พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3818/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลจากคำร้องคัดค้านผู้พิพากษา และการแก้ไขโทษจำคุกเป็นกักขัง
คำร้องคัดค้านผู้พิพากษานั้น ผู้ร้องคัดค้านย่อมมีสิทธิโดยชอบและกรณีมีความจำเป็นต้องกล่าวถึงข้อมูลตามความจริงที่ปรากฏขึ้นในคดีนั้น แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความในคำร้องคัดค้านผู้พิพากษาว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนผู้พิจารณาคดี ดำเนินกระบวนพิจารณาไม่เป็นกลางอย่างเที่ยงธรรมแก่คู่ความทุกฝ่ายโดยเฉพาะไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ทั้งสอง มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองโดยทุจริตธรรมเพราะมีอคติต่อโจทก์ทั้งสอง ทำให้โจทก์ทั้งสองเสียหายอันมีสภาพร้ายแรงทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีเสียความยุติธรรมไป ฯลฯ ไม่รับบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1อันดับ 2 และ 3 ของโจทก์ด้วยมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองซึ่งตามทางไต่สวนก็ปรากฏเพียงว่า เดิมศาลสั่งรับบัญชีพยานเพิ่มเติมของโจทก์ไว้แล้ว ต่อมา 2-3 วัน จึงแก้ไขคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับบัญชีพยานอันดับ 2 และ 3 การแก้ไขคำสั่งจึงไม่มีเหตุอันมีสภาพร้ายแรงดังที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้อง และผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความเกินไปจากความจริง หากผู้ถูกกล่าวหาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลดังกล่าวก็สามารถโต้แย้งคัดค้านคำสั่งดังกล่าวได้ตามกระบวนพิจารณา การที่ผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความตามคำร้องดังกล่าวจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล โทษที่จะรอการลงโทษได้ต้องเป็นโทษจำคุกเท่านั้น เมื่อได้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังไปแล้ว จึงจะรอการลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3386/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งข้อเท็จจริงหลังรับสารภาพ และการริบของกลางในคดีป่าไม้ ศาลฎีกาตัดสินให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น
โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ไม้แปรรูปและเครื่องใช้ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาและมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ การที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสองซื้อไม้แปรรูปจากโรงเลื่อยจักรโดยถูกต้องตามกฎหมายและเครื่องใช้ดังกล่าวก็ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายจึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯ ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการตัดไม้ทำลายป่าอันเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ จึงเป็นความผิดร้ายแรงสมควรแก่การกำราบปราบปราม การที่จำเลยมีไม้แปรรูป ปริมาตร 16.68 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 21.590 แผ่น ซึ่งเป็นไม้ที่มีจำนวนมากและสิ่งประดิษฐ์ที่ทำขึ้นโดยผิดกฎหมายไว้ในครอบครองนับได้ว่าจำเลยกระทำความผิดอันมีลักษณะร้ายแรงดังนี้ ไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3311-3312/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษจำคุกรอการลงโทษไม่ถือเป็นผู้ต้องโทษตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ทำให้สามารถนำโทษเดิมมาบวกกับโทษใหม่ได้
คดีเดิมศาลพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ การที่ศาลกำหนดโทษจำคุกแต่รอการลงโทษไว้ เท่ากับจำเลยยังมิได้รับโทษจำคุกมาก่อน จำเลยจึงมิใช่ "ผู้ต้องโทษ" ตามความหมายของมาตรา 3, 4แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษาพ.ศ. 2530 และไม่ได้รับผลตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงนำโทษจำคุกที่รอไว้มาบวกกับโทษจำคุกในคดีนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการถอยรถ - ผู้ขับมีหน้าที่ระมัดระวังแม้ได้รับคำสั่ง - วิธีการทำงานที่ไม่ปลอดภัยเป็นเหตุให้เสียชีวิต
แม้ว่าผู้ตายเป็นผู้ออกคำสั่งให้จำเลยถอนรถ จำเลยจะต้องพิจารณาว่าการถอยรถในลักษณะเช่นนั้นปลอดภัยหรือไม่ การนำขดลวดสายไฟฟ้าลงจากรถยนต์บรรทุกคันหนึ่งโดยวิธีใช้เหล็กท่อน้ำให้ปลายข้างหนึ่งยันขดลวดสายไฟฟ้า และปลายอีกข้างหนึ่งยันที่กระบะท้ายรถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่งที่จำเลยขับ ผู้ตายจับเหล็กท่อน้ำไว้ระหว่างกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกทั้งสองคัน แล้วให้จำเลยเดินเครื่องยนต์ถอยรถเพื่อให้แรงของรถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับถอยหลังนี้ดัน เหล็กท่อน้ำ เพื่อเหล็กท่อน้ำจะได้ดัน ให้ ขดลวดสายไฟฟ้าเคลื่อนที่จากแนวขวางเป็นแนวตรงนั้น เป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัย เพราะถ้าเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้าหรือจากกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่ยันหรือจากมือผู้ตาย กระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับก็จะอัดผู้ตายเข้ากับกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่ง การถอยรถของจำเลยจึงเป็นความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ ตามพฤติการณ์แห่งคดี เป็นการทำงานร่วมกันของผู้ตายกับจำเลยและผู้ตายมีส่วนประมาทด้วย ประกอบกับมีการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่มารดาของผู้ตายจนเป็นที่พอใจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้จำเลยกลับตัวโดยให้รอการลงโทษจำคุก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2604/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการถอยรถบรรทุก การกระทำโดยขาดความระมัดระวังทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จำเลยขับรถบรรทุกถอยหลังดันเหล็กท่อน้ำซึ่งปลายข้างหนึ่งยันขดลวดสายไฟฟ้าที่วางขวางอยู่บนรถบรรทุกอีกคันหนึ่ง ส่วนปลายเหล็กท่อน้ำอีกข้างหนึ่งยันที่กระบะท้ายรถที่จำเลยขับโดยผู้ตายเป็นผู้จับเหล็กท่อน้ำไว้ ขณะถอยรถเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้า รถที่จำเลยขับจึงทับผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้แม้ว่าผู้ตายเป็นผู้สั่งให้จำเลยถอยรถ จำเลยก็จะต้องพิจารณาว่าการถอยรถในลักษณะเช่นนั้นปลอดภัยหรือไม่ การนำขดลวดสายไฟฟ้าลงจากรถยนต์บรรทุกคันหนึ่งโดยวิธีให้จำเลยขับรถบรรทุกถอยหลังดันเหล็กท่อน้ำเพื่อให้เหล็กท่อน้ำดันขดลวดสายไฟฟ้าให้เคลื่อนที่จากแนวขวางเป็นแนวตรงนั้น เป็นวิธีที่ไม่ปลอดภัย เพราะถ้าเหล็กท่อน้ำหลุดจากขดลวดสายไฟฟ้าหรือจากกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่ยันหรือจากมือผู้ตาย กระบะท้าย รถยนต์บรรทุกที่จำเลยขับก็จะอัดผู้ตายเข้ากับกระบะท้าย รถยนต์บรรทุกอีกคันหนึ่ง การถอยรถของจำเลยจึงเป็นความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการรอการลงโทษ พิจารณาจากพฤติการณ์ผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดย ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 69 ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปีศาลอุทธรณ์ลงโทษไม่เกินกำหนดดังกล่าว โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ผู้ตายและผู้เสียหายดื่ม สุรามึนเมาแล้วเข้าไปในบ้านจำเลยซึ่ง แม้จะไม่มีอาวุธติด ตัว แต่ ก็ได้ ใช้ มือและเท้าทำร้ายหลานจำเลย จำเลยจึงใช้ อาวุธ ปืนสั้นยิงผู้ตายทางด้านหลัง 2 นัด และยิงผู้เสียหายอีก 1 นัด ผู้ตายกับผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดย เข้าไปคุกคาม จำเลยถึง ในบ้านเป็นการกระทำเยี่ยงอันธพาลทั้ง ผู้ตายและผู้เสียหายยังอยู่ในวัยหนุ่ม ส่วนจำเลยอยู่ในวัยชรา มีอายุ 62 ปีแล้วหากไม่ใช้ อาวุธปืน อาจไม่มีความว่องไวพอที่จะ ยับยั้งการคุกคามของผู้ตายและผู้เสียหายให้ทันการได้ หลังเกิดเหตุ จำเลยมอบเงิน ให้บิดาผู้ตายเป็นการบรรเทาความเสียหายถึง ความรับผิดชอบในการกระทำของตน จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะ รอการลงโทษให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: ดุลพินิจศาลในการรอการลงโทษและการบรรเทาผลร้าย
จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายบางคนได้รับอันตรายแก่กาย และทรัพย์สินของผู้อื่นคือรถยนต์และรถจักรยานยนต์เสียหาย ซึ่งตามสภาพความผิดเป็นการประมาทอย่างร้ายแรงอันเป็นภัยต่อสาธารณชน แต่จำเลยเป็นพนักงานการสื่อสารแห่งประเทศไทยตำแหน่งนายไปรษณีย์โทรเลขระดับ 4 โดยได้รับราชการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจมาเป็นเวลารวม 15 ปี กับมีหนังสือรับรองของบุคคลที่เคยรู้จักกับจำเลยรับรองว่า จำเลยเป็นผู้ที่มีความประพฤติเรียบร้อย ไม่เคยได้รับโทษจำคุก อีกทั้งปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ จำเลยได้นำเงิน 100,000 บาทมาวางต่อศาลชั้นต้นเพื่อเป็นค่าเสียหายแก่ภริยาผู้ตายซึ่งเป็นการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิด ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกจำเลย 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ จึงเหมาะสมกับสภาพความผิดและพฤติการณ์ต่าง ๆ แห่งคดีนี้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2279/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฝ่าฝืนคำสั่งหยุดโรงงานก่อความเดือดร้อน เสื่อมเสียสุขภาพประชาชน ศาลยืนโทษจำคุก
ตาม พ.ร.บ. โรงงานฯ มาตรา 36 ที่แก้ไขแล้วให้อำนาจอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม กฎหมาย ออกคำสั่งให้จำเลยหยุดประกอบกิจการโรงงานในส่วนหลอมโลหะทั้งหมดเพื่อขจัดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องมาจากกลิ่นเหม็นและเขม่า ควันของโรงงานซึ่งรบกวนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงได้ การที่จำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยยังคงดำเนินกิจการต่อไปอีกนานถึง 2 เดือนเศษ เป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านใกล้เคียงแสดงว่าจำเลยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน การใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษจึงเหมาะสมแก่รูปคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2276/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการตัดไม้ทำลายป่า แม้ไม่มีส่วนรู้เห็นโดยตรง ศาลไม่สมควรรอการลงโทษเพื่อเป็นแบบอย่าง
จำเลยมีไม้สักแปรรูปซึ่ง เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไว้ในครอบครองมีจำนวนถึง 371 แผ่น รวมปริมาตรเนื้อไม้ 1.47 ลูกบาศก์เมตรถือ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนให้มี ผู้ตัดไม้ทำลายป่า ซึ่ง เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารและเป็นทรัพยากร ธรรมชาติอันมีค่าประมาณราคาไม่ได้ แม้จำเลยมีหนังสือรับรอง ความประพฤติและเอกสารใบอนุโมทนาบัตรในการบริจาคเงินเพื่อการกุศล ตลอดจนได้ รับแต่งตั้งเป็นกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล กรรมการหมู่บ้านผู้ทรงคุณวุฒิและไวยาวัจกร ดังนี้ก็ไม่สมควร รอการลงโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2242/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการดำเนินคดีของผู้จัดการมรดกแทนโจทก์ร่วม และเหตุรอการลงโทษจากชดใช้ค่าเสียหาย
พี่ชายของโจทก์ร่วมผู้ตายเกิดจากบิดามารดาเดียวกัน และเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ร่วมผู้ตาย มิใช่บุคคลตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 ที่จะขอเข้าดำเนินคดีต่างโจทก์ร่วมผู้ตายได้ จึงไม่มีสิทธิถอนคำร้องทุกข์หรือมีคำขออื่นใดแทนโจทก์ร่วมผู้ตายได้ เช็คพิพาทสั่งจ่ายเงิน 500,000 บาท ก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วม 20,000 บาท และระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระเงินที่เหลือในเช็คพิพาทแล้วเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งการกระทำความผิด จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษ