พบผลลัพธ์ทั้งหมด 538 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องเงินกู้ vs. ค่าทำไม้ไผ่ ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กลับสู่คำพิพากษาศาลชั้นต้น และคืนค่าธรรมเนียมเกิน
คดีมีทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 5,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 3,128 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ไป แต่จำเลยได้รับเงินล่วงหน้าค่าทำไม้ไผ่จากโจทก์ 3,128 บาท แล้วทำไม้ไผ่ส่งโจทก์เพียง 2,000 ลำ คิดเป็นเงิน 2,000 บาท จำเลยต้องคืนให้โจทก์ 1,128 บาท ดังนี้ เป็นการแก้ไขมาก
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์ จำเลยฟ้องแย้ง โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นเรียกค่าธรรมเนียมปิดมาท้ายฟ้องฎีกาเป็น 2 คดี รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 542.50 บาท จึงไม่ถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นให้โจทก์ชนะ 3,535.90 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ไขให้โจทก์ชนะ 1,128 บาท โจทก์ฎีกา จึงเป็นทุนทรัพย์ชั้นฎีกา 2,407.90 บาท คงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 60 บาท ส่วนเรื่องฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องแย้งแล้ว โจทก์ไม่มีอะไรที่จะต้องฎีกาอีก โจทก์คงต้องเสียค่าธรรมเนียมเพียงคดีเดียวเท่านั้น เรียกเกินมา 342.50 บาท ให้คืนแก่โจทก์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไปจากโจทก์ จำเลยฟ้องแย้ง โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นเรียกค่าธรรมเนียมปิดมาท้ายฟ้องฎีกาเป็น 2 คดี รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 542.50 บาท จึงไม่ถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นให้โจทก์ชนะ 3,535.90 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ไขให้โจทก์ชนะ 1,128 บาท โจทก์ฎีกา จึงเป็นทุนทรัพย์ชั้นฎีกา 2,407.90 บาท คงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 60 บาท ส่วนเรื่องฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องแย้งแล้ว โจทก์ไม่มีอะไรที่จะต้องฎีกาอีก โจทก์คงต้องเสียค่าธรรมเนียมเพียงคดีเดียวเท่านั้น เรียกเกินมา 342.50 บาท ให้คืนแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์ที่ได้จากการปล้นทรัพย์ ศาลพิจารณาจากคำขอท้ายฟ้องที่รวมราคาทรัพย์ทั้งหมด แม้จำเลยบางส่วนได้รับการยกฟ้อง
โจรปล้นทรัพย์เงิน 11,962 บาท อาวุธปืนและทรัพย์อย่างอื่นรวมราคา 32,582 บาท จับคนร้ายได้ 2 คน ได้เงิน 5,233 บาทจากจำเลยที่ 1 และได้อาวุธปืน 1 กระบอกจากจำเลยที่ 2 โจทก์ขอให้ศาลสั่งคืนเงิน 5,233 บาท และอาวุธปืนที่จับได้จากจำเลยทั้งสองแก่เจ้าทรัพย์ และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 24,849 บาท แก่เจ้าทรัพย์ ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 คืนเงิน 5,233 บาทแก่จำเลยที่ 1 ไป เมื่อเงินจำนวน 5,233 บาทที่จับได้จากจำเลยที่ 1 จะเอามาคืนหรือใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์ไม่ได้เพราะศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 และคืนเงินจำนวนนี้ให้จำเลยที่ 1 ไป ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ยังต้องคืนหรือใช้เงินจำนวน 5,233 บาทแก่เจ้าทรัพย์ตามความหมายในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดนั้นด้วย.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดอาญา แม้ศาลยกฟ้องจำเลยบางส่วน ก็ต้องถือว่าจำเลยที่เหลือมีหน้าที่คืนทรัพย์สินทั้งหมด
โจรปล้นทรัพย์เงิน 11,962 บาท อาวุธปืนและทรัพย์อย่างอื่นรวมราคา 32,582 บาท จับคนร้ายได้ 2 คน ได้เงิน 5,233 บาท จากจำเลยที่ 1 และได้อาวุธปืน 1 กระบอกจากจำเลยที่ 2 โจทก์ขอให้ศาลสั่งคืนเงิน 5,233 บาท และอาวุธปืนที่จับได้จากจำเลยทั้งสองแก่เจ้าทรัพย์ และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 24,849 บาท แก่เจ้าทรัพย์ ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1คืนเงิน 5,233 บาทแก่จำเลยที่ 1 ไปเมื่อเงินจำนวน 5,233 บาทที่จับได้จากจำเลยที่ 1 จะเอามาคืนหรือใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์ไม่ได้เพราะศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 และคืนเงินจำนวนนี้ให้จำเลยที่ 1 ไปก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ยังต้องคืนหรือใช้เงินจำนวน 5,233 บาทแก่เจ้าทรัพย์ตามความหมายในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดนั้นด้วย(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเนื่องจากการฉ้อฉล และการพิจารณาค่าธรรมเนียมศาลในคดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินซึ่งจำเลยที่ 1 ลูกหนี้โจทก์ได้โอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ฟ้องเช่นนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกอันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เพราะคำขอของโจทก์ไม่ได้เรียกร้องเอกที่พิพาทมาเป็นของโจทก์ หรือขอให้โจทก์ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะผลของการที่โจทกืขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลมีแต่เพียงให้ทรัพย์สินกลับคืนมาเป็นของลูกหนี้ตามเดิมเท่านั้น.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 919/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเนื่องจากฉ้อฉลและการพิสูจน์เจตนาของผู้ซื้อรู้เท่าถึงข้อความจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินซึ่งจำเลยที่ 1 ลูกหนี้โจทก์ได้โอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ ฟ้องเช่นนี้เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เพราะคำขอของโจทก์ไม่ได้เรียกร้องเอาที่พิพาทมาเป็นของโจทก์ หรือขอให้โจทก์ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะผลของการที่โจทก์ขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลมีแต่เพียงให้ทรัพย์สินกลับคืนมาเป็นของลูกหนี้ตามเดิมเท่านั้น
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนสามัญเฉพาะกิจเลิกเมื่อทำไม้เสร็จ การฟ้องคดีไม่ถูกต้องหากเสนอเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนทำไม้เพื่อค้าขายเอากำไรแบ่งปันกัน โดยตกลงกันว่า ทำไม้เสร็จเมื่อใด ก็มีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกัน ลักษณะของหุ้นส่วนเช่นว่านี้ย่อมเป็นหุ้นส่วนสามัญชนิดที่สัญญาทำไว้เฉพาะเพื่อกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่อย่างเดียว เมื่อเสร็จการนั้นแล้ว หุ้นส่วนรายนั้นก็ย่อมเลิกกันไปในตัว ดังความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1055 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อทำไม้รายใดเสร็จไปแล้ว หุ้นส่วนในการทำไม้รายนั้นก็ย่อมเลิกกันและมีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกันตามที่ตกลงกันไว้เป็นเฉพาะราย ๆ ไป
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องเงินหุ้นส่วนในชั้นคิดบัญชี แต่โจทก์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอย่างคดีไม่มีหุ้นทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลมา 50 บาท โดยขอให้ศาลสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีทั้ง ๆ ที่หุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันและได้มีการคิดบัญชีกันตามที่ตกลงกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และให้มีการชำระบัญชีกันอีกตามที่โจทก์ขอมา และไม่ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่โต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีนั้นให้ได้ด้วย เพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทอย่างคดีมีทุนทรัพย์ประกอบกับคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอบังคับในเรื่องเงินหุ้นส่วนที่พิพาทนั้นด้วย
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องเงินหุ้นส่วนในชั้นคิดบัญชี แต่โจทก์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอย่างคดีไม่มีหุ้นทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลมา 50 บาท โดยขอให้ศาลสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีทั้ง ๆ ที่หุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันและได้มีการคิดบัญชีกันตามที่ตกลงกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และให้มีการชำระบัญชีกันอีกตามที่โจทก์ขอมา และไม่ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่โต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีนั้นให้ได้ด้วย เพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทอย่างคดีมีทุนทรัพย์ประกอบกับคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอบังคับในเรื่องเงินหุ้นส่วนที่พิพาทนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนสามัญทำไม้เลิกกันเมื่อคิดบัญชีเสร็จสิ้น การฟ้องคดีไม่ถูกต้องหากเสนอเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนทำไม้เพื่อค้าขายเอากำไรแบ่งปันกันโดยตกลงกันว่าทำไม้เสร็จเมื่อใดก็มีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกัน ลักษณะของหุ้นส่วนเช่นว่านี้ย่อมเป็นหุ้นส่วนสามัญชนิดที่สัญญาทำไว้เฉพาะเพื่อกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่อย่างเดียว เมื่อเสร็จการนั้นแล้ว หุ้นส่วนรายนั้นก็ย่อมเลิกกันไปในตัว ดังความที่บัญญัติไว้ในมาตรา1055(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อทำไม้รายใดเสร็จไปแล้ว หุ้นส่วนในการทำไม้รายนั้นก็ย่อมเลิกกันและมีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกันตามที่ตกลงกันไว้เป็นเฉพาะรายๆ ไป
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องเงินหุ้นส่วนในชั้นคิดบัญชี แต่โจทก์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลมา 50 บาท โดยขอให้ศาลสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีทั้งๆ ที่หุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันและได้มีการคิดบัญชีกันตามที่ตกลงกันแล้วก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และให้มีการชำระบัญชีกันอีกตามที่โจทก์ขอมาและไม่ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่โต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีนั้นให้ได้ด้วย เพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ประกอบกับคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอบังคับในเรื่องเงินหุ้นส่วนที่พิพาทนั้นด้วย
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องเงินหุ้นส่วนในชั้นคิดบัญชี แต่โจทก์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลมา 50 บาท โดยขอให้ศาลสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีทั้งๆ ที่หุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันและได้มีการคิดบัญชีกันตามที่ตกลงกันแล้วก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และให้มีการชำระบัญชีกันอีกตามที่โจทก์ขอมาและไม่ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่โต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีนั้นให้ได้ด้วย เพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ประกอบกับคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอบังคับในเรื่องเงินหุ้นส่วนที่พิพาทนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อากรสถานบันเทิง: การฉีกตั๋วเป็นรายตัวผู้ดูเพื่อหลีกเลี่ยงเงินเพิ่มอากร หากไม่ปฏิบัติต้องรับผิดตามจำนวนตั๋ว
การเสียอากรมหรศพต้องเสียเป็นรายตัวผู้ดู และเมื่อได้รับตั๋วจากผู้ดูแต่ละครั้งก็ต้องฉีกตั๋วทันทีทุกครั้ง ไม่ใช่เก็บรวมไว้ฉีกในคราวเดียวกัน หากไม่ฉีกตั๋วในขณะที่ได้รับจากผู้ดูครั้งใด เจ้าของมหรศพก็ต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่มโดยคำนวณเงินจากตั๋วเป็นรายตั๋วซึ่งมิได้ฉีก
เจ้าของมหรศพรับตั๋วไว้จากผู้ดูหลายฉบับ แต่ไม่ใช่รับไว้ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ฉีกตั๋วเท่านั้น อันจะต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่ม ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าการเสียเงินอากรเพิ่มเป็น 2 เท่า ของเงินอากรที่ต้องเสีย กับการเสียเป็นเงิน 25 บาท อย่างใดจะมากกว่ากันนั้น ต้องคำนวณเทียบกันดูเป็นรายฉบับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากร ฯ 10,642.5 บาท ซึ่งที่ถูกโจทก์ควรเสียเพียง 2,128.5 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ และให้โจทก์ชำระเงินอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท ดังนี้ ทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวน 8,514 บาท
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2506 ในปัญหาเรื่องเงินเพิ่มอากร)
เจ้าของมหรศพรับตั๋วไว้จากผู้ดูหลายฉบับ แต่ไม่ใช่รับไว้ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ฉีกตั๋วเท่านั้น อันจะต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่ม ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าการเสียเงินอากรเพิ่มเป็น 2 เท่า ของเงินอากรที่ต้องเสีย กับการเสียเป็นเงิน 25 บาท อย่างใดจะมากกว่ากันนั้น ต้องคำนวณเทียบกันดูเป็นรายฉบับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากร ฯ 10,642.5 บาท ซึ่งที่ถูกโจทก์ควรเสียเพียง 2,128.5 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ และให้โจทก์ชำระเงินอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท ดังนี้ ทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวน 8,514 บาท
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2506 ในปัญหาเรื่องเงินเพิ่มอากร)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อากรสถานบันเทิง: การเสียอากรเป็นรายตัวผู้ดูและหน้าที่ในการฉีกตั๋วทันทีที่ได้รับ
การเสียอากรมหรสพต้องเสียเป็นรายตัวผู้ดู และเมื่อได้รับตั๋วจากผู้ดูแต่ละครั้งก็ต้องฉีกตั๋วทันทีทุกครั้ง ไม่ใช่เก็บรวมไว้ฉีกในคราวเดียวกัน หากไม่ฉีกตั๋วในขณะที่ได้รับจากผู้ดูครั้งใดเจ้าของมหรสพก็ต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่มโดยคำนวณเงินจากตั๋วเป็นรายตั๋วซึ่งมิได้ฉีก
เจ้าของมหรสพรับตั๋วไว้จากผู้ดูหลายฉบับ แต่ไม่ใช่รับไว้ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ฉีกตั๋วเหล่านั้น อันจะต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่ม ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าการเสียเงินอากรเพิ่มเป็น 2 เท่าของเงินอากรที่ต้องเสียกับการเสียเงิน 25 บาท อย่างใดจะมากกว่ากันนั้นต้องคำนวณเทียบกันดูเป็นรายฉบับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากรฯ10,642.50บาท ซึ่งที่ถูกโจทก์ควรเสียเพียง 2,128.50 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ และให้โจทก์ชำระเงินอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท ดังนี้ทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวน 8,514 บาท (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2506 ในปัญหาเรื่องเงินเพิ่มอากร)
เจ้าของมหรสพรับตั๋วไว้จากผู้ดูหลายฉบับ แต่ไม่ใช่รับไว้ในขณะเดียวกัน เมื่อไม่ฉีกตั๋วเหล่านั้น อันจะต้องรับผิดเสียเงินอากรเพิ่ม ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าการเสียเงินอากรเพิ่มเป็น 2 เท่าของเงินอากรที่ต้องเสียกับการเสียเงิน 25 บาท อย่างใดจะมากกว่ากันนั้นต้องคำนวณเทียบกันดูเป็นรายฉบับ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์เสียเงินเพิ่มอากรฯ10,642.50บาท ซึ่งที่ถูกโจทก์ควรเสียเพียง 2,128.50 บาท เท่านั้น ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยไม่ชอบ และให้โจทก์ชำระเงินอากรเพิ่มเพียง 2,128.50 บาท ดังนี้ทุนทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ปลดเปลื้องทุกข์มีจำนวน 8,514 บาท (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2506 ในปัญหาเรื่องเงินเพิ่มอากร)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์ผิดพลาด: ศาลวินิจฉัยว่าการยึดทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ
(1) เมื่อผู้ร้องกล่าวในคำร้องขัดทรัพย์ว่าโจทก์นำยึดได้เฉพาะทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาแต่โจทก์กลับไปยึดทรัพย์ของคนอื่นดังนี้ จึงเป็นประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่าคนอื่นนั้นเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ การวินิจฉัยเช่นนี้ ไม่ใช่นอกประเด็น
(2) เมื่อฟังได้ว่าผู้ร้องซื้อที่พิพาทจากคนอื่นซึ่งไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์เช่นนี้ย่อมไม่มีประเด็นที่จะพึงวินิจฉัยว่า ที่นั้นคนอื่นได้มาอย่างไรเคยตกอยู่ในกองมรดกของใครหรือไม่
(3) การเรียกค่าธรรมเนียมเป็นดุลพินิจของศาลถ้าเรียกน้อย อาจเรียกเพิ่มได้ เมื่อศาลชั้นต้นเห็นไม่ควรเรียกก็ไม่ทำให้การพิจารณาคดีเปลี่ยนแปลงไป
(2) เมื่อฟังได้ว่าผู้ร้องซื้อที่พิพาทจากคนอื่นซึ่งไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์เช่นนี้ย่อมไม่มีประเด็นที่จะพึงวินิจฉัยว่า ที่นั้นคนอื่นได้มาอย่างไรเคยตกอยู่ในกองมรดกของใครหรือไม่
(3) การเรียกค่าธรรมเนียมเป็นดุลพินิจของศาลถ้าเรียกน้อย อาจเรียกเพิ่มได้ เมื่อศาลชั้นต้นเห็นไม่ควรเรียกก็ไม่ทำให้การพิจารณาคดีเปลี่ยนแปลงไป