คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 56

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกง vs. ฉ้อโกงประชาชน: การเช่าพระเครื่องแอบอ้างสมเด็จพระเทพฯ และความผิดฐานฉ้อโกง
ผู้เสียหาย 4 คนได้ทราบว่าที่วัด พ. มีพระเครื่องซึ่งเป็นของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีให้เช่าบูชา โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดดังกล่าวเป็นผู้นำออกให้เช่าผู้เสียหายทั้งสี่จึงไปเช่าพระเครื่องจากจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1รับรองว่าพระเครื่องดังกล่าวเป็นพระเครื่องที่ได้มาจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ซึ่งความจริงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ไม่เคยทรงจัดสร้างพระเครื่องดังกล่าวและไม่เคยทรงพระราชทานแก่จำเลยที่ 1 เพื่อให้จำหน่ายแก่ประชาชนทั่วไปแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้โฆษณาให้ประชาชนทั่วไปทราบถึงการให้เช่าพระเครื่อง หากเป็นเรื่องที่ผู้เสียหายทั้งสี่ทราบข่าวมาเองแล้วมาติดต่อขอเช่าพระเครื่องจากจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน คงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตาม ป.อ. มาตรา 341 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้จะได้ความว่าจำเลยที่ 1 นำเงินที่ได้จากการให้เช่าพระเครื่องส่วนหนึ่งไปปรับปรุงซ่อมศาลากรรมฐานของวัดดังกล่าว แต่พฤติการณ์การกระทำผิดของจำเลยที่ 1 เป็นการร้ายแรงนำความเสื่อมเสียมาสู่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีและพุทธศาสนาจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษหญิงสูงอายุ ปลูกกัญชาจำนวนน้อยครั้งแรก
จำเลยเป็นหญิงมีอายุถึง 54 ปีแล้ว และไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดมาก่อน กัญชาของกลางที่จำเลยผลิตโดยการปลูกและมีไว้ในครอบครองก็เป็นต้นกัญชาเพียง 7 ต้น ตามพฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุอันควรปรานีรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยตาม ป.อ. มาตรา 56.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อาวุธปืนไม่มีทะเบียน, การรับคำให้การ, และเหตุปราณีในการลดโทษจำคุก
ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของจำเลยตามที่อ้าง ไม่มีนายทะเบียนผู้ออกใบอนุญาตรับรองและจำเลยเพิ่งจะยื่นเข้ามาในชั้นฎีกา ถือได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ต้นต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 15 อาวุธปืนจำนวน 5 กระบอกตามฟ้องเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้ หาใช่อาวุธปืนที่มีหมายเลขทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตตามใบอนุญาตของจำเลยที่แนบมาท้ายฎีกาไม่ ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ริบอาวุธปืนของกลางจำนวน 5 กระบอกดังกล่าว อันเป็นอาวุธปืนที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิด ซึ่งศาลต้องมีคำสั่งให้ริบเสมอไปจึงชอบด้วยกฎหมาย หลักฐานที่จำเลยอ้างมาเพื่อขอให้รอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษจำเลยไว้ โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้าน และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดหรือได้รับโทษจำคุกมาก่อน ทั้งจำเลยได้ประกอบคุณงามความดีด้วยการปฏิบัติหน้าที่ให้แก่ประเทศชาติด้วยดีตลอดมาเป็นเวลานานถึง 30 ปี จนได้รับการยกย่อง จากทางราชการดัง ปรากฏตามหลักฐานดังกล่าว ถือได้ว่ามีเหตุอันควรปราณียังไม่สมควรที่จะให้จำเลยได้รับโทษถึงจำคุก เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติต่อไป แต่ควรวางโทษปรับจำเลยอีกโสดหนึ่งด้วยเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบและมิให้กลับไปก่อความผิดใด ๆ ขึ้นอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของตัวการร่วมและการลดโทษจากพฤติการณ์
จำเลยที่ 2 เพียงแต่เข้าร่วมทำร้ายผู้เสียหายชกต่อยโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน แม้พวกจำเลยทั้งสองคนหนึ่งใช้มีดแทงทำร้ายผู้เสียหายจนบาดเจ็บ ซึ่งจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดในฐานะตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ก็ตาม แต่การลงโทษก็สมควรให้ลดหลั่นตามพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิดเป็นรายตัวบุคคลเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยรับโทษจำคุกมาก่อนศาลชอบที่จะรอการลงโทษจำเลยที่ 2 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาประวิงคดีและการรอการลงโทษจำคุก พิจารณาจากพฤติการณ์ชำระหนี้และประวัติผู้ต้องหา
ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทแก่โจทก์โดยเลื่อนการฟังคำพิพากษาไปนาน 2 เดือน แต่จำเลยไม่ชำระในวันนัดฟังคำพิพากษาโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ จำเลยขอเลื่อนคดีไปอีกเพื่อรวบรวมเงินมาชำระหนี้โจทก์ โจทก์คัดค้านศาลชั้นต้นสั่งให้รอฟังคำพิพากษาในวันนั้น จำเลยจึงแถลงลอย ๆ ว่าจำเลยเตรียมเงินมาพร้อมที่จะชำระให้โจทก์ 90,000 บาท และจะถอนเงินประกันอีก 60,000 บาท ชำระหนี้โจทก์ รวมเป็นเงิน 150,000 บาท ซึ่งเท่ากับยอดเงินตามเช็คพิพาท ดังนั้นพฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นได้ชัดว่าที่จำเลยขอเลื่อนคดีในตอนแรกนั้น จำเลยมีเจตนาที่จะประวิงคดี และข้อเสนอของจำเลยที่จะชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์เป็นไปอย่างมีชั้นเชิง แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้แก่จำเลย จำเลยอายุ 50 ปี สำเร็จการศึกษาเป็นเศรษฐศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีอาชีพค้าขาย มีภาระต้องดูแลภรรยาและบุตร ผู้เยาว์อีก 4 คน และจำเลยพยายามขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจำนวน150,000 บาท อันเป็นการบรรเทาผลร้ายแก่โจทก์ แม้จำเลยจะต้องคำพิพากษาในคดีอื่นให้ลงโทษจำคุก แต่คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดจึงถือว่าจำเลยยังไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน คดีมีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกในคดีนี้ให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6018/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชนจากการหลอกลวงจัดหางาน แม้ไม่มีเจตนาจัดหางาน ก็ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยร่วมกับพวกชักชวนชาวบ้านให้ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียรับสมัครคนงานโดยเรียกค่าบริการและรับเงินจากโจทก์ร่วมและผู้เสียหายคนละ 1,000 บาท ถึง 3,000 บาท โดยจำเลยกับพวกให้โจทก์ร่วมและผู้เสียหายกับพวกเดิน ทางไปทำงานแล้วไปปล่อยทิ้งไว้ที่จังหวัดยะลาโดยไม่มีงานในประเทศมาเลเซียที่จะให้ไปทำจริงดัง ที่ประกาศชักชวน การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 343วรรคหนึ่ง สภาพของความผิดที่จำเลยได้กระทำไปเป็นที่เห็นได้ว่าผู้กระทำผิดจะต้องเห็นได้ล่วงหน้าว่าเป็นการก่อให้เกิดความเดือด ร้อนเป็นทวีคูณแก่โจทก์ร่วมและผู้เสียหาย ซึ่งไม่มีงานทำอันเป็นความเดือด ร้อนอยู่แล้ว การแสวงหาผลประโยชน์โดยสุจริตที่อาศัยโอกาสจากการต้องการงานทำของผู้ว่างงานมาเป็นช่องทางให้กระทำสำเร็จได้เช่นนี้จึงไม่มีเหตุอันควรปราณีให้รอการลงโทษ คำฟ้องของโจทก์แม้จะได้บรรยายไว้ในตอนแรกว่า จำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันจัดหางานโดยเรียกรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมายก็ตาม แต่ในคำบรรยายฟ้องของโจทก์ในตอนต่อมากลับกล่าวว่า "จำเลยทั้งสามกับพวกไม่ได้มีเจตนาและไม่มีความสามารถที่จะติดต่อผู้ใดไปทำงาน..." เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสามไม่มีเจตนาจัดหางานอันถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีเจตนากระทำความผิดสำหรับฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาต กรณีจึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิด ตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5879/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายและยิงปืนโดยใช่เหตุ: ศาลฎีกาพิจารณาการกระทำผิดและรอการลงโทษ
ข้อหาฐานยิงปืนโดยใช่ เหตุตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 400 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยจับและบังคับผู้เสียหายให้เดิน ไปตามร่อง สวนแล้วทำร้ายผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะและที่หน้าผาก ด้าม ปืนลูกซองของจำเลยหักโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับบาดเจ็บ หากเป็นการแย่งปืนตามธรรมดา ลักษณะคงไม่รุนแรงอย่างนั้น กรณีไม่เป็นการป้องกันตัวหรือทรัพย์สินตามกฎหมาย จำเลยทำร้ายผู้เสียหายเพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายทั้งผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลเล็กน้อย แพทย์ลงความเห็นรักษาประมาณ 7 วัน พฤติการณ์แห่งคดีสมควรรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5719/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: การกระทำเร่งรีบรื้อย้ายคอกหมูเมื่อถูกทักท้วง แสดงพิรุธรับรู้ว่าไม้เป็นของที่ได้มาโดยมิชอบ
ไม้ของกลางของผู้เสียหายได้หายไป ผู้เสียหายพบว่าไม้ที่หายถูกนำไปใช้ทำคอกหมูของจำเลย จึงขอคืนจากจำเลย จำเลยไม่ยอมคืนให้ขณะผู้เสียหายไปแจ้งความจำเลยรีบรื้อคอกหมูและขนย้ายไม้ดังกล่าวของผู้เสียหายไป แสดงว่าจำเลยรับไม้ดังกล่าวไว้จากคนร้ายโดยรู้ว่าเป็นไม้ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5478/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ ชดใช้ค่าเสียหายและรอการลงโทษ
แม้จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นบิดาของผู้ตาย ภายหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว ก็ยังถือได้ว่าเป็นเหตุอันควรปรานี ทั้งผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่จำเลย และจำเลยรับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตร จึงควรให้โอกาสจำเลยโดยลงโทษในสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3818/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาลและการกล่าวหาผู้พิพากษาที่ไม่เป็นธรรม ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล
คำร้องคัดค้านผู้พิพากษาขอให้เปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาซึ่งทำการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีสิทธิโดยชอบ และกรณีความจำเป็นจะต้องกล่าวถึงข้อมูลตามความจริงที่ปรากฏขึ้นในคดีนั้น แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความในคำร้องว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนผู้พิจารณาคดีนี้ดำเนินกระบวนพิจารณาไม่เป็นกลางอย่างเที่ยงธรรมแก่คู่ความทุกฝ่ายโดยเฉพาะไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์โดยทุจริตธรรมเพราะมีอคติต่อโจทก์ทำให้โจทก์เสียหายอันมีสภาพร้ายแรง ทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีเสียความยุติธรรมไป ฯลฯ ไม่รับบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 อันดับ 2 และ 3 ของโจทก์ด้วยมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ ซึ่งตามทางไต่สวนก็ปรากฏเพียงว่า เดิมศาลสั่งรับบัญชีพยานของโจทก์ไว้แล้ว ต่อมา 2 - 3 วัน ศาลได้แก้ไขคำสั่งเดิมและสั่งใหม่เป็นไม่รับบัญชีพยานอันดับ 2 และ 3 การแก้ไขคำสั่งจึงไม่มีเหตุอันมีสภาพร้ายแรงดังที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้อง และผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความเกินไปจากความจริงหายผู้ถูกกล่าวหาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวก็สามารถโต้แย้งคัดค้านคำสั่งดังกล่าวได้ตามกระบวนพิจารณา การที่ผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความดังกล่าว จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
โทษที่จะรอการลงโทษได้นั้น ต้องเป็นโทษจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 จะรอการลงโทษกักขังไม่ได้
of 64