คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 56

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7683/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษผู้ขับรถเสพยาเสพติด จำเป็นต้องเข้มงวดเพื่อความปลอดภัยสาธารณะและป้องกันการกระทำผิดซ้ำ
การที่จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้อื่นได้ทุกขณะ เพราะอาการมึนเมาเมทแอมเฟตามีนย่อมทำให้ไม่อาจใช้ความระมัดระวังในการขับรถได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและจำเลยเป็นกำลังสำคัญในการเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัวดังที่กล่าวอ้างในฎีกา แต่เพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบและเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น อันจะเป็นการปกป้องประชาชนทั่วไปจากภยันตรายบนท้องถนนที่มักเกิดขึ้นจากผู้ขับรถที่ขาดสติเพราะเสพเมทแอมเฟตามีนสมควรลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ
จำเลยเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ จึงต้องระวางโทษสูงกว่าโทษที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษอีกหนึ่งในสามตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกฯ มาตรา 127 ทวิ วรรคสองเมื่อโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 91 มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000บาทถึง 100,000 บาท เฉพาะอัตราโทษจำคุกที่จะลงโทษแก่จำเลยในคดีนี้จึงมีกำหนดขั้นต่ำตั้งแต่ 8 เดือน ที่ศาลล่างทั้งสองวางโทษจำคุกก่อนลดไว้ 6 เดือน จึงเป็นการลงโทษจำคุกต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7205/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของตัวการร่วม และการลดโทษจากเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการในการกระทำความผิดดังกล่าวจึงต้องรับผิดในผลของการกระทำของจำเลยที่ 1 และพวกที่ร่วมกระทำผิดด้วยกันเสมือนหนึ่งเป็นการกระทำของจำเลยที่ 2 เอง จำเลยที่ 1 ทำร้ายร่างกายของผู้เสียหายโดยใช้อาวุธปืนยิงจนผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส แม้จำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนร่วมในการยิงผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ก็ต้องรับผิดในผลของการกระทำดังกล่าวด้วย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายถึงสาหัส
จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แม้ที่ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้แก่จำเลยที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา แต่ถ้าศาลฎีกาเห็นว่าศาลล่างลงโทษหนักเกินไป ศาลฎีกาก็ย่อม มีอำนาจแก้ไขให้เหมาะสมแก่ความผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7114/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษต่อจากคดีอื่นและการซื้อสิทธิเลือกตั้ง: ผลกระทบต่อระบอบประชาธิปไตย
แม้โจทก์ไม่ได้ระบุหมายเลขคดีที่โจทก์ขอนับโทษจำเลยต่อก็ตาม แต่โจทก์สามารถแถลงให้ศาลทราบได้ในภายหลังเมื่อข้อเท็จจริงในรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติ ปรากฏว่าจำเลยถูกฟ้องอีกคดีตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1021/2543 ของศาลชั้นต้น จำเลยไม่คัดค้านเท่ากับจำเลยรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อศาลชั้นต้นจึงให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีก่อนได้
การกระทำของจำเลยเป็นการซื้อสิทธิเลือกตั้งโดยให้ผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงิน เป็นการแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งให้ไม่เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมเกิดความเสียหายไม่เพียงแต่ผู้สมัครรับเลือกตั้งรายอื่น แต่ยังเป็นการทำลายหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยและหากมีการซื้อสิทธิเลือกตั้งแล้วได้เข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนในการปกครองบ้านเมืองก็น่าเชื่อว่าจะเกิดปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวงแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้องอีกต่อไป อันเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติอีกด้วย ตามพฤติการณ์จึงเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่สมควรที่จะรอการลงโทษให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7049/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลอกลวงเพื่อเอาทรัพย์สินต่างจากการจัดหางาน มิอาจลงโทษฐานจัดหางาน
โจทก์บรรยายฟ้องตอนแรกว่าจำเลยได้จัดหางานให้แก่ ส. ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นคนหางานเพื่อไปทำงานที่ประเทศฝรั่งเศส โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานตามกฎหมาย แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ตอนหลังที่ว่าจำเลยได้หลอกลวงผู้เสียหายซึ่งเป็นคนหางานว่าจำเลยสามารถจัดส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศฝรั่งเศสอันเป็นเท็จความจริงแล้วจำเลยมิได้มีความสามารถจัดส่งคนหางานใด ๆ รวมทั้งผู้เสียหายให้ไปทำงานต่างประเทศได้ เพราะจำเลยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานและโดยการหลอกลวงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและจ่ายเงินให้แก่จำเลยเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงอยู่ในตัวว่าจำเลยไม่มีเจตนาจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายเพียงแต่อ้างการประกอบธุรกิจการจัดหางานมาเป็นข้อหลอกลวงเพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯ มาตรา 30 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 82 แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ และปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
การกระทำผิดของจำเลยเป็นการหลอกลวงเอาทรัพย์สินจำนวนมากจากคนหางานหลายคน สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ประสงค์จะทำงานหารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัวอย่างมาก อีกทั้งจำเลยจัดให้ผู้เสียหายกับพวกเดินทางไปปล่อยทิ้งที่ประเทศเช็กโกสโลวะเกียโดยมิได้ดูแลช่วยเหลือจนผู้เสียหายต้องติดต่อสถานฑูตไทยให้ช่วยเหลือเดินทางกลับประเทศไทย การกระทำของจำเลยเป็นภัยต่อประชาชนผู้ประสงค์หางานทำอย่างยิ่ง นับเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้นเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6900/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบท และการรอการลงโทษในคดีป่าสงวน
จำเลยรับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้องจริง แต่ปรากฏตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลฎีกามีอำนาจรอการลงโทษจำคุกจำเลยได้
จำเลยรับไว้ ซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสียซึ่งของป่าตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 31 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 34 กับมีไว้ในความครอบครองซึ่งของป่าหวงห้ามเกินปริมาณที่กำหนดโดยมิได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 29 ทวิ วรรคหนึ่ง, 71 ทวิ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เพราะการรับไว้ ซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสียมีเจตนาเดียวเพื่อครอบครองของป่านั่นเอง ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยมา 2 กระทงจึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6880/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันในทุกกระทงความผิด แม้เป็นความผิด 2 กระทง
ความผิดข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้จนผู้เสียหาย ไม่ติดใจเอาความ ซึ่งศาลล่างทั้งสองก็นับเป็นเหตุบรรเทาโทษและลดโทษให้ โดยลงโทษจำเลยในสถานเบา เมื่อศาลชั้นต้น พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยไม่รอการลงโทษ หากศาลฎีกาจะพิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษในความผิดข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสก็จะเป็นการลักลั่นไม่เหมาะสมแม้จะเป็นความผิด 2 กระทงก็ตาม ดังนั้น หากศาลจะรอการลงโทษหรือไม่รอการลงโทษก็ควรจะเป็นอย่างเดียวกัน มิใช่กระทงหนึ่งรอการลงโทษ แต่อีกกระทงหนึ่งไม่รอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6509/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารราชการปลอมและการพิจารณาเหตุรอการลงโทษ ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สมควรให้รอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาท และให้รอการลงโทษไว้แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี แต่เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากคือนอกจากแก้โทษจำคุกให้เบาลงและเพิ่มโทษปรับแล้วยังให้รอการลงโทษไว้ด้วย จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
จำเลยใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์และแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ซึ่งเป็นเอกสารราชการปลอมเพื่อประโยชน์สำหรับการใช้รถยนต์ที่มิได้ขออนุญาตนำเข้าผ่านกรมการค้าต่างประเทศโดยไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายและเป็นความผิดร้ายแรงที่สมควรกำราบปราบปรามมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป ทั้งจำเลยไม่รู้สึกตัวกลัวผิดกลับต่อสู้คดีมาตลอด กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6392/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานวิทยุคมนาคมหลายกรรมต่างกัน การปรับคลื่นวิทยุและเรียกเก็บค่าบริการ
การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันลักลอบปรับคลื่นวิทยุคมนาคมเป็นของบุคคลอื่นได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตแล้วนำออกให้บริการแก่บุคคลทั่วไปโดยจำเลยทั้งสามคิดค่าบริการจากผู้ใช้บริการแม้จะกระทำในเวลาเดียวกัน แต่ก็เป็นการกระทำที่สามารถแยกจากกันเป็นราย ๆ ตามจำนวนเครื่องวิทยุคมนาคมที่จำเลยทั้งสามร่วมกันลักลอบปรับคลื่นและนำออกให้บุคคลทั่วไปใช้บริการโดยเรียกค่าบริการได้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน จำเลยให้การรับสารภาพถือว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเจตนาแยกเป็นราย ๆ ไป ตามจำนวนเครื่องวิทยุคมนาคมที่จำเลยทั้งสามร่วมกันลักลอบปรับคลื่นวิทยุคมนาคม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยทั้งสามร่วมกันนำเครื่องวิทยุคมนาคมที่ปรับคลื่นวิทยุคมนาคมของผู้ที่ได้รับอนุญาตเปลี่ยนให้ใช้คลื่นวิทยุคมนาคมจากเจ้าพนักงานให้บริการแก่บุคคลโดยทั่วไปโดยเรียกค่าบริการจากผู้ใช้บริการเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นซึ่งเป็นเจ้าของคลื่นวิทยุคมนาคมที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตและระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศนับว่าเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงจำเลยทั้งสามเป็นนักศึกษาย่อมจะมีความยับยั้งชั่งใจมากกว่าผู้ที่มิได้เป็นนักศึกษากลับมากระทำผิดอันเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชนโดยทั่วไป สมควรลงโทษเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสามนั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูคดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6056/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการคุมความประพฤติและการเปลี่ยนแปลงโทษ กรณีจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้วถือเป็นที่สุด
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่ใส่ใจในการปฏิบัติตามข้อกำหนด อันเป็นการปฏิบัติผิดเงื่อนไขการคุมความประพฤติ จึงให้ยกเลิกการคุมความประพฤติและเปลี่ยนโทษจากการรอการลงโทษจำคุกเป็นไม่รอการลงโทษ เมื่อจำเลยอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตาม พ.ร.บ.วิธีการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2522 มาตรา 17 วรรคสอง จำเลยจะฎีกาไม่ได้ ทั้งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่มีบทมาตราใดที่บัญญัติให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ดังเช่นคดีอาญาทั่ว ๆ ไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5307/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โดยชอบ และการรอการลงโทษเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมแต่เพียงว่า"เสนอวันนี้ศาลอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จึงรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมสำเนาให้โจทก์และจำเลย การส่งไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย" และข้อความในหมายนัดที่ส่งถึงจำเลยมีเพียงว่า "โจทก์ร่วมอุทธรณ์ได้ส่งสำเนาอุทธรณ์มาพร้อมหมายนัดนี้แล้ว เพราะฉะนั้นจึงแจ้งมาเพื่อทราบ" ซึ่งข้อความในหมายนัดนั้นไม่ชอบเพราะศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 200 แต่เมื่อหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ส่งให้ไม่ได้เพราะไม่ได้ระบุเลขที่บ้านจำเลย และศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ว่า ให้ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์ร่วมให้แก่ทนายจำเลยการส่งถ้าไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย และในหมายนัดที่ศาลชั้นต้นส่งถึงทนายจำเลยใหม่นี้มีข้อความว่า"โจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ให้จำเลยแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหมายนี้ ได้ส่งสำเนาอุทธรณ์มาพร้อมหมายนี้จึงแจ้งมาเพื่อทราบ" แล้วมีการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์ร่วมให้แก่ทนายจำเลยโดยวิธีปิดหมายดังนั้นไม่ว่าบ้านที่ถูกระบุในรายงานการเดินหมายว่าเป็นบ้านใกล้เคียงกับบ้านที่ปิดหมายนั้นจะอยู่ห่างไกลจากบ้านของทนายจำเลยดังที่อ้างหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อการดำเนินการของศาลชั้นต้นในการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ตลอดจนข้อความที่ปรากฏในหมายนัดที่ส่งให้แก่ทนายจำเลยเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายและเมื่อตรวจดูรายงานการเดินหมายแล้วเชื่อว่ามีการปิดหมายไว้ที่บ้านของทนายจำเลยตามที่อยู่ที่แจ้งไว้จริงถือได้ว่าศาลชั้นต้นดำเนินการส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์ร่วมให้อีกฝ่ายหนึ่งแก้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198,200 และ 201 โดยชอบแล้ว
จำเลยไม่เคยกระทำความผิดถึงต้องโทษจำคุกมาก่อนจำนวนเงินตามเช็คไม่สูงมากนัก จำเลยประกอบอาชีพธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเคยร่วมงานกับโจทก์ร่วมรับเหมาก่อสร้างให้แก่รัฐภายใต้ภาวะทางเศรษฐกิจของบ้านเมืองกำลังตกต่ำเช่นปัจจุบันหากจำเลยจะต้องถูกลงโทษถึงจำคุกและอยู่ในเรือนจำภายในระยะเวลาอันสั้นแล้วน่าจะไม่เป็นผลดีต่อการแก้ไขให้จำเลยเป็นคนดีของสังคมได้ โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้โดยให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
of 64