คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 56

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3314/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำคุกต้องไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน แม้จะเป็นคดีอื่น
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ศาลจะรอการลงโทษได้ ต่อเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน ซึ่ง หมายความว่าไม่ได้รับโทษจำคุกมาก่อนคดีที่ศาลกำลังจะพิพากษา โดยไม่จำต้องเป็นการกระทำความผิดมาก่อนคดีเรื่องหลัง ก่อนที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาในคดีนี้ จำเลยได้กระทำ ความผิดและมีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย กรณีจึงไม่อาจรอการลงโทษให้แก่จำเลยในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3314/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษตาม ป.อ.มาตรา 56 ต้องไม่เคยมีประวัติโทษจำคุก
ตาม ป.อ.มาตรา 56 ศาลจะรอการลงโทษได้ต่อเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน ซึ่งหมายความว่าไม่ได้รับโทษจำคุกมาก่อนคดีที่ศาลกำลังจะพิพากษาโดยไม่จำต้องเป็นการกระทำความผิดมาก่อนคดีเรื่องหลัง
ก่อนที่ศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาในคดีนี้ จำเลยได้กระทำความผิดและมีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย กรณีจึงไม่อาจรอการลงโทษให้แก่จำเลยในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3256/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีวิ่งราวทรัพย์ของผู้กระทำผิดขณะศึกษา การวางแผนร่วมกันและพฤติการณ์ร้ายแรงเป็นเหตุไม่รอการลงโทษ
พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้รถจักรยานยนต์ ขับตามผู้เสียหายไปก่อนวิ่งราวทรัพย์นั้น บ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสอง ร่วมกันวางแผนกระทำความผิดมาก่อน ทั้งอาศัยโอกาส กระทำความผิดต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นสตรีในเวลากลางคืนในขณะปลอดผู้รู้เห็นและสะดวกแก่การหลบหนี การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการคุกคามต่อความปลอดภัยในทรัพย์สิน ของบุคคลทั่วไป ถือว่าเป็นกรณีร้ายแรง และแม้ขณะกระทำ ความผิดมารดาจำเลยที่ 2 จะป่วยไม่มีเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลจำเลยที่ 2 ก็สามารถแก้ไขด้วยการประกอบอาชีพสุจริตหรือหยิบยืมจากญาติได้ หาใช่แก้ไขด้วยการกระทำผิดกฎหมายซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเดือด ร้อนต่อสังคมทั่วไปไม่ ดังนั้น แม้จำเลยที่ 2 จะอายุเพียง 18 ปี มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายซึ่งก็ย่อมได้รับการอบรมสั่งสอนให้มี ความรู้สึกผิดชอบและมีความสำนึกว่าควรแก้ไขปัญหาของตน ด้วยการกระทำที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือด ร้อนต่อบุคคลอื่น และไม่กระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่จำเลยที่ 2 หาได้ นำสิ่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาประพฤติปฏิบัติไม่ กลับมากระทำผิด กฎหมายในขณะกำลังศึกษาเช่นนี้ จึงไม่เป็นเหตุที่จะรอการลงโทษ ให้จำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2477/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะ: พิจารณาจากเหตุการณ์ก่อนหลังและพฤติการณ์การกระทำ
การที่จำเลยเดินเข้าไปหาโจทก์ร่วมโดยถือมีดไปด้วย แล้วใช้มีดเป็นอาวุธแทงและฟันทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วม น่าจะเป็นเพราะจำเลยโกรธที่โจทก์ร่วมพาน้องสาวจำเลย ไปนอนค้างที่อื่น และขอเลื่อนการแต่งงานออกไปจากวันที่ กำหนดไว้เดิมมากกว่าเหตุอื่นการกระทำของจำเลยจึงมิใช่ การกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จำเลยใช้มีดขนาดใหญ่เป็นอาวุธแทงและฟันโจทก์ร่วมโดยอุกอาจเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสเส้นเลือดใหญ่และเส้นเอ็น ที่ข้อมือขวาฉีกขาด หลังเกิดเหตุจำเลยหลบหนีไปถึง 2 ปีเศษ จึงเข้ามอบตัวสู้คดี ไม่มีเหตุรอการลงโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2393/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่อาจทำได้ในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโทษที่ไม่เหมาะสม โดยพิจารณาจากพฤติการณ์จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษกักขังแทนโทษจำคุก ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี ซึ่งในกรณีนี้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ไม่ได้ให้อำนาจ ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ขอให้ศาลรอการลงโทษ หรือรอการกำหนดโทษจำเลยที่ 1 นั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง การอนุญาตให้ฎีกาของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษา ศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ อย่างไรก็ตามเมื่อคดีขึ้นมาสู่การพิจารณา ของศาลฎีกาแล้ว และศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดี โทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดยังไม่เหมาะสมแก่รูปคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจเปลี่ยนแปลงดุลพินิจในการลงโทษ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดไว้ได้ เมื่อขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 อายุ 20 ปี เคยเข้าศึกษาระดับวิทยาลัย ปัจจุบันมีการงาน เป็นหลักแหล่งมั่นคง ความผิดที่จำเลยที่ 1 กระทำมิใช่ อาชญากรรมที่เป็นความผิดร้ายแรง จำเลยที่ 1 ไม่เคย ต้องโทษจำคุกมาก่อน หากให้โอกาสจำเลยที่ 1 กลับตัวเป็น พลเมืองดีโดยการรอการลงโทษจำคุกให้จะได้รับผลดีกว่าการที่จะ ลงโทษกักขังแทนโดยจำคุก แต่เพื่อให้จำเลยที่ 1 หลาบ จำ และปรามมิให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดในลักษณะนี้อีก จึงเห็นควร ลงโทษปรับด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2093/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท แจ้งความเท็จขอใบแทนโฉนด, ไม่รอการลงโทษเนื่องจากไม่สำนึกผิด
การที่จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่พนักงานสอบสวนเรื่องโฉนดที่ดินสูญหายและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสมียนประจำวันสถานีตำรวจเดียวกันจดบันทึกข้อความลงในรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารดังกล่าวสูญหาย เป็นการกระทำในวันเดียวกันและเวลาต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาเดียวกันที่จะ ขอคัดสำเนาเอาข้อความเท็จนั้นไปแสดงอ้างอิงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เพื่อขอรับใบแทนโฉนดที่ดิน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท พฤติการณ์แห่งคดีเป็นการกระทำโดยไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองตามสภาพและลักษณะการกระทำก่อให้เกิด ความเสียหายแก่ผู้อื่นแล้ว ประกอบกับข้ออ้างของจำเลยถึงสาเหตุในการกระทำความผิด ก็เพียงแต่กล่าวอ้างลอย ๆทั้งยังอ้างเหตุแตกต่างจากในชั้นอุทธรณ์ มีเหตุให้เชื่อว่าจำเลยหาเหตุอ้างเพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเป็นสำคัญแสดงว่าจำเลยมิได้สำนึกในความผิด ฉะนั้น แม้จำเลยจะไม่เคย ได้รับโทษจำคุกมาก่อนกรณีไม่มีเหตุอันควรปรานี จึงไม่สมควร รอการลงโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักสัญญาณโทรศัพท์เข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ การพิจารณาโทษและการรอการลงโทษ
คำว่า "โทรศัพท์" สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนอธิบายว่าโทรศัพท์เป็นวิธีแปลงเสียงพูดให้เป็นกระแสไฟฟ้าแล้วส่งกระแสไฟฟ้าให้กลับเป็นเสียงพูดอีกครั้งหนึ่ง สัญญาณโทรศัพท์จึงเป็นกระแสไฟฟ้าที่แปลงมาจากเสียงพูดเคลื่อนที่ไปตามสายลวดตัวนำจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง การที่จำเลย ลักเอาสัญญาณโทรศัพท์จากตู้โทรศัพท์แห่งประเทศไทยไปใช้ เพื่อประโยชน์ของจำเลยโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์เช่นเดียวกับการลักกระแสไฟฟ้า จำเลยเป็นนักศึกษา อายุยังน้อย ประกอบกับได้ บรรเทาผลร้ายโดยชดใช้เงินให้แก่ผู้เสียหายไปแล้วและเพิ่ง กระทำความผิดครั้งนี้เป็นครั้งแรกจึงเห็นควรให้รอการลงโทษ จำเลยไว้ แต่เพื่อให้จำเลยหลาบจำเห็นสมควรลงโทษปรับด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษจำคุกและโทษปรับ: พิจารณาจากพฤติการณ์ความผิด, ประวัติผู้กระทำผิด, และผลกระทบของโทษ
จำเลยที่ 1 เพียงแต่มีเครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้ รับอนุญาตให้มีและใช้จากทางราชการเท่านั้น ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเครื่องวิทยุโทรคมนาคมของกลางเป็นเครื่องที่สามารถ ดักฟังข่าวสารราชการที่เป็นความลับของชาติได้ ประกอบกับ จำเลยที่ 1 ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน จึงมีเหตุอันสมควร รอการลงโทษจำคุกไว้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษศาลอุทธรณ์รอการลงโทษจำคุกไว้ แต่ลงโทษปรับ เพิ่มขึ้นอีกสถานหนึ่งด้วย มีผลให้จำเลยที่ 1 ยังไม่ต้องรับโทษจำคุก โทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดจึงเบากว่าโทษที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงไม่เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนขับรถเมาแล้วประมาท ทำร้ายเจ้าพนักงานตำรวจ ศาลฎีกาไม่รอการลงโทษ แต่ให้กักขังแทนจำคุก
จำเลยมีความรู้ระดับปริญญาตรีซึ่งควรจะรู้จักผิดชอบเป็นอย่างดี กลับดื่มสุราจนมึนเมาแล้วขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูงด้วยความประมาทและน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตราย แก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และไม่คำนึงถึงความเดือดร้อน ของผู้อื่นเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุม จำเลยก็ขับรถยนต์ ฝ่าด่านและใช้เท้าถีบเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งกระทำการตามหน้าที่จึงไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย แต่ไม่ปรากฏว่า จำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้ลงโทษ กักขังแทนโทษจำคุก การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุรา ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43(2) โดยมิได้ระบุบทกำหนดโทษตามมาตรา 160 วรรคสาม ด้วยนั้น เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องและในความผิดดังกล่าวศาลล่างทั้งสอง ลงโทษปรับจำเลย 500 บาท แต่ตามมาตรา 160 วรรคสาม มีระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับตั้งแต่สองพันบาท ถึงหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น ที่ศาลล่างทั้งสอง พิพากษามาจึงเป็นการลงโทษปรับจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำ ตามที่กฎหมายกำหนด แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์และฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยเพิ่มขึ้น ศาลฎีกาจึงลงโทษปรับจำเลย เพิ่มขึ้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษคดียาเสพติดควรควบคู่การแก้ไขพฤติกรรมของผู้ติดยา การรอการลงโทษเหมาะสมกับโทษสถานเบา
โดยปกติความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจะต้องประกอบด้วยการลงโทษและแก้ไขพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดหรือจำเลยไปพร้อมกันจึงจะเกิดการสัมฤทธิผลตามหลักอาชญาวิทยาและทัณฑกรรม เนื่องจากผู้กระทำความผิดประเภทนี้ส่วนมากจะเป็นผู้ติดยาเสพติดและได้กระทำผิดเพราะติดยาหรือเสี้ยนยาซึ่งไม่เหมือนอาชญากรทั่ว ๆ ไป ฉะนั้นการตั้งสมมติฐานของโจทก์ไว้ว่าจะต้องลงโทษจำคุกจำเลยสถานเดียวแม้เป็นการกระทำความผิดในครั้งแรก อีกทั้งของกลางก็มีไม่มากจนเกินไปนั้นน่าจะไม่ต้องด้วยความประสงค์ของหลักการดังกล่าวการวางโทษจำคุกแต่รอการลงโทษไว้ ลงโทษปรับและคุมความประพฤติ จำเลยโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติในระยะเวลาสั้น ๆ เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อการแก้ไขอีกทางหนึ่งจึงนับว่าเหมาะสมแล้ว
of 64