คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 78

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 394 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8857/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์ – การฟ้องคดีอาญา – ผู้ร่วมกระทำผิด – ราคาทรัพย์ – ความผิดอาญาแผ่นดิน
คำฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยที่ 1 กับพวกอีกสองคนที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป พอเข้าใจแล้วว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วยกันกับพวกอีก 2 คน จึงเป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์แล้วตาม ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5)ประกอบ ป.อ. มาตรา 335 (7) โดยโจทก์ไม่จำต้องระบุชื่อผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ทรัพย์ที่จำเลยลักไปจะมีราคาเล็กน้อยหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา และการที่ผู้เสียหายได้รับทรัพย์คืนไปแล้วก็ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษตามกฎหมาย อีกทั้งเป็นความผิดฐานลักทรัพย์เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน จึงถือว่าเป็นภัยต่อประชาชนทั่วไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8158/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนา, กระทำทารุณ, ปล้นทรัพย์, สนับสนุน, ตัวการร่วม, ฎีกาห้าม
จำเลยต้องการวางแผนการกระทำผิดมิให้มีผู้อื่นมาขัดขวาง หลังเกิดเหตุจำเลยก็หลบหนีไป เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้หลังเกิดเหตุเพียง 6 วัน พร้อมของกลางที่ยึดคืนมาได้หลายรายการที่เป็นหลักฐานชี้ชัดว่าจำเลยได้กระทำผิดแม้จำเลยไม่ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาของศาล จำเลยก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธให้เห็นเป็นอย่างอื่นได้ จำเลยจึงรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน
จำเลยกับพวกวางแผนจับ ณ. และ ป. ผู้ตายทั้งสองเพื่อบังคับให้ออกเช็ค เมื่อผู้ตายทั้งสองออกเช็คแล้วก็ยังฆ่า ผู้ตายอีก ส่อแสดงถึงเจตนาร้ายมาแต่ต้น การฆ่าโดยใช้ค้อนปอนด์ซึ่งใช้ทุบพื้นซีเมนต์ทุบตีที่บริเวณต้นคอด้านหลังขณะที่ ณ. ถูกขึงพื่าดนอนคว่ำหน้าบนเตียงนอนและใช้เชือกไนล่อนรัดคอผู้ตายทั้งสองซ้ำในสภาพที่ผู้ตายถูกมัดมือ มัดเท้าเป็นวิธีการฆ่าที่ดุร้ายยิ่งกว่าการทำให้ตายตามปกติธรรมดาส่อแสดงว่าจำเลยกับพวกมีจิตใจโหดร้ายอำมหิตผิดมนุษย์ทั่วไป ถือได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้าย
โจทก์บรรยายฟ้องในส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ว่าร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาต หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมีหรือใช้อาวุธปืน ฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน และกระทำทารุณโหดร้ายเพื่อจะเอาไว้ซึ่งทรัพย์สินอันเกิดแต่การปล้นทรัพย์ ปกปิดความผิดอื่นของตนและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ซ้อนเร้นหรือทำลายศพ ปลอมตั๋วเงินและใช้ตั๋วเงินปลอม ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคท้าย กับฐานอื่นดังกล่าวทุกฐานความผิด และลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด ดังกล่าว ส่วนจำเลยที่ 3 ลงโทษเฉพาะฐานใช้ตั๋วเงินปลอม แสดงว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1ฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมีหรือใช้อาวุธปืน และยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ฐานเป็นตัวการร่วมกระทำผิด กับจำเลยที่ 1 ฐานทุกความผิดแล้วที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า พยานหลักฐานที่โจทก์และ โจทก์ร่วมนำสืบฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมีหรือใช้อาวุธปืน ตาม ป.อ. มาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 340 ตรี จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ทุกฐานความผิดจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8152/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่า: ศาลฎีกายกเหตุเจตนาเดียวกันในการทำร้ายผู้เสียหายหลายคน ลดโทษตามคำรับสารภาพ
ชั้นพิจารณา จำเลยมิได้นำสืบปฏิเสธความถูกต้องของบันทึการจับกุมเมื่อฟังได้ว่า ชั้นจับกุมจำเลยได้ให้การรับสารภาพตามบันทึกการจับกุมจริง จึงใช้ยันจำเลยได้ หากจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์มิได้กระทำความผิดที่ถูกกล่าวหา ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จำเลยจะต้องให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเช่นนั้น
การที่จำเลยหลบหนีไปจากที่พักในคืนเกิดเหตุเป็นข้อพิรุธที่ชี้ให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง
ผู้เสียหายที่ 1 ถูกจำเลยใช้ขวานฟันเป็นบาดแผลที่ศีรษะส่วนบนด้านหลังยาว 10 เซนติเมตร กว้างครึ่งเซนติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะและกะโหลกศีรษะร้าว ส่วนผู้เสียหายที่ 2 ถูกฟันเป็นบาดแผลที่ขมับแถบซ้ายจดโหนกแก้มแผลยาว 10 เซนติเมตร กว้างครึ่งเซนติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะ ที่ศีรษะด้านหน้าแถบซ้ายจดเหนือคิ้วซ้ายแผลยาว 10 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร ลึกจดเยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะ กะโหลกศีรษะแถบซ้ายแตกยุบ สมองฉีกขาด กลางต้นแขนซ้ายแผลยาว2 เซนติเมตร กว้างครึ่งเซนติเมตร ลึกจดกล้ามเนื้อ และเหนือข้อศอกขวาแผลยาว3 เซนติเมตร กว้างครึ่งเซนติเมตร ลึกจดกล้ามเนื้อ บาดแผลที่ผู้เสียหายทั้งสองได้รับดังกล่าว หากแพทย์รักษาไม่ทันหรือมีโรคแทรกซ้อนอาจทำให้ผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ชีวิตได้ และจากลักษณะบาดแผลดังกล่าว เชื่อได้ว่าจำเลยได้ใช้ขวานฟันศีรษะผู้เสียหายทั้งสองอย่างแรง สำหรับขวานที่จำเลยใช้ฟันศีรษะผู้เสียหายทั้งสองเป็นขวานที่ใช้ในงานช่างไม้ ขนาดยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่ง ขวานดังกล่าวเป็นขวานขนาดใหญ่สามารถใช้เป็นอาวุธทำอันตรายผู้อื่นถึงแก่ชีวิตได้โดยง่าย การที่จำเลยใช้ขวานดังกล่าวเลือกฟันที่ศีรษะผู้เสียหายทั้งสองอันเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย ชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง เมื่อผู้เสียหายทั้งสองไม่ถึงแก่ความตามเพราะแพทย์ช่วยรักษาผู้เสียหายทั้งสองไว้ได้ทัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
การที่จำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายทั้งสองเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองเนื่องจากโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องค่าแรงโดยจำเลยเป็นช่างไม้ได้รับค่าแรงน้อยกว่าผู้เสียหายทั้งสองซึ่งเป็นช่างทาสี แล้วจำเลยได้ใช้ขวานฟันทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองในทันทีทันใดในเวลาต่อเนื่องกัน การที่จะทำร้ายใครก่อนหลังย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะจำเลยไม่สามารถใช้ขวานฟันทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองคนพร้อมกันทีเดียวได้ แต่เห็นเจตนาของจำเลยได้ว่าจำเลยประสงค์จะทำร้ายผู้เสียหายทั้งสองในคราวเดียวกัน เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาจะทำร้ายเฉพาะผู้เสียหายที่ 1 แล้วเพิ่มเจตนาทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 อีกคนหนึ่งในภายหลังเช่นนี้แม้จะมีการกระทำหลายหนและต่อบุคคลหลายคนก็อยู่ภายในเจตนาอันนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียว ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยมาเป็นความผิดสองกรรมจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้เป็นคุณแก่จำเลยได้
ศาลอุทธรณ์ได้นำคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมมาฟังประกอบการลงโทษจำเลย คดีจึงมีเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ.มาตรา 78 แต่ศาลอุทธรณ์มิได้ลดโทษให้จำเลย จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขลดโทษให้จำเลยบางส่วนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7894/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดัดแปลงอาคารผิดกฎหมาย จำเลยต้องรับโทษปรับรายวันตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร แม้ศาลจะลดโทษแล้ว
จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนและจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวได้ร่วมกันทำความผิดโดยดัดแปลงอาคารซึ่งได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 21 และ 31 เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพจึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องและต้องลงโทษจำเลยทั้งสองตามบทกำหนดโทษที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 และมาตรา 70 แพ่งพ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งในมาตรา 65 วรรคสองยังบัญญัติให้ลงโทษปรับเป็นรายวันอีกวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง อันเป็นบทบังคับให้ศาลต้องลงโทษปรับจำเลยทั้งสองเป็นรายวันอีกด้วย มิได้ให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจที่จะไม่ลงโทษปรับรายวันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7860/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจากคำให้การของผู้ต้องหาที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นการกระทำความผิดของจำเลย พยานหลักฐานของโจทก์ได้มาสืบเนื่องจากคำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสิ้น ประกอบกับทางนำสืบของจำเลยในชั้นพิจารณาคดีของศาลก็เหมือนกับที่จำเลยให้การไว้ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จึงถือได้ว่าเป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ข้อหาความผิดซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาก็มีอำนาจลดโทษให้จำเลยไปถึงข้อหานี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7259/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แม้เป็นเพียงผู้รับจ้างขนส่ง ถือเป็นความผิดสำเร็จตาม พ.ร.บ. ยาเสพติด
โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง , 102 ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 จำคุกจำเลย 25 ปี แม้จำเลยจะอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาเพียงอย่างเดียว และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่ฎีกาของจำเลยแปลว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้องอันเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์ จำเลยก็ยกขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
การที่จำเลยซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในตัวจำเลยย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าจำเลยเจตนายึดถือ เมทแอมเฟตามีนดังกล่าว แม้จำเลยจะรับจ้างนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้แก่ผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางแล้ว
พ.ร.บ. บัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า การผลิต นำเข้า ส่งออก หรือ มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ยี่สิบกรัมขึ้นไปให้ถือว่า ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย บทบัญญัติดังกล่าวเป็นข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาด เมื่อเมทแอมเฟ-ตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 8,200 เม็ด น้ำหนัก 712.93 กรัม ที่จำเลยมีไว้ในครอบครอง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 158.615 กรัม ถือได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว
การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดสำเร็จตลอดเวลาที่มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง แม้จำเลยจะเป็นผู้รับจ้างนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งที่จุดหมายปลายทาง แต่จำเลยถูกจับเสียก่อน ก็ต้องถือว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้วหาใช่เป็นเพียงการพยายามกระทำความผิดไม่
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคสอง มีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วางโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี เป็นการลงโทษขั้นต่ำตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6830/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณโทษผิดพลาดในคดีจำหน่ายยาเสพติด ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเพื่อความถูกต้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 6 เดือน เป็นการคำนวณโทษผิดพลาด ที่ถูกเป็นจำคุก 3 ปี 4 เดือน เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยมิได้แก้ไขจึงไม่ถูกต้อง แม้จำเลยมิได้ฎีกาในปัญหานี้ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบ มาตรา 225 ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5876/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ต้องลดโทษรายกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษ ไม่ใช่ลดโทษรวมทั้งหมด
ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 1 ปี รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 3 ปี และลดโทษให้ตาม ป.อ. มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน แทนที่จะลดโทษแต่ละกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษจำคุกที่ลดแล้ว แต่ละกระทงเข้าด้วยกันนั้นไม่ถูกต้อง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายทีเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 คงจำคุกจำเลย 18 เดือน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบตัวและมอบของกลางหลังก่อเหตุเป็นเหตุบรรเทาโทษตามมาตรา 78
แม้เหตุในคดีนี้จะเกิดในเวลากลางวันต่อหน้าคนจำนวนมากและโจทก์มีพยานหลักฐานที่สามารถนำสืบพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้โดยไม่ต้องอาศัยคำรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยมาประกอบการพิจารณาเลยก็ตาม แต่หลังเกิดเหตุจำเลยยังคงหลบซ่อนอยู่ในบริเวณอาคารที่เกิดเหตุจนเจ้าพนักงานตำรวจพูดเกลี้ยกล่อมให้จำเลยมอบตัว จำเลยจึงยอมมอบตัวและนำอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนที่ยังเหลืออยู่อีก 2 นัด ไปมอบให้พนักงานสอบสวนยึดเป็นของกลาง หากจำเลยไม่ยอมมอบตัวก็ยังมีอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนในสภาพที่พร้อมจะก่อเหตุร้ายต่อไปได้อีก การที่จำเลยยอมมอบตัวและมอบอาวุธปืนและกระสุนปืนเป็นของกลาง ทั้งให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนถือได้ว่าเป็นการรู้สึกความผิดและลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานอันเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำไม้แปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลลดโทษและรอการลงโทษเนื่องจากพฤติการณ์ไม่ร้ายแรง
แม้จำเลยทั้งสามใช้เครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการทำไม้และแปรรูปไม้ แต่ปรากฏตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติว่า ไม้ยางที่จำเลยทั้งสามร่วมกันแปรรูปนั้นอยู่ในเขตที่ดินของนาย ส. ญาติจำเลยที่ 1 มิได้ขึ้นอยู่ในป่า ทั้งนาย ส. ก็อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ตัดไม้ได้ เพียงแต่จำเลยที่ 1 มิได้ดำเนินการขออนุญาตทำไม้และแปรรูปไม้ให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่ร้ายแรงนัก และไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสแก่จำเลยทั้งสามกลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป โดยให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ ตาม ป.อ. มาตรา 56 แต่เพื่อให้จำเลยทั้งสามหลาบจำไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก เห็นสมควรลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ ฯ มาตรา 69 ด้วย ซึ่งความผิดดังกล่าวเป็นกรณีการมีไม้ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง จึงเป็นการปรับบทไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
of 40