พบผลลัพธ์ทั้งหมด 538 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดทุนทรัพย์ในคดี และผลกระทบต่อการฎีกา หากจำเลยไม่โต้แย้งราคาเดิม และไม่แสดงเหตุผลในการขอเพิ่มราคา
โจทก์ฟ้องตั้งราคาทรัพย์สินที่พิพาทเพียง 1,000 บาท จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านในเรื่องราคาทรัพย์ที่พิพาทประการ ใด ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอตีราคาทรัพย์สินที่พิพาทเพิ่มขึ้นเป็น 2,100 บาท แต่มิได้ยกเหตุผลให้เห็นว่าทุนทรัพย์ ที่พิพาทมีราคาเพิ่มสูงขึ้นเพราะเหตุหนึ่งเหตุใดตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 150 วรรค 3 ทั้งโจทก์ก็ได้คัดค้านไว้แล้ว และ ศาลก็ยังหาได้อนุญาตให้ราคาทรัพย์ที่พิพาทเพิ่มขึ้นฉะนั้น จึงต้องถือว่าคดีมีทุนทรัพย์เท่าเดิม เมื่อศาลอุทธรณ์พ
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคู่ความย่อมฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคู่ความย่อมฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์และฎีกาต้องมีเหตุผลรองรับตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องตั้งราคาทรัพย์สินที่พิพาทเพียง 1,000 บาท จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านในเรื่องราคาทรัพย์ที่พิพาทประการใด ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอตีราคาทรัพย์สินที่พิพาทเพิ่มขึ้นเป็น 2,100 บาท แต่มิได้ยกเหตุผลให้เห็นว่าทุนทรัพย์ที่พิพาทมีราคาเพิ่มสูงขึ้นเพราะเหตุหนึ่งเหตุใดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 วรรคสาม ทั้งโจทก์ก็ได้คัดค้านไว้แล้ว และศาลก็ยังหาได้อนุญาตให้ราคาทรัพย์ที่พิพาทเพิ่มขึ้น ฉะนั้น จึงต้องถือว่าคดีมีทุนทรัพย์เท่าเดิม เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคู่ความย่อมฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินสร้างอาคารและส่งมอบคืน: สิทธิบอกเลิกสัญญาและการตีราคาทรัพย์สิน
เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกมีกำหนดถึง 10 ปี แล้วผู้เช่าจะยกตึกที่ปลูกสร้างทดแทนให้เจ้าของที่ดินอีกโสดหนึ่งต่างหากจากค่าเช่า ดังนี้ เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด 10 ปีไม่ได้
ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้เลิกสัญญาเช่น และขอให้ผู้เช่าส่งมอบที่ดินที่เช่ากับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าปลูกสร้างลงไว้บนที่ดินที่เข่าให้แก่ผู้ให้เช่านั้น ต้องตีราคาสิ่งปลูกสร้างเป็นทุนทรัพย์แห่งคดี และต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ เพราะเป็นทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้อง ไม่จำเป็นจะต้องฟังคำให้การของจำเลยก่อน
ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้เลิกสัญญาเช่น และขอให้ผู้เช่าส่งมอบที่ดินที่เช่ากับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าปลูกสร้างลงไว้บนที่ดินที่เข่าให้แก่ผู้ให้เช่านั้น ต้องตีราคาสิ่งปลูกสร้างเป็นทุนทรัพย์แห่งคดี และต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ เพราะเป็นทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้อง ไม่จำเป็นจะต้องฟังคำให้การของจำเลยก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดิน+สิ่งปลูกสร้าง: สัญญาต่างตอบแทนพิเศษ ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดไม่ได้
เช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างตึกมีกำหนดถึง 10 ปี แล้วผู้เช่าจะยกตึกที่ปลูกสร้างทดแทนให้เจ้าของที่ดินอีกโสดหนึ่งต่างหากจากค่าเช่า ดังนี้ เป็นสัญญาต่างตอบแทนกันยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด 10 ปีไม่ได้
ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้เลิกสัญญาเช่า และขอให้ผู้เช่าส่งมอบที่ดินที่เช่ากับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าปลูกสร้างลงไว้บนที่ดินที่เช่าให้แก่ผู้ให้เช่านั้น ต้องตีราคาสิ่งปลูกสร้างเป็นทุนทรัพย์แห่งคดี และต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ เพราะเป็นทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้อง ไม่จำเป็นจะต้องฟังคำให้การของจำเลยก่อน
ผู้ให้เช่าฟ้องขอให้เลิกสัญญาเช่า และขอให้ผู้เช่าส่งมอบที่ดินที่เช่ากับสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าปลูกสร้างลงไว้บนที่ดินที่เช่าให้แก่ผู้ให้เช่านั้น ต้องตีราคาสิ่งปลูกสร้างเป็นทุนทรัพย์แห่งคดี และต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ เพราะเป็นทรัพย์ที่โจทก์เรียกร้อง ไม่จำเป็นจะต้องฟังคำให้การของจำเลยก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลฟ้องแย้ง: คำฟ้องเดิมเป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาท จำเลยเสียค่าขึ้นศาลขั้นต่ำ
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดแปลงหนึ่ง ขอให้ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์ว่าเป็นที่ดินของจำเลยจำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดจริงและฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินพิพาทดังนี้ ในคดีที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทุนทรัพย์ที่ดินพิพาท ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งนั้นจำเลยเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาทเท่านั้น เพราะปัญหาว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครนั้น เกิดขึ้นโดยคำฟ้องเดิมของโจทก์และข้อต่อสู้ของจำเลย อยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลฟ้องแย้ง: กรณีประเด็นกรรมสิทธิเกิดจากฟ้องเดิม ศาลพิจารณาเฉพาะเจาะจงเพื่อคืนค่าขึ้นศาลเกิน
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินแปลงหนึ่ง ขอให้ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิว่าเป็นที่ดินของจำเลยและฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินพิพาท ดังนี้ ในคดีที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทุนทรัพย์ที่ดินพิพาท ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งนั้นจำเลยเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาท เท่านั้น เพราะปัญหาว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครนั้น เกิดขึ้นโดยคำฟ้องเดิมของโจทก์และข้อต่อสู้ของจำเลยอยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคดีภาษีและขยายระยะเวลาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร
ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินสรรพากร ประเมินภาษีเงินได้และเรียกเงินเพิ่มจากโจทก์เกินไปกว่าที่โจทก์จะต้องเสีย 1 ล้านบาทเศษ โจทก์อุทธรณ์ อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์โจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องศาลตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ขอให้ศาลพิพากษายกหรือกลับแก้การประเมินและคำสั่งชี้ขาดของอธิบดีกรมสรรพากรที่ให้โจทก์ชำระเงินค่าภาษีเพิ่มเติมอันไม่ถูกต้องนั้นเสีย ดังนี้เป็นการฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ การที่จะไม่ต้องเสียเงินจำนวนนั้น อันเป็นทรัพย์สินที่พิพาท แม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์จะเบี่ยงบ่ายไปประการใด ก็หาทำให้ผลแห่งการปลดเปลื้องทุกข์เปลี่ยนแปลงไปได้ไม่ศาลแขวงจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯนั้นเป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควรศาลอาจสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2495)
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯนั้นเป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควรศาลอาจสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำทรัพย์สิน: สิทธิบุริมสิทธิของผู้รับจำนำไม้สัก กรณีจำเลยมีสิทธิใช้ประโยชน์ทรัพย์
ผู้รับจำนำยื่นคำร้องต่อศาลว่าทรัพย์ที่โจทก์ขอให้ศาลยึดนั้นเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้จำนำต่อผู้ร้องไว้ผู้ร้องมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์นั้นขอให้เอาเงินที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายทรัพย์นั้น ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นรวมทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนหนึ่งดังนี้ คดีปรับเข้าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150คือคำขอคำนวณเป็นราคาเงินได้ ผู้ร้องต้องเสียค่าขึ้นศาลตามอัตราของทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง
จำเลยทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารผู้ร้อง 500,000 บาทขอเปิดบัญชีอีก200,000 บาท ได้ทำสัญญามอบไม้สักและไม้ซุงซึ่งอยู่ ณ โรงเลื่อยจำเลยให้ผู้ร้องเป็นประกันผู้ร้องได้เอาตราธนาคารตีประทับบนไม้ และทำหนังสือให้คนดูแลโรงเลื่อยจำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา แต่จำเลยมีสิทธิที่จะนำไม้เหล่านี้ไปเลื่อยและขายได้ โดยขออนุญาตผู้ร้องแต่ต้องหามาทดแทนดังนี้ยังไม่พอที่จะให้ถือว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้รับจำนำหรือบุคคลภายนอกผู้ใดตามกฎหมาย เพราะผู้จำนำจะนำไม้ที่จำนำไปเลื่อยหรือขายก็ได้ฉะนั้นธนาคารผู้ร้องจะอ้างบุริมสิทธิว่าเป็นการจำนำถูกต้องตามกฎหมายมิได้
จำเลยทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารผู้ร้อง 500,000 บาทขอเปิดบัญชีอีก200,000 บาท ได้ทำสัญญามอบไม้สักและไม้ซุงซึ่งอยู่ ณ โรงเลื่อยจำเลยให้ผู้ร้องเป็นประกันผู้ร้องได้เอาตราธนาคารตีประทับบนไม้ และทำหนังสือให้คนดูแลโรงเลื่อยจำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา แต่จำเลยมีสิทธิที่จะนำไม้เหล่านี้ไปเลื่อยและขายได้ โดยขออนุญาตผู้ร้องแต่ต้องหามาทดแทนดังนี้ยังไม่พอที่จะให้ถือว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้รับจำนำหรือบุคคลภายนอกผู้ใดตามกฎหมาย เพราะผู้จำนำจะนำไม้ที่จำนำไปเลื่อยหรือขายก็ได้ฉะนั้นธนาคารผู้ร้องจะอ้างบุริมสิทธิว่าเป็นการจำนำถูกต้องตามกฎหมายมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำทรัพย์สิน: การครอบครองทรัพย์สินเป็นสำคัญในการบังคับสิทธิ
ผู้รับจำนำยื่นคำร้องต่อศาลว่าทรัพย์ทีโจทก์ขอให้ศาลยึด - นั้นเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้จำนำต่อผุ้ร้องไว้ ผู้ร้องมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์นั้น ขอให้เอาที่ได้จากการขายหรือจำหน่ายทรัพย์นั้น ชำระหนี้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหน้าที่อื่น รวมทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ดังนี้ คดีปรับเข้า ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 150 คือคำขอคำนวณเป็นราคาเงินได้ ผู้ร้องต้องเสียค่าขึ้นศาลตามอัตราของทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง
จำเลยทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารผู้ร้อง 500,000บาท ได้ทำสัญญามอบไม้สักและไม้ซุงซึ่งอยู่ ณ โรงเลื่อยจำเลยให้ผู้ร้องเป็นประกัน ผู้ร้องได้เอาตราธนาคารดีประทับบนไม้ และทำหนังสือให้คนดูแลโรงเลื่อยจำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา แต่จำเลยมีสิทธิ์ที่จะนำไม้เหล่านี้ไปเลื่อยและขายได้ โดยขออนุญาตผู้ร้อง แต่ต้องหามาทดแทน ดังนี้ ยังไม่พอที่จะให้ถือว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้รับจำนำหรือบุคคลภายนอกผู้ใดตาม ก.ม. เพราะผู้จำนำจะนำไม้ที่จำนำไปเลื่อยหรือขายก็ได้ฉะนั้นธนาคารผู้รองจะอ้างบุริมสิทธิว่าเป็นการจำนำถูกต้องตาม ก.ม. มิได้
จำเลยทำตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธนาคารผู้ร้อง 500,000บาท ได้ทำสัญญามอบไม้สักและไม้ซุงซึ่งอยู่ ณ โรงเลื่อยจำเลยให้ผู้ร้องเป็นประกัน ผู้ร้องได้เอาตราธนาคารดีประทับบนไม้ และทำหนังสือให้คนดูแลโรงเลื่อยจำเลยเป็นผู้ดูแลรักษา แต่จำเลยมีสิทธิ์ที่จะนำไม้เหล่านี้ไปเลื่อยและขายได้ โดยขออนุญาตผู้ร้อง แต่ต้องหามาทดแทน ดังนี้ ยังไม่พอที่จะให้ถือว่าทรัพย์อยู่ในความครอบครองของผู้รับจำนำหรือบุคคลภายนอกผู้ใดตาม ก.ม. เพราะผู้จำนำจะนำไม้ที่จำนำไปเลื่อยหรือขายก็ได้ฉะนั้นธนาคารผู้รองจะอ้างบุริมสิทธิว่าเป็นการจำนำถูกต้องตาม ก.ม. มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและฟ้องซ้ำ: คดีเลิกหุ้นส่วนที่ไม่เกินอำนาจศาลแขวง
โจทก์ฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชี ไม่ใช่เป็นเรื่องเรียกร้องทรัพย์สิน หรือส่วนแบ่งอย่างใด จึงเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรืออีกนัยหนึ่งเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะโจทก์ไม่ได้เรียกร้องทรัพย์สิน และคดีก็ไม่ได้พิพาทกันว่าทรัพย์สินในหุ้นส่วนนี้มีอะไรบ้างคดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144เป็นเรื่องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดแล้วใหม่อีก ส่วนมาตรา148 ห้ามมิให้คู่ความมาฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวง ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง โจทก์มิได้อุทธรณ์คงนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลแพ่งศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องอีกโดยวินิจฉัยว่า เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงโจทก์จึงมายื่นฟ้องต่อศาลแขวงอีกครั้งหนึ่งดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่กรณีไม่ใช่มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148 เพราะศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอันเป็นมูลฟ้องนั้นศาลแขวงต้องรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินคดีต่อไป
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144เป็นเรื่องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดแล้วใหม่อีก ส่วนมาตรา148 ห้ามมิให้คู่ความมาฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวง ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง โจทก์มิได้อุทธรณ์คงนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลแพ่งศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องอีกโดยวินิจฉัยว่า เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงโจทก์จึงมายื่นฟ้องต่อศาลแขวงอีกครั้งหนึ่งดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่กรณีไม่ใช่มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148 เพราะศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอันเป็นมูลฟ้องนั้นศาลแขวงต้องรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินคดีต่อไป