คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 56

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1054/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดโทษฐานเล่นการพนัน และการพิจารณาเหตุรอการลงโทษตามประวัติและพฤติการณ์
พระราชบัญญัติการพนันฯ มาตรา 12(1) ได้กำหนดโทษผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันตามบัญชี ก. หมายเลข 11 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปจนถึง5,000 บาท เว้นแต่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้าให้จำคุกไม่เกิน3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นการแยกบทกำหนดโทษสำหรับผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่ไม่ได้เรียกว่าลูกค้าเป็นบทหนึ่ง และสำหรับผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้าเป็นอีกบทหนึ่ง การที่จำเลยทั้งยี่สิบสองคนเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันป๊อกแปดเก้า โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นผู้เล่นหรือลูกค้าคนแทง จำเลยทั้งยี่สิบสองก็มีเพียงเจตนาเดียว คือ เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันป๊อกแปดเก้า การกระทำของจำเลยทั้งยี่สิบสองจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยทั้งยี่สิบสองคือ ความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ การที่ศาลล่างทั้งสองเรียงกระทงลงโทษจำเลยทั้งยี่สิบสองในความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นผู้เล่นหรือลูกค้าคนแทง รวม 2 กระทงนั้นเป็นการไม่ชอบและเนื่องจากเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีจึงให้มีผลถึงจำเลยอื่น ๆ ที่มิได้ฎีกาด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 7, ที่ 14 และที่ 16 กับพวกได้พร้อมอุปกรณ์การเล่นการพนันหลายรายการและยึดเงินสดที่ใช้เอาออกพนันได้ถึง 68,860 บาท แสดงว่าเป็นการพนันวงใหญ่ เล่นได้เสียกันเป็นจำนวนมาก ตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับก่อนคดีนี้จำเลยที่ 7 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกและปรับฐานร่วมกันเล่นการพนันป๊อกแปดเก้าโดยไม่ได้รับอนุญาตและศาลชั้นต้นเคยปรานีรอการลงโทษ แต่จำเลยที่ 7 ยังมากระทำความผิดอย่างเดียวกันซ้ำอีกภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษในคดีก่อนจึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยที่ 7 ส่วนจำเลยที่ 14 และที่ 16ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน อีกทั้งมีอาชีพการงานเป็นหลักแหล่งและต่างก็ต้องเลี้ยงดูภรรยาซึ่งไม่ได้ประกอบอาชีพและบุตรซึ่งอยู่ในวัยศึกษาอีกคนละ 3 คน กรณีมีเหตุอันควรปรานี เพื่อให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตัวเป็นพลเมืองดี สมควรรอการลงโทษจำเลยทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1031/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษจำคุกคดีเสพยาเสพติดขณะขับรถ พิจารณาจากชนิดรถและประวัติผู้ต้องหา
แม้การที่จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ขับรถจะถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง แต่รถยนต์ที่จำเลยขับขณะถูกจับกุมดำเนินคดีนี้เป็นเพียงรถยนต์กระบะมิใช่รถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่หรือรถยนต์โดยสาร หากมีความเสียหายเกิดขึ้นโดยปกติย่อมรุนแรงน้อยกว่ารถยนต์ประเภทดังกล่าว ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงควรรอการลงโทษจำคุกจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสพยาเสพติดขณะขับรถ: ศาลฎีกายืนโทษจำคุกเพื่อป้องปรามอุบัติเหตุร้ายแรง แม้มีเหตุบรรเทาโทษ
การเสพเมทแอมเฟตามีนในขณะขับรถเป็นความผิดร้ายแรง ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลในวัยทำงานไปโดยใช่เหตุเป็นจำนวนมาก จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนขณะขับรถยนต์บรรทุก แม้จำเลยจะไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนและมีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว ยังไม่เพียงพอที่จะนำมารับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย แม้ฟ้องไม่ได้ขอโทษฐานฆ่า แต่การกระทำต่อเนื่องเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานฆ่า
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 มาด้วย แต่ได้บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยกับพวกว่าร่วมกันใช้อาวุธปืนตีทำร้ายร่างกายผู้ตาย และร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่า ในลักษณะต่อเนื่องเป็นกรรมเดียวกันกับที่พวกของจำเลยมาเอาอาวุธปืนของจำเลยยิงผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ใช้อาวุธปืนตีทำร้ายผู้ตายจึงเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่าพวกของจำเลยยิงผู้ตายโดยลำพังซึ่งเป็นคนละตอนกับที่จำเลยทำร้ายผู้ตายก็ตาม แต่การที่จำเลยทำร้ายผู้ตายก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่รวมอยู่ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้ตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ตามที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้ายได้
พฤติการณ์ที่จำเลยก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับผู้ตายและใช้อาวุธปืนที่เตรียมไปตีทำร้ายผู้ตายแล้วพวกของจำเลยที่ไปด้วยกันยังใช้อาวุธปืนที่จำเลยนำไปด้วยนั้นยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย กรณีจึงยังไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดอุกอาจรุนแรงของจำเลย แม้มีการลดโทษแล้ว ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยการรอการลงโทษ
ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 19 ปี และทำงานเป็นหลักแหล่ง เป็นผู้มีความสำนึกในเรื่องผิดชอบชั่วดีแล้ว แต่จำเลยยังร่วมกับพวกกระทำผิด โดยจำเลยมีอาวุธมีดติดตัวขับรถกระบะให้พวกซึ่งอยู่ท้ายรถกระชากสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองจากผู้เสียหายที่เดินสวนทางมา และขับรถหนีไปด้วยความเร็วสูงเมื่อ ส. พี่ชายของผู้เสียหายทราบเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ให้เพื่อนนั่งซ้อนท้ายไล่ตามจำเลยกับพวกไปที่สุดซอยตัน จำเลยขับรถถอยหลังพุ่งชนรถจักรยานยนต์ของ ส.ที่จอดขวางทางอยู่จนล้มและส. กระเด็นตกจากรถได้รับบาดเจ็บ แล้วขับรถแล่นหนีไปด้วยความเร็วสูงจนถูกเจ้าพนักงานตำรวจสกัดจับได้ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลย ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจรุนแรงไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง แม้อาของจำเลยจะชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย ก็เป็นเพียงการบรรเทาผลร้ายที่ผู้เสียหายและ ส. ได้รับเท่านั้น ไม่อาจลบล้างความผิดที่จำเลยกระทำไว้แล้วได้ การที่ศาลอุทธรณ์ลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้จำเลยลงอีกหนึ่งในสามนั้นนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว การกระทำความผิดของจำเลยนับว่าเป็นภัยต่อสุจริตชนทั่วไป จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำร้ายแม่ยายด้วยไฟฟ้า แม้แรงดันต่ำ ศาลไม่รอการลงโทษ เหตุจำเลยขาดสำนึกผิด
การที่จำเลยใช้กระแสไฟฟ้าทำอันตรายแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นแม่ยายของจำเลยและมีอายุถึง 56 ปี จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจแม้จะเป็นกระแสไฟฟ้าเพียง 12 โวลต์ ก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง หลังเกิดเหตุจำเลยไม่ได้แสดงความรับผิดชอบหรือรู้สำนึกในการกระทำความผิดด้วยการดูแลรักษาพยาบาลหรือชดใช้ค่าเสียหายหรือขอขมาต่อผู้เสียหายแต่ประการใดจนเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้ว จำเลยจึงได้นำบันทึกของผู้เสียหายที่ระบุว่าไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยมาแสดง การกระทำดังกล่าวของจำเลยมิได้ทำด้วยความรู้สำนึกในการกระทำความผิด แต่ทำเพื่อประโยชน์ในทางคดีของตนเท่านั้น จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พ.ร.บ.ล้างมลทินไม่ลบล้างประวัติความผิดเดิม ศาลใช้ประกอบดุลยพินิจลงโทษได้
พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 มาตรา 4 ที่บัญญัติให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวใช้บังคับ หรือซึ่งได้พ้นโทษไปโดยผลแห่ง พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษพ.ศ. 2539 โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ มีผลเพียงให้ถือว่าผู้ต้องโทษไม่เคยถูกลงโทษจำคุกเท่านั้น มิได้มีผลถึงกับให้ถือว่าความประพฤติหรือการกระทำอันเป็นเหตุให้บุคคลผู้นั้นถูกลงโทษจำคุกถูกลบล้างไปด้วย ศาลล่างทั้งสองจึงนำข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อนในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามที่ปรากฏในรายงานการสืบเสาะและพินิจ มาประกอบการใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 67 ซึ่งระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลล่างทั้งสองจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐาน ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 176 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลกระทบของ พ.ร.บ.ล้างมลทิน ต่อการพิจารณาโทษจำเลย และอำนาจศาลในการลงโทษจากคำรับสารภาพ
พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 มาตรา 4 ที่บัญญัติให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวใช้บังคับ หรือซึ่งได้พ้นโทษไปโดยผลแห่งพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2539โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ มีผลเพียงให้ถือว่าผู้ต้องโทษไม่เคยถูกลงโทษจำคุกเท่านั้น มิได้มีผลถึงกับให้ถือว่าความประพฤติหรือการกระทำอันเป็นเหตุให้บุคคลผู้นั้นถูกลงโทษจำคุกถูกลบล้างไปด้วย ศาลล่างทั้งสอง จึงนำข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อนในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษตามที่ปรากฏในรายงานการสืบเสาะและพินิจ มาประกอบการใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 67 ซึ่งระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลล่างทั้งสองจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำคุกในคดีหลัง แม้คดีก่อนได้รับโทษจำคุกแล้ว
ป.อ.มาตรา 56 มิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ด้วยว่า หากการกระทำความผิดในคดีก่อนและคดีหลังมิใช่ความผิดต่อกฎหมายฉบับเดียวกัน แม้ผู้นั้นได้รับโทษจำคุกในคดีก่อน ศาลยังอาจพิพากษารอการลงโทษจำคุกคดีหลังได้ เมื่อปรากฏว่าคดีก่อนจำเลยได้รับโทษจำคุก การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยโดยให้เหตุผลว่า กรณีของจำเลยไม่อาจรอการลงโทษได้ จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำคุก แม้เคยมีโทษคดีก่อนที่ไม่ใช่ความผิดตามกฎหมายฉบับเดียวกัน ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะไม่รอการลงโทษ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ด้วยว่าหากการกระทำความผิดในคดีก่อนและคดีหลังมิใช่ความผิดต่อกฎหมายฉบับเดียวกัน แม้ผู้นั้นได้รับโทษจำคุกในคดีก่อน ศาลยังอาจพิพากษารอการลงโทษจำคุกคดีหลังได้ เมื่อปรากฏว่าคดีก่อนจำเลยได้รับโทษจำคุก การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยโดยให้เหตุผลว่า กรณีของจำเลยไม่อาจรอการลงโทษได้ จึงชอบแล้ว
of 64