คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 75

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 378 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจัดตั้งสาขาธนาคาร: ผลผูกพันแม้ผู้ลงนามไม่ใช่ตัวแทนโดยตรง & อายุความสัญญา 10 ปี
โจทก์จำเลยมีเจตนาจะทำสัญญาต่อกัน และได้ทำสัญญาขึ้นโดย ช. ลงชื่อเป็นคู่สัญญาฝ่ายโจทก์ ถึงแม้ ช. จะมิใช่ผู้แทนของโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่จำเลยก็ทราบดีว่า ช. ลงชื่อในฐานะตัวแทนโจทก์และโจทก์จำเลยก็ได้ปฏิบัติตามสัญญาต่อกันตลอดมา สัญญาดังกล่าวย่อมเป็นผลผูกพันระหว่างโจทก์จำเลย
โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยจัดตั้งสาขาธนาคารโจทก์ โดยจำเลยต้องดำเนินกิจการภายใต้การควบคุมดูแลของโจทก์ การแต่งตั้งพนักงานบางตำแหน่งโจทก์สงวนสิทธิที่จะแต่งตั้งเอง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากโจทก์ก่อน และการดำเนินกิจการบางอย่างก็ต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์หรือต้องผ่านสำนักงานใหญ่ของโจทก์จำเลยหามีอำนาจดำเนินการอย่างเป็นอิสระไม่ สัญญาดังกล่าวจึงไม่ใช่สัญญาจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ขึ้นใหม่ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสัญญาตัวแทนเป็นมูลฐาน แม้จะกล่าวว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของธนาคารโจทก์ทำการโดยประมาทเลินเล่อโดยปราศจากอำนาจแสวงหาประโยชน์โดยไม่สุจริตก็เป็นการกล่าวตามที่มีปรากฏในสัญญานั้นเอง จึงเป็นเรื่องฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาระหว่างโจทก์ จำเลยซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น หาใช่ฟ้องโดยอาศัยมูลละเมิดไม่กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164คือมีอายุความสิบปี
จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาพิพาทกับโจทก์จริง จึงรับฟังได้ตามคำให้การของจำเลย ไม่จำต้องใช้สัญญาพิพาทซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์เป็นพยานหลักฐาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจัดตั้งสาขาธนาคาร: ผลผูกพันสัญญา แม้ผู้ลงนามไม่ใช่ตัวแทนโดยตรง และอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่ง
โจทก์จำเลยมีเจตนาจะทำสัญญาต่อกัน และได้ทำสัญญาขึ้นโดย ช.ลงชื่อเป็นคู่สัญญาฝ่ายโจทก์ถึงแม้ ช. จะมิใช่ผู้แทนของโจทก์ซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่จำเลยก็ทราบดีว่า ช. ลงชื่อในฐานะตัวแทนโจทก์และโจทก์จำเลยก็ได้ปฏิบัติตามสัญญาต่อกันตลอดมา สัญญาดังกล่าวย่อมเป็นผลผูกพันระหว่างโจทก์จำเลย
โจทก์ทำสัญญาให้จำเลยจัดตั้งสาขาธนาคารโจทก์ โดยจำเลยต้องดำเนินกิจการภายใต้การควบคุมดูแลของโจทก์ การแต่งตั้งพนักงานบางตำแหน่งโจทก์สงวนสิทธิที่จะแต่งตั้งเอง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากโจทก์ก่อน และการดำเนินกิจการบางอย่างก็ต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์หรือต้องผ่านสำนักงานใหญ่ของโจทก์จำเลยหามีอำนาจดำเนินการอย่างเป็นอิสระไม่ สัญญาดังกล่าวจึงไม่ใช่สัญญาจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ขึ้นใหม่ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์
โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยสัญญาตัวแทนเป็นมูลฐาน แม้จะกล่าวว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของธนาคารโจทก์ทำการโดยประมาทเลินเล่อโดยปราศจากอำนาจแสวงหาประโยชน์โดยไม่สุจริตก็เป็นการกล่าวตามที่มีปรากฏในสัญญานั้นเอง จึงเป็นเรื่องฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาระหว่างโจทก์ จำเลยซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น หาใช่ฟ้องโดยอาศัยมูลละเมิดไม่ กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีอายุความสิบปี
จำเลยให้การรับว่าได้ทำสัญญาพิพาทกับโจทก์จริง จึงรับฟังได้ตามคำให้การของจำเลย ไม่จำต้องใช้สัญญาพิพาทซึ่งไม่ได้ปิดอากรแสตมป์เป็นพยานหลักฐาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติบุคคลเป็นผู้จัดการมรดกได้ หากไม่ขัดต่อวัตถุประสงค์และกฎหมาย
สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกนั้นโดยสภาพมิใช่สิทธิและหน้าที่ที่จะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะแก่บุคคลธรรมดา
บุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ย่อมนำมาใช้แก่นิติบุคคลได้เท่าที่ไม่ขัดกับสภาพของนิติบุคคล
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามนิติบุคคลมิให้เป็นผู้จัดการมรดกฉะนั้น ถ้าไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งของนิติบุคคลนั้นแล้ว ศาลย่อมตั้งนิติบุคคลเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามที่เห็นสมควร ผู้ร้องซึ่งเป็นวัดขอเป็นผู้จัดการมรดกซึ่งจะเป็นสมบัติของวัด วัดจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมกระทำโดยเจ้าอาวาสซึ่งเป็นผู้แทนของวัดเป็นผู้แสดงให้ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 จึงเห็นสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2524)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติบุคคลเป็นผู้จัดการมรดกได้ หากไม่ขัดวัตถุประสงค์ และไม่เป็นหน้าที่เฉพาะบุคคล
สิทธิและหน้าที่ของผู้จัดการมรดกนั้นโดยสภาพมิใช่สิทธิและหน้าที่ที่จะพึงมีพึงเป็นได้เฉพาะแก่บุคคลธรรมดา
บุคคลที่ต้องห้ามมิให้เป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 ย่อมนำมาใช้แก่นิติบุคคลได้เท่าที่ไม่ขัดกับสภาพของนิติบุคคล
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามนิติบุคคลมิให้เป็นผู้จัดการมรดก ฉะนั้น ถ้าไม่ขัดกับวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งของนิติบุคคลนั้นแล้ว ศาลย่อมตั้งนิติบุคคล
เป็นผู้จัดการมรดกได้ตามที่เห็นสมควร ผู้ร้องซึ่งเป็นวัดขอเป็นผู้จัดการมรดกซึ่งจะเป็นสมบัติของวัด วัดจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมกระทำโดยเจ้าอาวาสซึ่งเป็นผู้แทนของวัดเป็นผู้แสดงให้ปรากฏตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 จึงเห็นสมควรทั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2524)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมการลงนามเช็คพร้อมประทับตราบริษัท ไม่ต้องรับผิดส่วนตัว
กรรมการบริษัทจำกัดซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อทำการแทนบริษัทจำกัดที่ตนเป็นกรรมการโดยต้องประทับตราสำคัญของบริษัทด้วยนั้น เช็คที่บริษัทเป็นผู้สั่งจ่ายโดยกรรมการลงชื่อสั่งจ่ายและได้ประทับตราสำคัญของบริษัทแล้ว แม้มิได้เขียนแถลงว่ากระทำแทนบริษัทก็ตามถือได้ว่ากรรมการบริษัทกระทำการในฐานะผู้แทนบริษัทจำกัดแล้วหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าบริษัทจำกัดนั้นเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นเองกรรมการบริษัทไม่ต้องเป็นผู้รับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นเป็นส่วนตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คแก้ไขจำนวนเงิน – ความรับผิดของผู้สั่งจ่ายและผู้ทรงเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทจำนวนเงิน 3,626 บาทให้แก่ ว. ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มจำนวนเงินเป็น 903,626 บาท โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอม การแก้ไขดังกล่าวหากไม่ตรวจโดยละเอียดก็ยากที่จะสังเกตได้ ดังนี้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้นถือว่าเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์กรณี จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1007 วรรคสอง
ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จะให้ธนาคารโจทก์ผู้ทรงเช็ครับผิด (น่าจะเป็นสิทธิ) ตามเนื้อความเดิมแห่งเช็คตามมาตรา 1007 วรรคสอง ต้องไม่ปรากฏว่าผู้สั่งจ่ายได้ละเลยในการระมัดระวังที่จะไม่ให้มีการปลอมแปลงเช็ค ถ้าหากผู้สั่งจ่ายละเลยไม่ระมัดระวังเป็นเหตุให้มีการปลอมแปลงเช็คได้โดยง่าย ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดนั้น คดีไม่มีประเด็นดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยที่ 2 ที่ 3 กรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย และประทับตราของบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นข้อสำคัญในเช็คพิพาทเพื่อชำระราคาอ้อยให้แก่ ว. เป็นการกระทำตามหน้าที่ภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของบริษัทจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ต้องรับผิด
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า มีการปลอมจำนวนเงินในเช็คโดยไม่ประจักษ์ จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดชำระเงินตามเนื้อความเดิมแห่งเช็คนั้น และเนื่องจากไม่ปรากฏว่าจำเลยได้วางเงินชำระหนี้ตามเช็คพิพาท จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คปลอมแก้ตัวยาแก้ตัวยาก: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามจำนวนเดิม แม้การแก้ไขไม่ประจักษ์
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทจำนวนเงิน 3,626 บาทให้แก่ ว.ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มจำนวนเงินเป็น 903,626 บาท โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอม การแก้ไขดังกล่าวหากไม่ตรวจโดยละเอียดก็ยากที่จะสังเกตได้ ดังนี้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินอันจะพึงใช้นั้นถือว่า เป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในข้อสำคัญ แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ประจักษ์ กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1007 วรรคสอง
ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จะให้ธนาคารโจทก์ผู้ทรงเช็ครับผิด (น่าจะเป็นมีสิทธิ)ตามเนื้อความเดิมแห่งเช็คตามมาตรา 1007 วรรคสอง ต้องไม่ปรากฏว่าผู้สั่งจ่ายได้ละเลยในการระมัดระวังที่จะไม่ให้มีการปลอมแปลงเช็ค ถ้าหากผู้สั่งจ่ายละเลยไม่ระมัดระวังเป็นเหตุให้มีการปลอมแปลงเช็คได้โดยง่าย ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดนั้น คดีไม่มีประเด็นดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยที่ 2 ที่ 3 กรรมการบริษัทจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย และประทับตราของบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นสำคัญในเช็คพิพาทเพื่อชำระราคาอ้อยให้แก่ ว.เป็นการกระทำตามหน้าที่ภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของบริษัทจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นแล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3 หาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวไม่
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า มีการปลอมจำนวนเงินในเช็คโดยไม่ประจักษ์ จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดชำระเงินตามเนื้อความเดิมแห่งเช็คนั้น และเนื่องจากไม่ปรากฏว่าจำเลยได้วางเงินชำระหนี้ตามเช็คพิพาท จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3063/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแรงงาน: การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและการมีนิติสัมพันธ์โดยตรงระหว่างจำเลยและลูกจ้าง
โรงงานกระสอบป่านเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรมจำเลยเป็นผู้บังคับบัญชา มีอำนาจและหน้าที่ควบคุมดูแลโดยทั่วไปในกิจการของโรงงานกระสอบป่าน มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการตำแหน่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งคณะหรือรายบุคคล คณะกรรมการอำนวยการมีหน้าที่รับผิดชอบต่อจำเลย จำเลยมีอำนาจออกคำสั่งต่าง ๆแม้แต่การเลิกจ้างโจทก์ก็เป็นไปตามความเห็นชอบของจำเลย จึงเห็นได้ว่าการที่จำเลยตั้งคณะกรรมการอำนวยการโรงงานขึ้นก็เพื่อให้คณะกรรมการรับมอบหน้าที่ไปทำในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยจึงมีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับโจทก์
การที่ศาลพิพากษาว่าโจทก์ไม่อาจนำข้อกล่าวหาที่ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมและขอให้ยกเลิกคำสั่งเลิกจ้าง โจทก์มาฟ้องยังศาลแรงงานนั้น เป็นการวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีตามสิทธิในมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มิได้รวมไปถึงสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับเงินเดือนและบำเหน็จซึ่งศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ได้ตามมาตรา 8(1) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อจำเลยมีนิติสัมพันธ์อยู่กับโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาตามสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3063/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแรงงาน: นิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยและลูกจ้าง แม้คำสั่งเลิกจ้างก่อนมี พ.ร.บ.แรงงานฯ
โรงงานกระสอบป่านเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรมจำเลยเป็นผู้บังคับบัญชา มีอำนาจและหน้าที่ควบคุมดูแลโดยทั่วไปในกิจการของโรงงานกระสอบป่าน มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งคณะหรือรายบุคคล คณะกรรมการอำนวยการมีหน้าที่รับผิดชอบต่อจำเลย จำเลยมีอำนาจออกคำสั่งต่างๆ แม้แต่การเลิกจ้างโจทก์ก็เป็นไปตามความเห็นชอบของจำเลย จึงเห็นได้ว่าการที่จำเลยตั้งคณะกรรมการอำนวยการโรงงานขึ้นก็เพื่อให้คณะกรรมการรับมอบหน้าที่ไปทำในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคล จำเลยจึงมีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับโจทก์
การที่ศาลพิพากษาว่าโจทก์ไม่อาจข้อกล่าวที่ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมและขอให้ยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างโจทก์มาฟ้องยังศาลแรงงานนั้น เป็นการวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีตามสิทธิในมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มิได้รวมไปถึงสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับเงินเดือนและบำเหน็จซึ่งศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ได้ตามมาตรา 8 (1) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อจำเลยมีนิติสัมพันธ์อยู่กับโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาตามสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2894/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีทุจริตของประธานกรรมการสุขาภิบาลในฐานะผู้ร้องทุกข์
นายอำเภอในฐานะประธานกรรมการสุขาภิบาลมีอำนาจร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ทุจริตเบียดบังเงินของสุขาภิบาลผู้เสียหายซึ่งเป็นนิติบุคคลตาม พระราชบัญญัติสุขาภิบาล พ.ศ. 2495ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(3)
of 38