คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 56

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์แก้โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แม้มีการเปลี่ยนแปลงการรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี 6 เดือนและปรับ 6,000 บาท แต่ให้รอการลงโทษไว้ กรณีถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเกิน 1 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับ อันเป็นการแก้ไขมากก็ตาม แต่ก็ถือว่าศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จึงเป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษของศาล ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2489/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม เนื่องจากเป็นการโต้แย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์ในการกำหนดโทษคดีเกี่ยวกับยาเสพติด
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยรวม 2 กระทง โดยเรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท รอการลงโทษไว้กระทงละ 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวทุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ และไม่คุมความประพฤติจำเลย ดังนี้ เท่ากับศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละ 1 ปีหรือปรับไม่เกินกระทงละ 10,000 บาท ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ และคุมความประพฤติจำเลย ซึ่งเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2489/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 219: การโต้แย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์เรื่องการรอการลงโทษและคุมความประพฤติ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยรวม 2 กระทง โดยเรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท รอการลงโทษไว้กระทงละ 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวทุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ และไม่คุมความประพฤติจำเลย ดังนี้เท่ากับศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละ 1 ปีหรือปรับไม่เกินกระทงละ 10,000 บาท ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลย ซึ่งเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2173/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมเครื่องหมายการค้า: ศาลฎีกายืนโทษ ไม่รอการลงโทษ พิจารณาจากความร้ายแรงและปริมาณสินค้า
จำเลยได้ทำหรือผลิตเสื้อยืดและปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้เสียหายมาจนกระทั่งผู้เสียหายสืบทราบและนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุม มีจำนวนไม่น้อยเฉพาะที่ยึดมาเป็นของกลางเป็นชิ้นส่วนที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยดังนี้ ตามความร้ายแรงและผลการกระทำของจำเลยไม่สมควรรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายกัญชาโดยผู้มีหน้าที่ส่งเสริมสังคม: ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ
จำเลยเป็นผู้มีการศึกษาถึงระดับปริญญาตรี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นวิทยากรไทยอาสาป้องกันชาติและเป็นวิทยากรอบรมลูกเสือชาวบ้าน ทั้งเคยเป็นภริยานายตำรวจชั้นสัญญาบัตรผู้มีหน้าที่ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย รู้แจ้งในการที่จะสร้างสรรค์ประชาชนให้เป็นพลเมืองดีแต่กลับกระทำผิดด้วยการจำหน่ายกัญชาอันเป็นการบ่อนทำลายด้วยการมอมเมาประชาชนเสียเอง ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษให้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเครื่องชั่งเพื่อฉ้อโกงประชาชน ศาลยืนโทษจำคุกเพื่อปราบปรามและป้องกันการลอกเลียนแบบ
จำเลยได้แก้เครื่องชั่งถึง 2 เครื่อง และใช้เครื่องชั่งชั่งสินค้าเอาเปรียบประชาชนทั่ว ๆ ไป ทั้งที่กฎหมายบัญญัติอัตราโทษไว้สูงสำหรับความผิดประเภทนี้จำเลยหาเกรงกลัวไม่ เพื่อให้บังเกิดผลในการปราบปรามและมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่นต่อไป จึงชอบที่จะลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 27/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพกพาวัตถุระเบิดในเมือง แม้ไม่มีเจตนาทำร้าย แต่พฤติการณ์ร้ายแรง ศาลไม่รอการลงโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 ปี ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 แต่เพียงกระทงเดียวไม่ได้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกกระทงหนึ่งแม้จะไม่ถูกต้อง ก็นับว่าเป็นการลงโทษสถานเบาและเป็นคุณแก่จำเลย
การที่จำเลยพาลูกระเบิดที่มีอำนาจทำลายในรัศมี 10 เมตร เข้าในเขตกรุงเทพซึ่งมีประชาชนหนาแน่น หากเกิดระเบิดขึ้นย่อมเกิดความเสียหายมากกว่าปกติ แม้จำเลยไม่มีเจตนานำลูกระเบิดไปก่อเหตุร้าย แต่เหตุร้ายจากลูกระเบิดอาจเกิดได้ตลอดเวลาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรงควรแก่การปราบปรามการที่จำเลยมีความประพฤติไม่เคยเสียหาย ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนหรือเคยเป็นอาสาสมัครทหารพราน ถือได้ว่ามีคุณความดีมาก่อน และมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดามารดา แต่เมื่อเทียบกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่ควรรอการลงโทษ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับขี่รถจักรยานยนต์ ชนผู้เสียหายทางม้าลาย ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยขับรถจักรยานยนต์หลบหลีกเข้าไปในช่องทางเดินรถโดยสารประจำทางชนผู้เสียหายอย่างแรงตรงทางม้าลาย จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ในขณะที่รถคันอื่น ๆต่างจอดรถให้ผู้เสียหายเดินข้ามถนนไปก่อนพฤติการณ์เช่นนี้เป็นการขับขี่รถที่ขาดความสำนึกที่ดี เป็นการประมาทอย่างร้ายแรงแม้จำเลยจะมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัว เคยมีความประพฤติดี และไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ก็ไม่สมควรรอการลงโทษ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5590/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงการตรวจเลือกทหาร: เจตนาพิเศษไม่จำเป็น, เหตุผลสมควรปรานีได้
มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาเป็นบทบังคับให้ทหารกองเกินมาและให้คณะกรรมการตรวจเลือกทำการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการตามหมายเรียกของนายอำเภอจนเสร็จสิ้น กระบวนการในการตรวจเลือกนั้น กรณีจึงมีบทบัญญัติซึ่งเป็นข้อสันนิษฐาน ของกฎหมายให้ถือว่าผู้ที่มาแต่ไม่เข้ารับการตรวจเลือก อันรวมถึง การไม่เข้ารับการตรวจเลือกให้ครบตามกระบวนการในการตรวจเลือกเช่นไม่ยอมจับสลาก เป็นผู้หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่มาให้คณะกรรมการตรวจเลือก ทำการตรวจเลือกด้วย ทั้งนี้โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้นั้นมีเจตนาหลีกเลี่ยงขัดขืน หรือมีเจตนาพิเศษเพื่อจะไม่ให้เข้ารับราชการทหารกองประจำการด้วยหรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงถือไม่ได้ว่าเจตนาพิเศษเพื่อจะไม่ให้เข้ารับราชการทหารเป็นองค์ประกอบของความผิดตามมาตรา 27 ประกอบกับมาตรา 45
แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขอให้รอการลงโทษด้วยเพราะคดีต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ศาลฎีกาก็ยังคงมีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษ จำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้ ซึ่งเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ที่มีเหตุสมควรที่ทำให้จำเลยเข้าใจว่า จำเลยและบรรดา ผู้รับการตรวจเลือกอื่นที่ไม่ได้ให้เงินแก่คณะกรรมการตรวจเลือก จะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการตรวจเลือก จำเลยกับผู้รับการตรวจเลือก ส่วนใหญ่จึงพร้อมใจไม่ยอมจับสลาก แต่ขอให้เลื่อนการจับสลาก ออกไปก่อนเพื่อให้มีการคัดเลือกผู้ที่จะต้องเข้าจับสลากเสียให้ถูกต้อง เป็นธรรมถือได้ว่ามีเหตุอันควรปรานีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 สมควรรอการลงโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5590/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงการตรวจเลือกทหาร: เจตนาพิเศษไม่จำเป็น, เหตุผลสมควรปรานีได้
มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497เป็นบทบังคับให้ทหารกองเกินมาและให้คณะกรรมการตรวจเลือกทำการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการตามหมายเรียกของนายอำเภอจนเสร็จสิ้น กระบวนการในการตรวจเลือกนั้น กรณีจึงมีบทบัญญัติซึ่งเป็นข้อสันนิษฐาน ของกฎหมายให้ถือว่าผู้ที่มาแต่ไม่เข้ารับการตรวจเลือก อันรวมถึง การไม่เข้ารับการตรวจเลือกให้ครบตามกระบวนการในการตรวจเลือก เช่นไม่ยอมจับสลาก เป็นผู้หลีกเลี่ยงขัดขืนไม่มาให้คณะกรรมการตรวจเลือก ทำการตรวจเลือกด้วย ทั้งนี้โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้นั้นมีเจตนาหลีกเลี่ยงขัดขืน หรือมีเจตนาพิเศษเพื่อจะไม่ให้เข้ารับราชการทหารกองประจำการด้วยหรือไม่ ด้วยเหตุนี้จึงถือไม่ได้ว่าเจตนาพิเศษเพื่อจะไม่ให้เข้ารับราชการทหารเป็นองค์ประกอบของความผิดตามมาตรา 27 ประกอบกับมาตรา 45
แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขอให้รอการลงโทษด้วยเพราะคดีต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง แต่ศาลฎีกาก็ยังคงมีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษ จำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิดได้ ซึ่งเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ที่มีเหตุสมควรที่ทำให้จำเลยเข้าใจว่า จำเลยและบรรดา ผู้รับการตรวจเลือกอื่นที่ไม่ได้ให้เงินแก่คณะกรรมการตรวจเลือก จะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการตรวจเลือก จำเลยกับผู้รับการตรวจเลือก ส่วนใหญ่จึงพร้อมใจไม่ยอมจับสลาก แต่ขอให้เลื่อนการจับสลาก ออกไปก่อนเพื่อให้มีการคัดเลือกผู้ที่จะต้องเข้าจับสลากเสียให้ถูกต้อง เป็นธรรมถือได้ว่ามีเหตุอันควรปรานีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 สมควรรอการลงโทษจำเลย
of 64