คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 56

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5401/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจากการหลอกลวงจัดหางานไปทำงานต่างประเทศ ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดด้วยการแสดงข้อความอัน เป็นเท็จว่าจำเลยทั้งสองสามารถจัดส่งผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดไปทำงานใน ประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เป็นงานที่มีรายได้ เมื่อผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดเดินทางไปถึงแล้วสามารถทำงานได้ทันที โดยจำเลยทั้งสองปกปิดข้อความจริงว่าจำเลยทั้งสอง ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดหาคนงานไปทำงานในประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้จาก นายทะเบียนจัดหางานกลางจากการหลอกลวงดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ด หลงเชื่อและมอบเงินจำนวนต่าง ๆ ให้แก่จำเลยทั้งสอง ดังนั้น การกระทำของ จำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง มิใช่ผิดเฉพาะสัญญาทางแพ่งแต่อย่างใด ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดยอมจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้แก่จำเลยทั้งสองเนื่องจากประสงค์จะเดินทางไปทำงานในประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ตามที่จำเลยทั้งสองรับรอง หากผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดทราบความจริงว่าถูกจำเลยทั้งสองหลอกลวงแล้ว ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดคงไม่เดินทางไปยังประเทศดังกล่าวและไม่จ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้แก่จำเลยทั้งสองเป็นแน่ แม้ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดได้ใช้ตั๋วเครื่องบินดังกล่าวเดินทางไปและกลับระหว่างประเทศไทยกับประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ แต่การเดินทางของผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดดังกล่าวมิได้เกิดจากความสมัครใจของตนที่จะเดินทางไปหางานทำด้วยตนเอง แต่เกิดจากการที่ถูกจำเลยทั้งสองร่วมกันหลอกลวงฉ้อโกง ดังนั้น เงินค่าตั๋วเครื่องบินของผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดที่ต้องสูญเสียไปจึงเป็นเงินที่เกิดจากการหลอกลวง ของจำเลยทั้งสอง ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดย่อมมีสิทธิที่จะเรียกค่าตั๋วเครื่องบินดังกล่าวคืนจากจำเลยทั้งสอง ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดเดินทางไปประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้เนื่องจากหลงเชื่อตามที่จำเลยทั้งสองหลอกลวงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากนอกจากนี้ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดต้องเสียเวลาในการทำมาหากิน ทั้งผู้เสียหายบางคนยังถูกจับและถูกขังอยู่ในประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ทำให้ต้องสูญเสียอิสรภาพ จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายปกครองมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน แต่จำเลยที่ 1 กลับมากระทำความผิดเสียเองโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ในการหลอกลวงเพื่อให้ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดหลงเชื่อ หลังเกิดเหตุจำเลยทั้งสองก็มิได้บรรเทาผลร้าย ชดใช้หรือเสนอที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายทั้งสิบเอ็ดแต่อย่างใดกรณีไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5371/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาทจากการถ่ายปัสสาวะในที่สาธารณะ การใช้อาวุธปืน และสิทธิในการป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่จำเลยยืนใช้มือข้างหนึ่งเกาะรถยนต์ และถ่ายปัสสาวะรดตรงท้ายประตูด้านขวาปัสสาวะที่จำเลยถ่ายออกย่อมจะต้องถูกรถยนต์ไม่มากเป็นความประพฤติที่ไม่สมควร ก็น้อย การกระทำของจำเลยที่ใช้รถยนต์ของผู้อื่นเป็นที่กำบังในการถ่ายปัสสาวะอย่างยิ่งจำเลยเป็นผู้ก่อเรื่องไม่งดงามขึ้นก่อน เมื่อจำเลยถูกต่อว่าและไม่ว่าจะถูกตบท้ายทอยโดยบุคคลใดในฝ่ายผู้เสียหายหรือไม่ จำเลยพึงต้องอดทน การที่จำเลยตอบโต้โดยมีการต่อปากต่อคำนำไปสู่การวิวาทที่รุนแรง แล้วจำเลยใช้อาวุธปืนในการวิวาท โดยไม่ปรากฏว่าฝ่ายผู้เสียหายมีใครใช้อาวุธปืนเช่นจำเลย ดังนี้ จำเลยหามีสิทธิที่จะอ้าง ว่ากระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือกระทำเพราะบันดาลโทสะได้ไม่ จำเลยกระทำการอุกอาจร้ายแรงมีปืนเป็นอาวุธ และยังได้ยิงปืน ซึ่งพนักงานสอบสวนเก็บปลอกกระสุนปืนได้ถึง 9 ปลอก จำเลยกระทำแก่ผู้เสียหายที่ 3 ที่ 4 ถึงบาดเจ็บโดยเฉพาะผู้เสียหายที่ 4 ถูกทำร้ายจนสลบทั้ง ๆ ที่นั่งหลบอยู่ข้างรถยนต์พฤติการณ์ แห่งการกระทำของจำเลยจึงยังไม่สมควรรอการลงโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5072/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการรอการลงโทษและการคุมความประพฤติ เมื่อจำเลยกระทำผิดซ้ำระหว่างคุมความประพฤติ
กรณีที่ผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขคุมความประพฤติที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นั้น เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าวิธีคุมประพฤติไม่เหมาะสมและใช้ไม่ได้ผลแก่จำเลย ก็สามารถยกเลิกการคุมประพฤติและเปลี่ยนโทษจากการรอการลงโทษจำคุกเป็นไม่รอการลงโทษได้ และเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ย่อมเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2522 มาตรา 17 วรรคสอง จำเลยจะฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4712/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จเพื่อเอื้อประโยชน์คนไม่มีสัญชาติไทย และการแก้ไขโทษตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ได้ร่วมกับพวกอีกสองคนแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อให้พวกของจำเลยซึ่งเป็นคนไม่มีสัญชาติไทยมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านโดยมิชอบ เป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศชาติ พฤติการณ์แห่งคดีจึงร้ายแรง ไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 4 ได้ พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 วรรคสอง ระวางโทษหนักขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 50 วรรคหนึ่งนั้นมุ่งหมายเฉพาะผู้ซึ่งกระทำผิดตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีสัญชาติไทยเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 เป็นผู้ซึ่งมีสัญชาติไทย จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 50 วรรคสอง คงเป็นความผิดตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4481/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอาญาของบุคคลล้มละลาย แม้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ก็ต้องรับผิดชอบการกระทำผิดก่อนหน้านี้
ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าบุคคลที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์ ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีในทางอาญาแทนโดยเฉพาะจำเลยที่ 2 ได้ร่วมสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสามฉบับให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2540 และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คทั้งสามฉบับเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2540 แต่จำเลยที่ 2 ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2541 การกระทำผิดของจำเลยที่ 2ในคดีนี้จึงเกิดขึ้นก่อนจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด การดำเนินกระบวนพิจารณาในชั้นอุทธรณ์โดยไม่มีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยจึงชอบแล้ว เช็คแต่ละฉบับที่จำเลยทั้งสองร่วมกันสั่งจ่ายให้โจทก์ มีจำนวนเงินสูง และจำเลยทั้งสองไม่ได้ผ่อนชำระหนี้ ตามเช็คให้โจทก์ตามที่ได้ตกลงกันไว้ แม้ว่าโจทก์จะยื่นขอ รับชำระหนี้ตามเช็คทั้งสามฉบับต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ไม่ได้หมายความว่าโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีนี้ กับจำเลยทั้งสองอีกต่อไป จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4380/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต และการรอการลงโทษสำหรับลูกจ้าง
เมื่อศาลชั้นต้นอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยไม่ต้องการทนายความและให้การรับสารภาพ อีกทั้งโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังตามคำฟ้องของโจทก์ว่า จำเลยทั้งหกร่วมกันประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินตราต่างประเทศซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยรับซื้อขายเงินตราต่างประเทศและเป็นตัวแทนซื้อเงินสกุลปอนด์เยนมาร์กและดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ให้แก่ประชาชน ดังนั้น ฎีกาของจำเลยทั้งหกที่ว่า การกระทำของจำเลยมีลักษณะเป็นการเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอันมีลักษณะเดียวกับการเล่นหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยผลกำไรขาดทุนถือเอาการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมิได้ถือครองเงินตราต่างประเทศ ไม่ได้เป็นการซื้อขายเงินตราต่างประเทศและมิใช่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศแต่อย่างใด ทั้งการที่บริษัท อ. ประกาศรับสมัครพนักงานจำเลยที่ 3 เชื่อโดยสุจริตว่าบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการโดยชอบด้วยกฎหมายจึงไปสมัครงาน และบริษัทได้อบรมจำเลยที่ 3 ก่อน จำเลยที่ 3 ทำงานเพียง 2 เดือนก็ถูกจับกุมโดยไม่ทราบว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิด และอ้างว่าพนักงานสอบสวนจูงใจให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รับสารภาพโดยบอกว่าเมื่อรับสารภาพแล้วศาลจะลงโทษปรับเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยทั้งหกเป็นเพียงลูกจ้างของบริษัท อ. ในตำแหน่งพนักงานการตลาดทำหน้าที่เกี่ยวกับการหาลูกค้าเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าได้มีการดำเนินคดีแก่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวหรือจำเลยทั้งหกได้ร่วมกับผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทดังกล่าวกระทำความผิดแต่ประการใด ประกอบกับจำเลยทั้งหกไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งหกกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษและคุมความประพฤติของจำเลยทั้งหกไว้ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่สังคมส่วนรวมยิ่งกว่าลงโทษจำคุกไปเสียที่เดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4243/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมโดยมิชอบ ข่มขู่กลั่นแกล้งผู้เสียหาย ชี้เจตนาใช้อำนาจเกินขอบเขต
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมผู้เสียหายที่ได้ก่อการทะเลาะวิวาทก่อนหน้านั้นแต่เหตุแห่งการทะเลาะวิวาทได้ยุติลงแล้ว เหตุวิวาทยังไม่ชัดแจ้งว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดไม่ใช่การกระทำผิดซึ่งหน้า โดยมีคู่กรณีกับผู้เสียหายชี้ให้จับ แต่มิได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบอีกทั้งไม่ใช่กรณีที่มีเหตุสงสัยว่ากระทำความผิดมาแล้วจะหลบหนี จำเลยซึ่งไม่มีหมายจับไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะจับผู้เสียหาย จำเลยจับผู้เสียหายโดยไม่แจ้งข้อหาไม่ทำบันทึกจับกุม ไม่ส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี กลับนำไปควบคุมที่ด่านตรวจ ชี้เจตนาจำเลยว่ากระทำโดยโกรธแค้น แสดงอำนาจ เพื่อข่มขู่กลั่นแกล้งผู้เสียหายให้เดือดร้อนเสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องรุนแรงต่อความรู้สึกของประชาชนไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4018/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดใช้เอกสารสิทธิปลอม ฉ้อโกง และความเสียหายต่อธนาคาร
จำเลยที่ 1 นำใบบันทึกรายการขายปลอมไปใช้เบิกเงินจากธนาคารผู้เสียหายจึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมและฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265,341 การที่จำเลยที่ 1 นำใบบันทึกรายการขายปลอมไปใช้เบิกเงินจากธนาคารจนได้รับเงินจากธนาคารแล้ว ธนาคารจึงเป็นผู้เสียหายไม่ใช่ผู้ถือบัตรเครดิตที่ถูกปลอมลายมือชื่อเป็นผู้เสียหาย ปัญหานี้แม้จะไม่ได้ยกขึ้นมาว่ากล่าวตั้งแต่ศาลชั้นต้น แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยที่ 1 ยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ จำเลยที่ 1 ได้ร่วมมือกับบุคคลอื่นนำบัตรเครดิตปลอมมาใช้กับเครื่องรูดใบบันทึกรายการขายของจำเลยที่ 1 โดยกระทำหลายครั้งในชื่อของผู้ถือบัตรเครดิตถึง 8 คน เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้ลดโทษให้แก่จำเลยที่ 1 อันนับเป็นคุณมากแล้วกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3639/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงปลอมปนสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและประชาชน ไม่มีเหตุรอการลงโทษ
น้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเลยทั้งสามปลอมปนมีจำนวนรวมกันถึง133,500ลิตรเพื่อที่จะให้ได้กำไรในทางการค้าให้มาก โดยมิได้คำนึงถึงความเดือดร้อนที่จะก่อให้เกิดแก่ประชาชนที่ซื้อน้ำมันไปใช้ ทำให้เครื่องยนต์ต้องชำรุดเสียหายก่อนเวลาอันสมควรต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเป็นจำนวนมากโดยไม่จำเป็น ซึ่งเป็นความสูญเปล่าในทางเศรษฐกิจของประเทศชาติโดยรวมถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3447/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเล่นการพนัน: การพิจารณาโทษและมาตรการคุมประพฤติ
การที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และร่วมเล่นกับจำเลยอื่นด้วยนั้น เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 ได้พร้อมกับของกลางเพียงเล็กน้อย แม้จะจับผู้ร่วมเล่นการพนันได้ถึง 19 คน แต่การเล่นพนันดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนจึงยังอยู่ในเพื่อให้โอกาสจำเลยที่ 1 กลับประพฤติตนเป็นคนดีและประกอบสัมมาชีพหาเลี้ยงครอบครัวต่อไป แต่เพื่อให้จำเลยที่ 1 เข็ดหลาบยิ่งขึ้นสมควรกำหนดระยะเวลาในการรอการลงโทษให้นานขึ้นและกำหนดมาตรการในการคุมความประพฤติเสียใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
of 64