พบผลลัพธ์ทั้งหมด 538 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาทุนทรัพย์ในคดีบังคับโอนกรรมสิทธิ์: ศาลใช้ราคาที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันแม้ราคาซื้อขายจริงจะต่ำกว่า
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ ตั้งราคาทุนทรัพย์ของที่พิพาท 240,000 บาท จำเลยรับว่ามีราคาตามที่โจทก์ตีไว้ ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งทรัพย์ราคา 240,000 บาทให้โจทก์ หากจำเลยไม่สามารถโอนทรัพย์ให้โจทก์ได้ ก็ต้องใช้ราคาตามที่โจทก์จำเลยตั้งพิพาท จะถือเอาราคาซื้อขายตามที่ปรากฏจากข้อเท็จจริงว่าโจทก์ซื้อจากจำเลยเพียง 20,000 บาท มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมิใช่ราคาที่แท้จริงของทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาทุนทรัพย์ในคดีบังคับโอนกรรมสิทธิ์: ศาลใช้ราคาที่ตกลงกันจริง แม้ราคาซื้อขายจะต่ำกว่า
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตั้งราคาทุนทรัพย์ของที่พิพาท 240,000 บาท จำเลยรับว่ามีราคาตามที่โจทก์ตีไว้ ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งทรัพย์ราคา 240,000 บาทให้โจทก์ หากจำเลยไม่สามารถโอนทรัพย์ให้โจทก์ได้ ก็ต้องใช้ราคาตามที่โจทก์จำเลยตั้งพิพาท จะถือเอาราคาซื้อขายตามที่ปรากฏจากข้อเท็จจริงว่าโจทก์ซื้อจากจำเลยเพียง 20,000 บาทมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมิใช่ราคาที่แท้จริงของทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41-44/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท ศาลฎีกาห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อปรากฏว่ากรณีพิพาทเป็นเรื่องเถียงกรรมสิทธิ์ที่ดินว่าเป็นของโจทก์หรือจำเลย แม้โจทก์จะมีกำขอให้ห้ามจำเลยกับบริวาร เข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาท และขอให้สั่งเพิกถอนโฉนดของจำเลยเสียด้วย ก็เป็นเพียงผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันเป็นเพียงส่วนของคำขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินนั่นเอง จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ดังนั้น เมื่อทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกา ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41-44/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีกรรมสิทธิ์ที่ดินที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
เมื่อปรากฏว่ากรณีพิพาทเป็นเรื่องเถียงกรรมสิทธิ์ที่ดินว่า เป็นของโจทก์หรือจำเลย แม้โจทก์จะมีคำขอให้ห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาทและขอให้สั่งเพิกถอนโฉนดของจำเลยเสียด้วย ก็เป็นเพียงผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทอันเป็นเพียงส่วนของคำขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินนั่นเองจึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ดังนั้น เมื่อทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28-29/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ที่ดินทั้งแปลง: ศาลฎีกาวินิจฉัยราคาทุนทรัพย์และขอบเขตการฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินทั้งแปลง แม้ในตอนท้ายจะมีข้อความว่า "ได้พยายามพูดจาให้จำเลยทั้งสองออกไปเสียจากบ้านเลขที่ 5 อันเป็นบริเวณสุสาน" ซึ่งอาจเข้าใจว่า หมายถึงเฉพาะให้จำเลยออกจากศาลาที่อยู่อาศัย แต่ก็ยังมีคำว่า บริเวณสุสาน ติดต่อกันไป อันหมายความได้ว่า ให้จำเลยทั้งสองออกจากบริเวณสุสานนั่นเอง ทั้งในตอนสุดท้ายของคำฟ้องมีข้อความว่า "จำเป็นต้องฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสอง และให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนโรงถ่านออกไปเสียจากบริเวณบ้านเลขที่ 5 ซึ่งเป็นบริเวณของสุสานด้วย" เห็นได้ชัดว่า โจทก์ต้องการขับไล่จำเลยออกจากที่ทั้งแปลงคำขอท้ายฟ้องที่ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากบ้านเลขที่ 5 อันเป็นบริเวณสุสาน จึงเป็นการขอให้บังคับจำเลยทั้งสองออกจากที่ทั้งแปลง มิใช่เพียงเฉพาะขอให้บังคับจำเลยออกจากศาลา และให้รื้อถอนโรงถ่าน
คดีพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงซึ่งโจทก์จะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทุนทรัพย์ เป็นการถูกต้องตามที่ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์ที่พิพาท และเรียกค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ฎีกาตามราคาทุนทรัพย์แต่ที่ศาลชั้นต้นมิได้เรียกค่าขึ้นศาลสำหรับศาลชั้นต้นไว้ให้ครบ โดยเรียกไว้เพียง 50 บาท เป็นการคลาดเคลื่อนไปนั้น ทำให้เกิดความผิดพลาดเฉพาะในเรื่องการเรียกค่าธรรมเนียมศาลขาด ไม่กระทบถึงกระบวนพิจารณาอื่น ๆ หรือทำให้คำพิพากษาไม่มีผล
คดีพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงซึ่งโจทก์จะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทุนทรัพย์ เป็นการถูกต้องตามที่ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์ที่พิพาท และเรียกค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ฎีกาตามราคาทุนทรัพย์แต่ที่ศาลชั้นต้นมิได้เรียกค่าขึ้นศาลสำหรับศาลชั้นต้นไว้ให้ครบ โดยเรียกไว้เพียง 50 บาท เป็นการคลาดเคลื่อนไปนั้น ทำให้เกิดความผิดพลาดเฉพาะในเรื่องการเรียกค่าธรรมเนียมศาลขาด ไม่กระทบถึงกระบวนพิจารณาอื่น ๆ หรือทำให้คำพิพากษาไม่มีผล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28-29/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ที่ดิน: การตีความคำฟ้องและขอบเขตการครอบครองปรปักษ์
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินทั้งแปลง แม้ในตอนท้ายจะมีข้อความว่า 'ได้พยายามพูดจาให้จำเลยทั้งสองออกไปเสียจากบ้านเลขที่ 5อันเป็นบริเวณสุสาน' ซึ่งอาจเข้าใจว่าหมายถึงเฉพาะให้จำเลยออกจากศาลาที่อยู่อาศัย แต่ก็ยังมีคำว่า บริเวณสุสานติดต่อกันไป อันหมายความได้ว่าให้จำเลยทั้งสองออกจากบริเวณสุสานนั่นเอง ทั้งในตอนสุดท้ายของคำฟ้องมีข้อความว่า 'จำเป็นต้องฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองและให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนโรงถ่านออกไปเสียจากบริเวณบ้านเลขที่ 5 ซึ่งเป็นบริเวณของสุสานด้วย'เห็นได้ชัดว่า โจทก์ต้องการขับไล่จำเลยออกจากที่ทั้งแปลงคำขอท้ายฟ้องที่ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากบ้านเลขที่ 5 อันเป็นบริเวณสุสาน จึงเป็นการขอให้บังคับจำเลยทั้งสองออกจากที่ทั้งแปลง มิใช่เพียงเฉพาะขอให้บังคับจำเลยออกจากศาลาและให้รื้อถอนโรงถ่าน
คดีพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงซึ่งโจทก์จะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทุนทรัพย์เป็นการถูกต้องตามที่ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์ที่พิพาทและเรียกค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ฎีกาตามราคาทุนทรัพย์ แต่ที่ศาลชั้นต้นมิได้เรียกค่าขึ้นศาลสำหรับศาลชั้นต้นไว้ให้ครบ โดยเรียกไว้เพียง 50 บาทเป็นการคลาดเคลื่อนไปนั้น ทำให้เกิดความผิดพลาดเฉพาะในเรื่องการเรียกค่าธรรมเนียมศาลขาด ไม่กระทบถึงกระบวนพิจารณาอื่น ๆหรือทำให้คำพิพากษาไม่มีผล
คดีพิพาทในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งแปลงซึ่งโจทก์จะต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทุนทรัพย์เป็นการถูกต้องตามที่ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์ที่พิพาทและเรียกค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ฎีกาตามราคาทุนทรัพย์ แต่ที่ศาลชั้นต้นมิได้เรียกค่าขึ้นศาลสำหรับศาลชั้นต้นไว้ให้ครบ โดยเรียกไว้เพียง 50 บาทเป็นการคลาดเคลื่อนไปนั้น ทำให้เกิดความผิดพลาดเฉพาะในเรื่องการเรียกค่าธรรมเนียมศาลขาด ไม่กระทบถึงกระบวนพิจารณาอื่น ๆหรือทำให้คำพิพากษาไม่มีผล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างนิติกรรมโอนที่ดินที่เป็นสินบริคณห์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรส และประเด็นค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นภรรยาของโจทก์ ได้ทำนิติกรรมยกที่ดินซึ่งเป็นสินบริคณห์ให้จำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์. และโจทก์ได้บอกล้างแล้วขอให้ศาลแสดงว่านิติกรรมเป็นโมฆะ. จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นภรรยาของโจทก์.และมีอำนาจทำนิติกรรมนั้นได้ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดค่าขึ้นศาลในคดีพิพาททรัพย์สิน: การโต้แย้งเรื่องประเภทคดีและการประเมินราคา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นภรรยาของโจทก์ ได้ทำนิติกรรมยกที่ดินซึ่งเป็นสินบริคณห์ให้จำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์และโจทก์ได้บอกล้างแล้วขอให้ศาลแสดงว่านิติกรรมเป็นโมฆะจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นภรรยาของโจทก์และมีอำนาจทำนิติกรรมนั้นได้ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการทรัพย์สินของภรรยาและการพิพาทเรื่องโมฆะนิติกรรม การกำหนดราคาคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นภรรยาของโจทก์ ได้ทำนิติกรรมยกที่ดินซึ่งเป็นสินบริคณห์ให้จำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ และโจทก์ได้บอกล้างแล้วขอให้ศาลแสดงว่านิติกรรมเป็นโมฆะ จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นภรรยาของโจทก์ และมีอำนาจทำนิติกรรมนั้นได้ เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1316/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติมหลังคดีเปลี่ยนประเภท และการพิจารณาถึงเจตนาของโจทก์ในการดำเนินคดี
คดีไม่มีทุนทรัพย์ ซึ่งกลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์ในภายหลัง.แม้ศาลกำหนดให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลที่เพิ่มขึ้นมาชำระก่อนวันนัดพิจารณา. แต่ต่อมาได้มีการเลื่อนการพิจารณาโดยคู่ความแถลงว่า. คดีอาจมีทางตกลงกัน แล้วตกลงกันไม่ได้.พฤติการณ์ก็เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขัดขืนไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามที่ศาลสั่ง. ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง.โดยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด. ไม่ควรที่ศาลจะด่วนสั่งจำหน่ายคดี.