พบผลลัพธ์ทั้งหมด 538 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสนอซื้อขายหุ้นต้องมีเจตนาชัดเจน หากตกลงกันไม่ได้ในราคา ถือเป็นเพียงการเจรจา ไม่เกิดสัญญาผูกพัน
โจทก์จำเลยต่างเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเดียวกันซึ่งมีข้อบังคับระบุว่า ผู้ถือหุ้นคนใดมีความประสงค์จะโอนหุ้น ต้องโอนให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทเดียวกันก่อน การที่จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบว่าประสงค์จะขายหุ้น โดยมิได้กำหนดราคาค่าหุ้น หากแต่ให้มาติดต่อกับน. ผู้รับมอบอำนาจของจำเลยก่อน จึงเป็นเพียงการเชื้อเชิญมิใช่คำเสนอ และหนังสือโต้ตอบระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องราคาค่าหุ้น อันเป็นข้อสำคัญแห่งสัญญาซึ่งยังไม่ตกลงกัน ก็มิใช่เป็นคำเสนอและคำสนองอันทำให้สัญญาซื้อขายหุ้นเกิดขึ้น โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องให้บังคับจำเลยโอนหุ้นแก่โจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายหุ้นซึ่งมีราคาปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้องเป็นเงิน 3,050,000 บาท เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ดังกล่าวตามตาราง 1 ข้อ1 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายหุ้นซึ่งมีราคาปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้องเป็นเงิน 3,050,000 บาท เป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ดังกล่าวตามตาราง 1 ข้อ1 ก. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดทุนทรัพย์คดีแพ่ง, การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย, และขอบเขตการฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 60,000 บาทต่อมาในวันสืบพยาน คู่ความแถลงรับกันในเรื่องค่าเสียหายว่าหากโจทก์ชนะคดีจำเลยยอมชำระค่าเสียหายให้ 40,000 บาทโจทก์พอใจรับค่าเสียหายตามที่ตกลงกัน ดังนี้ต้องถือว่าคดีนี้เป็นคดีมี ทุนทรัพย์พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ทำละเมิดก็ดี จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำละเมิดก็ดี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ส. เป็นคนร้ายลักตาข่ายดักปลาของจำเลย จำเลยทั้งสองแอบซุ่มดูอยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงถูกส. ถึงแก่ความตายโดย ส. มิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยทั้งสองแต่อย่างใดดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจฆ่า ส. ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายอันจะทำให้พ้นจากความรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 449
ส. เป็นคนร้ายลักตาข่ายดักปลาของจำเลย จำเลยทั้งสองแอบซุ่มดูอยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงถูกส. ถึงแก่ความตายโดย ส. มิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยทั้งสองแต่อย่างใดดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจฆ่า ส. ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายอันจะทำให้พ้นจากความรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 449
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลไม่ถูกต้องและทิ้งฟ้อง คดีพินัยกรรม
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายพินัยกรรม อันเป็นการเรียกร้องให้ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาได้สั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม แต่โจทก์ไม่จัดการเสียเพิ่มภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174 (2) ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลไม่ถูกต้องและทิ้งฟ้อง ทำให้จำหน่ายคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายพินัยกรรม อันเป็นการเรียกร้องให้ทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ผู้เป็นทายาท จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์ที่ระบุไว้ในพินัยกรรม แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาอย่างคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาได้สั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม แต่โจทก์ไม่จัดการเสียเพิ่มภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา174(2) ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์ภายในกำหนด ทำให้คำสั่งศาลถึงที่สุด และฎีกาต้องห้าม
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาหากจำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นก็ต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันทราบคำสั่งนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคท้าย แต่จำเลยเพิ่งยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายหลังครบกำหนดดังกล่าวแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาจึงถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งนั้นได้อีก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลอุทธรณ์สั่งยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย คำสั่งของศาลอุทธรณ์นี้ย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลอุทธรณ์สั่งยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย คำสั่งของศาลอุทธรณ์นี้ย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทราคากล้วย: การยอมรับหนี้บางส่วน ทำให้ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาลดลง
ตามทางนำสืบของโจทก์ว่า จำเลยค้างชำระราคากล้วย450,000 บาท จำเลยฎีกาว่าจำเลยคงค้างชำระอีก 317,776 บาท ดังนี้ ถือได้ว่าเงินจำนวน 317,776 บาท จำเลยยอมรับผิดชดใช้ให้โจทก์ ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาจึงมีจำนวน 132,224 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมฟ้องแย้งและการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฟ้องแย้ง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้มีเจตนาขัดขืนคำสั่ง
คำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้ง จำเลยอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคท้าย ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาฟ้องแย้งขอให้โจทก์โอนขายที่ดินต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาที่ดิน จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ให้เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มตามทุนทรัพย์ ฟังไม่ได้ว่า จำเลยเจตนาไม่ชำระค่าธรรมเนียมฟ้องแย้งให้ครบถ้วน ศาลให้เวลาชำระค่าธรรมเนียมภายใน 3 วัน นับแต่ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินและสร้างถนน: การปฏิบัติตามข้อตกลงเรื่องไหล่ถนนเป็นสาระสำคัญของสัญญา
โจทก์จำเลยตกลงกันว่า "โจทก์จะต้องทำถนนขนาดมาตรฐาน คอนกรีตเสริมเหล็กหนา 15 เซนติเมตร ส่วนหน้ากว้าง 8 เมตร ผิวจราจร 6 เมตร ไหล่ถนนข้างละ 1 เมตร ใต้ไหล่ทางมีท่อระบายน้ำ และท่อพักเปิดปิดทำความสะอาดได้ ???" ตามข้อตกลงดังกล่าว หมายความว่าโจทก์ต้องทำไหล่ถนนข้างละ 1 เมตร เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้ทำไหล่ถนนข้างละ 1 เมตร เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้ทำไหล่ถนนข้างละ 1 เมตร เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กเพียงแต่ทำท่อระบายน้ำมีบ่อพักและมีฝาปิดเปิดเท่านั้น ถือได้ว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับในสัญญาโดยครบถ้วน
คดีนี้โจทก์มีคำขอให้เรียกร้องที่ดินมาเป็นของโจทก์ ราคาที่ดินย่อมเป็นทุนทรัพย์ จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์
คดีนี้โจทก์มีคำขอให้เรียกร้องที่ดินมาเป็นของโจทก์ ราคาที่ดินย่อมเป็นทุนทรัพย์ จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาทำถนนไม่ถูกต้องตามข้อตกลง ถือเป็นการผิดสัญญา จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและยึดเงินมัดจำ
โจทก์จำเลยตกลงกันว่า "โจทก์จะต้องทำถนนขนาดมาตรฐานคอนกรีตเสริมเหล็กหนา 15 เซนติเมตรส่วนหน้ากว้าง 8เมตร ผิวจราจร 6 เมตร ไหล่ถนนข้างละ 1 เมตรใต้ไหล่ทางมีท่อระบายน้ำ และท่อพักเปิดปิดทำความสะอาดได้"ตามข้อตกลงดังกล่าวหมายความว่าโจทก์ต้องทำไหล่ถนนข้างละ1 เมตร เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กด้วยเมื่อโจทก์ไม่ได้ทำไหล่ถนนข้างละ 1 เมตรเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กเพียงแต่ทำท่อระบายน้ำมีบ่อพักและมีฝาปิดเปิดเท่านั้นถือได้ว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับในสัญญาโดยครบถ้วน
คดีนี้โจทก์มีคำขอให้เรียกร้องที่ดินมาเป็นของโจทก์ราคาที่ดินย่อมเป็นทุนทรัพย์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์
คดีนี้โจทก์มีคำขอให้เรียกร้องที่ดินมาเป็นของโจทก์ราคาที่ดินย่อมเป็นทุนทรัพย์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้โจทก์จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีจำหน่าย: โจทก์ไม่เสียค่าขึ้นศาล ศาลจำหน่ายคดีแล้ว ไม่สามารถกลับมาเสียค่าขึ้นศาลในคดีเดิมได้ ต้องยื่นฟ้องใหม่
ในชั้นพิจารณาคำฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่งคดีมีทุนทรัพย์ แต่โจทก์ไม่ยอมเสียอ้างว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี โจทก์อุทธรณ์และฎีกาคัดค้านในที่สุดศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีไปแล้วก็เท่ากับไม่มีคดีของโจทก์อยู่ในศาล โจทก์จะมายื่นคำแถลงขอเสียค่าขึ้นศาลในคดีที่ศาลชั้นต้นได้สั่งจำหน่ายไปแล้วไม่ได้ หากประสงค์จะดำเนินการต่อไปก็ชอบที่จะยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่โดยกำหนดทุนทรัพย์มาในฟ้อง และเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์นั้น