พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1651/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์ในบ้านของผู้เสียหายโดยมีเจตนาทุจริตและสร้างหลักฐานเท็จ ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยเอาเข็มขัดทอง ตุ้มหูเพชร จี้เพชร จี้ทองคำ แหวนเพชร แหวนทองคำกำไลประดับเพชร กำไลทองคำ ราคา 400,000 บาทเศษของผู้เสียหายไปซ่อนไว้ในลำโพงวิทยุของจำเลยโดยปิดไว้มิดชิดในห้องจำเลย แล้วทำอุบายเคลื่อนย้ายของใช้ในบ้านและห้องนอนผู้เสียหายและห้องอื่นให้กระจัดกระจาย เมื่อผู้เสียหายพาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุจำเลยบอกว่าเครื่องเทปวิทยุของจำเลยก็หายไปด้วยแสดงว่าเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับจำเลยเองเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริต จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยมีอายุ 25 ปี รู้สึกผิดชอบชั่วดีแล้ว ยังมีความโลภถึงขนาดลักทรัพย์ของน้าซึ่งมีราคามากมาย ทั้งๆ ที่น้ามีความทุกข์ต้องหนีร้อนมาพึ่งเย็น จำเลยก็มิได้มีจิตเมตตา กลับซ้ำเติมด้วยการลักทรัพย์ของมีค่าจนแทบจะหมดตัว แล้วยังสร้างหลักฐานเท็จเพื่ออำพรางคดีอีก จำเลยจึงไม่สมควรจะได้รับการปรานีให้รอการลงโทษ.(ที่มา-ส่งเสริม)
จำเลยมีอายุ 25 ปี รู้สึกผิดชอบชั่วดีแล้ว ยังมีความโลภถึงขนาดลักทรัพย์ของน้าซึ่งมีราคามากมาย ทั้งๆ ที่น้ามีความทุกข์ต้องหนีร้อนมาพึ่งเย็น จำเลยก็มิได้มีจิตเมตตา กลับซ้ำเติมด้วยการลักทรัพย์ของมีค่าจนแทบจะหมดตัว แล้วยังสร้างหลักฐานเท็จเพื่ออำพรางคดีอีก จำเลยจึงไม่สมควรจะได้รับการปรานีให้รอการลงโทษ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาพักการลงโทษจำคุกสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำและหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม
จำเลยขอรอการลงโทษ โดยอ้างว่าเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตและกำลังศึกษาอยู่ในสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หากต้องรับโทษจำคุกจะเป็นการตัดอนาคตในการรับราชการโดยเฉพาะในสถาบันที่ทรงความยุติธรรมที่จำเลยใฝ่ ฝันนั้น ปรากฏพฤติการณ์ของจำเลยว่า ได้ทำสัญญาประกันตนเองไว้ต่อศาลชั้นต้น แล้วหลีกเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามหมายเรียกจนกระทั่งศาลชั้นต้นต้องสั่งปรับตามสัญญาประกันและออกหมายจับ เมื่ออ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลยและออกหมายจับมารับโทษตามคำพิพากษาไว้จนจำเลยอื่นรับโทษจำคุกและพ้นโทษไปแล้วก็ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาศาล ทั้งจำเลยได้ใช้ให้บุคคลอื่นกระทำความผิดด้วยการนำรถยนต์บรรทุกซึ่งมีน้ำหนักรถยนต์และน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่าที่ทางการกำหนดถึง 6,100 กิโลกรัม มาเดินบนทางหลวงแผ่นดิน เป็นการทำความเสียหายแก่ทางหลวงแผ่นดินและมีผลเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติจำเลยเป็นคนมีความรู้ แต่ก็มิได้คำนึงถึงความสูญเสียของส่วนรวมดังกล่าว จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำหนักบรรทุกเกินอัตรา และพฤติการณ์หลีกเลี่ยงการรับโทษ
จำเลยขอรอการลงโทษ โดยอ้างว่าเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตและกำลังศึกษาอยู่ในสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หากต้องรับโทษจำคุกจะเป็นการตัดอนาคตในการรับราชการโดยเฉพาะในสถาบันที่ทรงความยุติธรรมที่จำเลยใฝ่ฝันนั้น ปรากฏพฤติการณ์ของจำเลยว่า ได้ทำสัญญาประกันตนเองไว้ต่อศาลชั้นต้น แล้วหลีกเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามหมายเรียกจนกระทั่งศาลชั้นต้นต้องสั่งปรับตามสัญญาประกันและออกหมายจับ เมื่ออ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลยและออกหมายจับมารับโทษตามคำพิพากษาไว้จนจำเลยอื่นรับโทษจำคุกและพ้นโทษไปแล้วก็ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาศาล ทั้งจำเลยได้ใช้ให้บุคคลอื่นกระทำความผิดด้วยการนำรถยนต์บรรทุกซึ่งมีน้ำหนักรถยนต์และน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่าที่ทางการกำหนดถึง 6,100 กิโลกรัม มาเดินบนทางหลวงแผ่นดิน เป็นการทำความเสียหายแก่ทางหลวงแผ่นดินและมีผลเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติจำเลยเป็นคนมีความรู้ แต่ก็มิได้คำนึงถึงความสูญเสียของส่วนรวมดังกล่าว จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของผู้ใช้จ้างให้บรรทุกน้ำหนักเกินและหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามคำสั่งศาล
จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดด้วยการนำรถยนต์บรรทุกซึ่งมีน้ำหนักรถยนต์และน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่าที่ทางการกำหนดถึง 6,100 กิโลกรัม มาเดิน บนทางหลวงแผ่นดิน เป็นการทำความเสียหายแก่ทางหลวงอันเป็นทางสัญจรไปมาของประชาชนมีผลเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติ ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นหมายเรียกจำเลยที่ 2 มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ก็หลีกเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษาทั้ง ๆ ที่ได้ทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลว่าจะปฏิบัติตามนัด จนศาลต้องสั่งปรับจำเลยที่ 2 จำเลยเป็นคนมีความรู้เป็นนิติศาสตร์บัณฑิต และกำลังศึกษาอยู่ในสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา แต่มิได้คำนึงถึงความสูญเสียของส่วนรวม จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษคดีผลิตกัญชา ศาลมีอำนาจลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งสองอย่าง และใช้ดุลพินิจรอการลงโทษได้
โจทก์บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยผลิตกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยผิดกฎหมายและอ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 อันเป็นบทห้ามกระทำผิด แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทลงโทษมาตรา 75 ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตราดังกล่าวได้
กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ลงแต่โทษจำคุกสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20ได้ และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นตามมาตรา 56ได้ด้วย.
กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ลงแต่โทษจำคุกสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20ได้ และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นตามมาตรา 56ได้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ศาลมีอำนาจพิจารณาลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งสองอย่างตามความเหมาะสม
โจทก์บรรยายฟ้องแจ้งชัดว่าจำเลยผลิตกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยผิดกฎหมายและอ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 อันเป็นบทห้ามกระทำผิด แม้โจทก์จะมิได้อ้างบทลงโทษมาตรา 75 ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตราดังกล่าวได้
กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ลงแต่โทษจำคุกสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20 ได้ และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นตามมาตรา 56 ได้ด้วย.
กรณีที่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ถ้าศาลเห็นสมควรก็ลงแต่โทษจำคุกสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20 ได้ และศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกนั้นตามมาตรา 56 ได้ด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองและพกพาอาวุธปืนเถื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้มีเหตุผลป้องกันทรัพย์สิน ก็ไม่ถือเป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วน
มีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนนั้นไปในทางสาธารณะ ย่อมเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจะอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้.
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่มโดยวางอาวุธปืนไว้ใต้เบานั่งหน้ารถ อ้างว่าเพื่อป้องกันทรัพย์สินดังนี้ กรณีถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์แต่เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริตมีหน้าที่ขับรถบรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่มและไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่มโดยวางอาวุธปืนไว้ใต้เบานั่งหน้ารถ อ้างว่าเพื่อป้องกันทรัพย์สินดังนี้ กรณีถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์แต่เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริตมีหน้าที่ขับรถบรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่มและไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต อ้างเหตุป้องกันทรัพย์สินไม่สมเหตุผล ศาลให้รอการลงโทษเนื่องจากจำเลยสุจริต
มีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนนั้นไปในทางสาธารณะ ย่อมเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจะอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้ จำเลยขับรถยนต์บรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่ม โดยวางอาวุธปืนไว้ใต้เบาะนั่งหน้ารถ อ้างว่าเพื่อป้องกันทรัพย์สินดังนี้ กรณีถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ แต่เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริตมีหน้าที่ขับรถบรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่ม และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพนันสลากกินรวบเป็นอบายมุข ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษเจ้ามือรายใหญ่ชอบแล้ว
การพนันสลากกินรวบเป็นการพนันที่มอมเมาประชาชน เป็นอบายมุขที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของชาติบ้านเมือง ต้องกำราบปราบปรามมิให้มีการเล่นหรือให้ลดน้อยลง จำเลยเป็นเจ้ามือรายใหญ่ตามสมุดจดสลากกินรวบของกลางปรากฏว่ามีการเล่นการพนันกันถึงหลายแสนบาท ที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำเลยนั้นชอบแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4665/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาโดยบันทึกในศาลแขวง และการลดโทษในคดีพนัน
คำพิพากษาของศาลแขวงสามารถกระทำได้โดยเพียงบันทึกไว้เท่านั้น แม้คำพิพากษามิได้ตั้งกำหนดโทษที่จะลงแก่จำเลยก่อน แต่เมื่ออ่านประกอบกันโดยตลอดแล้ว เป็นที่เข้าใจได้ว่าศาลได้ตั้งกำหนดโทษที่จะลงไว้เท่าใด ทั้งได้อ้างมาตราที่ลดโทษให้จำเลยไว้ด้วยแล้ว ไม่มีทางที่จะเข้าใจหรือแปลความหมายเป็นอย่างอื่นไปได้ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลแขวงจึงชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน เครื่องเล่นไฟฟ้าจักรกลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ดังนี้จำเลยจะฎีกาเถียงเป็นอย่างอื่น หาได้ไม่เพราะขัดกับคำรับสารภาพ ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือใน การกระทำผิดมีมากถึง 46 ตู้ เงินเหรียญบาทถึง 30,231 เหรียญ ถือได้ว่าเป็นการเล่นการพนันรายใหญ่ อาจเป็นการมอมเมาเยาวชน ให้หลงไหลในการพนัน เป็นผลเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศชาติ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะลดหย่อนโทษและรอการลงโทษให้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน เครื่องเล่นไฟฟ้าจักรกลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ดังนี้จำเลยจะฎีกาเถียงเป็นอย่างอื่น หาได้ไม่เพราะขัดกับคำรับสารภาพ ทรัพย์สินที่เป็นเครื่องมือใน การกระทำผิดมีมากถึง 46 ตู้ เงินเหรียญบาทถึง 30,231 เหรียญ ถือได้ว่าเป็นการเล่นการพนันรายใหญ่ อาจเป็นการมอมเมาเยาวชน ให้หลงไหลในการพนัน เป็นผลเสียหายร้ายแรงแก่ประเทศชาติ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะลดหย่อนโทษและรอการลงโทษให้