พบผลลัพธ์ทั้งหมด 58 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2648/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานจำหน่ายยาเสพติด: ผู้ช่วยขนยาเสพติดมีความผิดฐานสนับสนุน แม้ไม่มีเจตนาจำหน่าย
จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลาง แต่เป็นผู้ช่วยจำเลยที่ 3 ถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งรถไปด้วยเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมครอบครองกัญชาของกลางเนื่องจากกัญชาของกลางยังคงอยู่ในครอบครองของจำเลยที่ 3 ตลอดเวลา จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมด้วยในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลางกับเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาของกลาง การที่จำเลยที่ 2 ช่วยถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งไปในรถจนถูกจับกุมยังไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 รู้ว่ามีกัญชาบรรจุกระสอบปุ๋ยที่ตนถือไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายกัญชาของกลางอันเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวการเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุนศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้
เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมด้วยในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลางกับเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาของกลาง การที่จำเลยที่ 2 ช่วยถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งไปในรถจนถูกจับกุมยังไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 รู้ว่ามีกัญชาบรรจุกระสอบปุ๋ยที่ตนถือไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายกัญชาของกลางอันเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวการเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุนศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2648/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานจำหน่ายกัญชา: ผู้ถือของแต่ไม่ร่วมซื้อขาย ไม่เป็นตัวการ แต่เป็นผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลาง แต่เป็นผู้ช่วยจำเลยที่ 3 ถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งรถไปด้วยเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมครอบครองกัญชาของกลางเนื่องจากกัญชาของกลางยังคงอยู่ในครอบครองของจำเลยที่ 3 ตลอดเวลา จำเลยที่ 2จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมด้วยในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลางกับเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาของกลาง การที่จำเลยที่ 2 ช่วยถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งไปในรถจนถูกจับกุมยังไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 รู้ว่ามีกัญชาบรรจุกระสอบปุ๋ยที่ตนถือไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายกัญชาของกลางอันเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวการเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้
เมื่อจำเลยที่ 2 มิได้ร่วมด้วยในการติดต่อซื้อขายกัญชาของกลางกับเจ้าพนักงานตำรวจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมในการจำหน่ายกัญชาของกลาง การที่จำเลยที่ 2 ช่วยถือกระสอบปุ๋ยบรรจุกัญชาของกลางไปใส่รถเจ้าพนักงานตำรวจและนั่งไปในรถจนถูกจับกุมยังไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการในความผิดฐานจำหน่ายกัญชาร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 แต่จำเลยที่ 2 รู้ว่ามีกัญชาบรรจุกระสอบปุ๋ยที่ตนถือไป การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ในการจำหน่ายกัญชาของกลางอันเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 3
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวการเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องจำเลยเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และขอบเขตความรับผิดทางอาญา
จำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนของกลางน้ำหนัก 4.129 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวให้แก่สิบตำรวจเอก ค.กับสายลับที่ไปล่อซื้อ นอกจากนี้แล้วจำเลยที่ 1 ยังมีกัญชาแห้งจำนวน 1 ถุง น้ำหนัก580 กรัม ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่พยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 มีเหตุสงสัยตามสมควรว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1ในความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนจริงหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 2 ตาม ป.วิ.อ.มาตรา227 วรรคสอง ดังนี้ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 มีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ตาม ป.วิ.อ.มาตรา185 แม้ความผิดฐานนี้ต้องห้ามมิให้จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องในความผิดร่วมกันมีและจำหน่ายยาเสพติด เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลฎีกายกประโยชน์แห่งความสงสัยให้
จำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนของกลางน้ำหนัก 4.129 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวให้แก่สิบตำรวจเอก ค.กับสายลับที่ไปล่อซื้อ นอกจากนี้แล้วจำเลยที่ 1 ยังมีกัญชาแห้งจำนวน 1 ถุง น้ำหนัก 580 กรัมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่พยานหลักฐานของโจทก์ เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 มีเหตุสงสัยตามสมควรว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานมีเฮโรอีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนจริงหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 2ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสองดังนี้ ศาลฎีกายังมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความดีฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 มีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 แม้ความผิดฐานนี้ต้องห้ามมิให้จำเลยที่ 2ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตกัญชาหลายกรรม: แยกพิจารณาผลผลิตจากต้นกัญชาที่ปลูก กับกัญชาที่ไม่ได้พิสูจน์แหล่งที่มา
จำเลยผลิตกัญชาโดยการเพาะปลูกต้นกัญชาประมาณ 400 ต้นและมีกัญชาแห้งหนัก 12 กิโลกรัม กับเมล็ดกัญชาแห้ง 1 ถุง หนัก 1 กิโลกรัมไว้ในครอบครอง ดังนี้เห็นได้ว่าเฉพาะแต่ต้นกัญชาจำนวน 25 ต้น เท่านั้น ที่ถือว่าเป็นผลที่เกิดจากการผลิตกัญชาโดยการปลูกของจำเลย แต่สำหรับกัญชาแห้งหนัก12 กิโลกรัม กับเมล็ดกัญชาแห้ง 1 ถุง หนัก 1 กิโลกรัม เมื่อไม่ปรากฏว่าคือส่วนหนึ่งของผลผลิตซึ่งเกิดจากต้นกัญชาที่จำเลยปลูก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตกัญชาและการครอบครองยาเสพติดเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยผลิตกัญชาโดยการเพาะปลูกต้นกัญชาประมาณ 400 ต้นและมีกัญชาแห้งหนัก 12 กิโลกรัม กับเมล็ดกัญชาแห้ง 1 ถุงหนัก 1 กิโลกรัม ไว้ในครอบครอง ดังนี้เห็นได้ว่าเฉพาะแต่ต้นกัญชาจำนวน 25 ต้น เท่านั้น ที่ถือว่าเป็นผลที่เกิดจากการผลิตกัญชาโดยการปลูกของจำเลย แต่สำหรับกัญชาแห้งหนัก12 กิโลกรัม กับเมล็ดกัญชาแห้ง 1 ถุง หนัก 1 กิโลกรัมเมื่อไม่ปรากฏว่าคือส่วนหนึ่งของผลผลิตซึ่งเกิดจากต้นกัญชาที่จำเลยปลูก การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง (กัญชา) ที่ศาลลืมวินิจฉัย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องขอให้ริบกัญชาของกลาง แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับกัญชาของกลางดังกล่าว เป็นการไม่ชอบด้วย ป.อ.มาตรา 32 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 186 (9) เมื่อกัญชาของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 จำเลยมีไว้ในครอบครองเป็นความผิดต่อ พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงต้องริบกัญชาของกลางตาม ป.อ.มาตรา 32ปัญหาข้อนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและสั่งให้ริบได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 651/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง (ยาเสพติด) ที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์มิได้วินิจฉัย ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องขอให้ริบกัญชาของกลาง แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยเกี่ยวกับกัญชาของกลางดังกล่าว เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32 ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 186(9) เมื่อกัญชาของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จำเลยมีไว้ในครอบครองเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงต้องริบกัญชาของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ปัญหาข้อนี้เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและสั่งให้ริบได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ศาลรับฟัง หากข้อเท็จจริงในฟ้องไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ ศาลไม่อาจลงโทษได้
โจทก์บรรยายฟ้องข้อ ก.ว่า จำเลยมีกัญชา 3 ถุงไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และบรรยายฟ้องข้อ ข.ว่า จำเลยจำหน่ายกัญชาจำนวนและน้ำหนักไม่ปรากฏชัดอันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวในฟ้องข้อ ก.ให้แก่ผู้มีชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อตามฟ้องดังกล่าวโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายกัญชาอันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชา 3 ถุง ตามฟ้องข้อ ก.ซึ่งยึดได้ที่บ้านจำเลยเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณากลับได้ความว่ากัญชาที่จำเลยจำหน่ายไปตามฟ้องข้อ ข.เป็นกัญชาคนละจำนวนกับกัญชา 3 ถุงที่ยึดได้ที่บ้านจำเลย ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากที่กล่าวในฟ้องจึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติดต่างกรรมต่างวาระ โจทก์ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ากัญชาที่จำหน่ายคือส่วนหนึ่งของกัญชาที่ครอบครอง
โจทก์บรรยายฟ้องข้อ ก. ว่า จำเลยมีกัญชา 3 ถุงไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และบรรยายฟ้องข้อ ข. ว่า จำเลยจำหน่ายกัญชาจำนวนและน้ำหนักไม่ปรากฏชัดอันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชาที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวในฟ้องข้อ ก.ให้แก่ผู้มีชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อตามฟ้องดังกล่าวโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายกัญชาอันเป็นส่วนหนึ่งของกัญชา 3 ถุง ตามฟ้องข้อ ก. ซึ่งยึดได้ที่บ้านจำเลยเท่านั้นแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณากลับได้ความว่ากัญชาที่ จำเลยจำหน่ายไปตามฟ้องข้อ ข. เป็นกัญชาคนละจำนวนกับกัญชา 3 ถุง ที่ยึดได้ที่บ้านจำเลย ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างจากที่กล่าวในฟ้องจึงลงโทษจำเลยไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192