คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 56

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เช็คไม่มีเงิน ความพยายามชดใช้หนี้ และเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวนหกแสนห้าหมื่นบาท ให้แก่โจทก์ร่วมเพื่อชำระหนี้ค่าซื้อที่ดิน โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คและออกเช็คในขณะที่ไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้ แต่จำเลยได้ขวนขวายรวบรวมเงินและเสนอชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วมต่อหน้าศาลชั้นต้นเป็นเงินถึงสามแสนบาททั้งจำเลยเป็นหญิงไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุอันควรปรานี สมควรรอการลงโทษจำเลยไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษคดีกัญชา: ศาลฎีกาให้รอการลงโทษโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านมนุษยธรรมและปริมาณยาเสพติด
แม้จำเลยจะถูกฟ้องในข้อหาผลิตและมีกัญชาไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายกับข้อหาจำหน่ายกัญชาอันเป็นความผิด ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ ถึงสามกระทง แต่กัญชา เป็นยาเสพติดให้โทษชนิดที่หาได้ไม่ยาก ของกลางมีน้ำหนักเพียง 24.46 กรัม ปรากฏตามรายงานการสืบเสาะ ของพนักงานคุมประพฤติว่าจำเลยเป็นหญิงมีสามี สามีมีรายได้ ไม่แน่นอน ต้องเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งอายุมากและเลี้ยงดูบุตร อายุ 2 ปี 1 คน ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยกระทำผิดมาก่อน ตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรให้โอกาสแก่จำเลย กลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงสมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6390/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษจำคุกจากความผิดฐานบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด พิจารณาจากฐานะครอบครัวและประวัติผู้ต้องหา
จำเลยมีความผิดฐานใช้รถยนต์บรรทุกบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนดจำเลยมีมารดา มีภรรยากำลังตั้งครรภ์ 7 เดือน ภรรยามีอาชีพรับจ้างได้เงินเดือนละ 500 บาท แสดงว่าจำเลยเป็นกำลังสำคัญในการหาเลี้ยงครอบครัว ประกอบกับจำเลยไม่เคยต้องรับโทษจำคุกมาก่อน พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6318/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ (ดิน) และพฤติการณ์แสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ทำให้ไม่สมควรให้รอการลงโทษ
ที่ดินพิพาทของโจทก์อยู่ในวงล้อมของที่ดินจำเลย จำเลยได้ขุดตักดินในที่ดินของจำเลยรอบ ๆ ที่ดินโจทก์ แล้วพยายามซื้อที่ดินพิพาทจากโจทก์ในราคาต่ำแต่โจทก์ไม่ยอมขายจำเลยจึงลักขุดตักดินของโจทก์ไป แม้จำเลยจะประกอบธุรกิจจัดสรรที่ดินหลายโครงการ แต่ก็ส่อให้เห็นได้ว่าเป็นการประกอบธุรกิจที่มุ่งเอาแต่ได้ โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ตามพฤติการณ์ดังกล่าว จึงยังไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5855/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: รอการลงโทษเมื่อจำเลยรับสารภาพ ชำระหนี้บางส่วน และโจทก์บังคับคดีทางแพ่งได้
คดีความผิดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 แม้กฎหมายกำหนดโทษจำคุกไว้ แต่เป็นความผิดอันเกิดจากความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพมาตั้งแต่ต้นทั้งโจทก์ได้รับชำระหนี้บางส่วนเป็นจำนวนกว่าครึ่งหนึ่งของหนี้สินทั้งหมด สำหรับหนี้ส่วนที่ค้างชำระโจทก์ก็อาจบังคับเอากับจำเลยในทางแพ่งได้อีกเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จึงสมควรรอการลงโทษจำเลยไว้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5622/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, การบุกรุก, และการรอการลงโทษ: ศาลฎีกามีอำนาจไม่ยกวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องที่ไม่ถูกยกขึ้นต่อสู้ในชั้นต้น
จำเลยที่ 1 มิได้ยกเรื่องหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น แม้เรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกามีอำนาจไม่ยกวินิจฉัยให้ตามป.วิ.พ. มาตรา 142(5) ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 จำเลยที่ 1 อายุ 48 ปี ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนมีเหตุอันควรปรานี ศาลฎีกาให้รอการลงโทษ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4692/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคมจนเป็นอันตรายสาหัส และแจ้งความเท็จ ศาลยืนโทษจำคุก
บาดแผลที่คอของโจทก์ที่ 2 จากการถูกเชือด ด้วยมีดทำครัวแผลบนกว้าง 2 เซนติเมตร ยาว 9 เซนติเมตร แผลล่างกว้าง 3 เซนติเมตรยาว 14 เซนติเมตร เป็นบาดแผลบริเวณที่สำคัญ ทำให้โจทก์ที่ 2มีอาการเจ็บปวด หันคอไม่สะดวก หลังจากผ่าตัดและเย็บแผล 2 ครั้งแพทย์ต้องนัดโจทก์ที่ 2 ไปตรวจรักษาอีก 3 ครั้ง รวมเวลาที่ใช้รักษาทั้งหมด 30 วัน แม้จะได้ความว่าโจทก์ที่ 2 ไม่ได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลย และยังสามารถไปให้การต่อพนักงานสอบสวนได้เองหลายครั้งในระหว่างที่ยังรักษาบาดแผลอยู่ ก็มิได้หมายความว่าโจทก์ที่ 2จะสามารถประกอบกรณียกิจตามปกติได้ในระหว่างนั้น จึงฟังได้ว่าโจทก์ที่ 2 ป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วันอันเป็นอันตรายสาหัส จำเลยที่ 1 ทำร้ายโจทก์ที่ 2 โดยใช้มีดเชือด บริเวณลำคอจนโจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัสเป็นบาดแผลฉกรรจ์ถึง 2 แผล เกิดเหตุแล้วจำเลยที่ 1 ยังไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหาโจทก์ที่ 2 ใช้มีดฟันที่แขนจำเลยที่ 1 ซึ่งไม่เป็นความจริง และไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้พยายามบรรเทาผลร้ายโดยให้ความช่วยเหลือแก่โจทก์ที่ 2 แต่อย่างใด แม้จำเลยที่ 1 จะประกอบอาชีพเป็นหลักฐานและเคยมีคุณความดีมาก่อน แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 แล้ว ไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินชำระหนี้เช็คและการรอการลงโทษ: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยการรอการลงโทษได้แม้จะมีการวางเงินชำระหนี้
การที่จำเลยขอวางเงินต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยสามารถทำได้โดยไม่จำต้องได้รับอนุญาตจากศาลอุทธรณ์ส่วนการที่จำเลยขอให้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยในคำพิพากษาจากข้อเท็จจริงในสำนวนซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ได้ทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว เมื่อจำเลยยังมิได้วางเงินต่อศาลชั้นต้นเพื่อชำระหนี้ตามเช็คแก่โจทก์ จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะต้อง ทำคำพิพากษาใหม่ ชอบที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยเสียได้ จำเลยอายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยมีภรรยาและบุตรผู้เยาว์ 4 คน อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดู และในระหว่าง การพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยได้บรรเทาผลเสียหายโดยวางเงิน จำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลางเพื่อชำระแก่โจทก์ไม่ปรากฏ ว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรรอการลงโทษให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมกันออกเช็คผิดกฎหมาย แม้ไม่ใช่ผู้ออกเช็คโดยตรง ศาลพิจารณาลดโทษจากความเสียหายที่ชดใช้
คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้นมิได้หมายความว่า ผู้ที่จะมีความผิดคือผู้ออกเช็คเท่านั้น แต่อาจจะมีผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกันกับผู้ออกเช็ค และถือว่าเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้ จำเลยที่ 2 เป็นหนี้เงินยืมโจทก์และนำเช็คพิพาทที่จำเลยที่ 1เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายมากรอกข้อความต่อหน้าโจทก์ แล้วลงชื่อสลักหลังมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินยืมโดยรับรองว่าเช็คพิพาทสามารถนำไปขึ้นเงินได้แน่นอน เช่นนี้ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คพิพาทโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 แต่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2499 เป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาด ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นให้ตรงตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190ประกอบกับมาตรา 215 และ 225 และไม่ถือเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2แต่อย่างใด ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ได้วางเงินจำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กระทรวงยุติธรรม และได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว เป็นการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นประกอบกับจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อคำนึงถึงอายุและประวัติของจำเลยที่ 2 ที่เป็นข้าราชการบำนาญ ได้รับพระราชทานยศครั้งสุดท้ายเป็นพลโทและเกษียณราชการโดยไม่มีประวัติด่างพร้อยด้วยแล้ว ศาลฎีการอการลงโทษให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2525/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงิน ผู้ร่วมกระทำผิดมีส่วนรับผิดชอบ
คำว่า "ผู้ใดออกเช็ค" ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 นั้น มิได้หมายความว่า ผู้ที่จะมีความผิดคือผู้ออกเช็คเท่านั้น แต่อาจจะมีผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกันกับผู้ออกเช็ค และถือว่าเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ได้
จำเลยที่ 2 เป็นหนี้เงินยืมโจทก์และนำเช็คพิพาทที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงชื่อสั่งจ่ายมากรอกข้อความต่อหน้าโจทก์ แล้วลงชื่อสลักหลังมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินยืมโดยรับรองว่าเช็คพิพาทสามารถนำไปขึ้นเงินได้แน่นอน เช่นนี้ เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คพิพาทโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 แต่ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2499 เป็นเรื่องพิมพ์ผิดพลาด ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นให้ตรงตามบทกฎหมายที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 ประกอบกับมาตรา 215 และ 225 และไม่ถือเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2 แต่อย่างใด
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ได้วางเงินจำนวนตามเช็คต่อสำนักงานวางทรัพย์กลาง กระทรวงยุติธรรม และได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับเงินจำนวนดังกล่าวแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น ประกอบกับจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อคำนึงถึงอายุและประวัติของจำเลยที่ 2 ที่เป็นข้าราชการบำนาญ ได้รับพระราชทานยศครั้งสุดท้ายเป็นพลโทและเกษียณราชการโดยไม่มีประวัติด่างพร้อยด้วยแล้ว ศาลฎีการอการลงโทษให้
of 64