว่า ผู้ถือหุ้นคนใดมีความประสงค์จะโอนหุ้น ต้องโอนให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทเดียวกันก่อน การที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าประสงค์จะขายหุ้น โดยมิได้กำหนดราคาค่าหุ้น หากแต่ให้มาติดต่อกับ น. ผู้รับมอบอำนาจของจำเลยก่อน จึงเป็นเพียงการเชื้อเชิญมิใช่คำเสนอ และหนังสือโต้ตอบระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องราคาค่าหุ้นอันเป็นข้อสำคัญแห่งสัญญาซึ่งยังไม่ตกลงกัน ก็มิใช่เป็นคำเสนอและคำสนองอันทำให้สัญญาซื้อขายหุ้นเกิดขึ้น โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องให้บังคับจำเลยโอนหุ้นแก่โจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายหุ้นซึ่งมีราคาปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้องเป็นเงิน 3,050,000 บาท เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ดังกล่าวตามตาราง 1 ข้อ 1 ก.ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายหุ้นซึ่งมีราคาปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้องเป็นเงิน 3,050,000 บาท เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ดังกล่าวตามตาราง 1 ข้อ 1 ก.ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง