พบผลลัพธ์ทั้งหมด 147 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็คและการยอมเป็นลูกหนี้แทนเดิม การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่เกิดจากการเปลี่ยนตัวลูกหนี้
การที่จำเลยออกเช็คของตนให้แก่โจทก์เพื่อแลกเปลี่ยนเอาเช็คของผู้อื่นซึ่งจำเลยสลักหลังไว้คืนมา เท่ากับเป็นการยอมตนเป็นลูกหนี้แทนลูกหนี้คนเดิมซึ่งยังผลให้จำเลยต้องผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อเช็คของจำเลยถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ก็ต้องถือว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ และผลของการยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้อง
เดิมห.ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทจากจำเลย ตามเอกสารหมาย จ.3 ชำระราคาแล้ว ต่อมา ผ. ทำสัญญาจะซื้อขายต่อจากห. ชำระราคาแล้วตามเอกสารหมายจ.2 ต่อมาโจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายต่อจาก ผ. ได้ชำระราคาให้ ผ. แล้ว ตามเอกสารหมาย จ.1 ในที่สุดโจทก์กับจำเลยทำสัญญาจะซื้อขายกันอีกตามเอกสารหมายจ.4 ระบุว่าจำเลยได้รับเงินถูกต้องแล้ว ต่อมาจำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้โจทก์ เช่นนี้ การที่จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทให้ ห.และห.ทำสัญญาจะขายให้ผ.กับผ. ทำสัญญาจะขายให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.3 จ.2 และ จ.1ตามลำดับ เป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้แล้วโดยถือว่าหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่ ห.ทำกับผ.และที่ ผ. ทำกับโจทก์ เป็นหนังสือที่ทำขึ้นในการแปลงหนี้ใหม่ดังกล่าว โจทก์เป็นเจ้าหนี้คนใหม่แล้ว และที่จำเลยทำหนังสือสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ระบุว่าโจทก์ได้ชำระราคาแล้วแต่ไม่ได้ชำระ เพราะความจริงจำเลยได้รับชำระจาก ห. แล้ว ถือว่าเอกสารหมาย จ.4 เป็นความยินยอมที่ทำเป็นหนังสือในการแปลงหนี้ใหม่ จึงเกิดหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้และการบังคับให้โอนที่ดินหลังชำระราคา
เดิมห.ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทจากจำเลย ตามเอกสารหมาย จ.3 ชำระราคาแล้ว ต่อมา ผ. ทำสัญญาจะซื้อขายต่อจากห.ชำระราคาแล้วตามเอกสารหมายจ.2 ต่อมาโจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายต่อจาก ผ. ได้ชำระราคาให้ ผ. แล้ว ตามเอกสารหมาย จ.1ในที่สุดโจทก์กับจำเลยทำสัญญาจะซื้อขายกันอีกตามเอกสารหมายจ.4ระบุว่าจำเลยได้รับเงินถูกต้องแล้ว ต่อมาจำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้โจทก์เช่นนี้ การที่จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทให้ ห. และ ห.ทำสัญญาจะขายให้ ผ. กับ ผ. ทำสัญญาจะขายให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.3 จ.2 และ จ.1ตามลำดับ เป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้แล้วโดยถือว่าหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่ ห.ทำกับ ผ.และที่ ผ. ทำกับโจทก์ เป็นหนังสือที่ทำขึ้นในการแปลงหนี้ใหม่ดังกล่าว โจทก์เป็นเจ้าหนี้คนใหม่แล้ว และที่จำเลยทำหนังสือสัญญาเอกสารหมาย จ.4 ระบุว่าโจทก์ได้ชำระราคาแล้วแต่ไม่ได้ชำระ เพราะความจริงจำเลยได้รับชำระจาก ห. แล้วถือว่าเอกสารหมาย จ.4 เป็นความยินยอมที่ทำเป็นหนังสือในการแปลงหนี้ใหม่ จึงเกิดหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยการโอนตั๋วเงินและการระงับหนี้เฉพาะส่วนเมื่อตั๋วเงินไม่ใช้เงิน
การที่จำเลยชำระหนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์ให้แก่โจทก์ด้วยเช็ค ซึ่ง ช.เป็นผู้สั่งจ่ายนั้น ย่อมเป็นการชำระหนี้ด้วยการโอนตั๋วเงินให้ หนี้นี้จะระงับสิ้นไปก็ต่อเมื่อตั๋วเงินนั้นได้ใช้เงินแล้ว ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้ตามเช็คจาก ช.แล้วบางส่วน หนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์ระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงระงับไปเพียงเท่าจำนวนนั้น ที่เหลือนั้นจำเลยยังต้องรับผิดต่อโจทก์อยู่ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น หาได้มีสัญญาระหว่างโจทก์กับ ช. ในอันที่จะแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากจำเลยเป็น ช.ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยการโอนตั๋วเงินและการระงับสิ้นหนี้เฉพาะส่วน
การที่จำเลยชำระหนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์ให้แก่โจทก์ด้วยเช็ค ซึ่ง ช เป็นผู้สั่งจ่ายนั้น ย่อมเป็นการชำระหนี้ ด้วยการ โอนตั๋วเงินให้ หนี้นี้จะระงับสิ้นไปก็ต่อเมื่อ ตั๋วเงินนั้น ได้ใช้เงินแล้ว ดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสาม เมื่อโจทก์ ได้รับชำระหนี้ตามเช็คจาก ช. แล้วบางส่วน หนี้ค่าเช่าฟิล์มภาพยนตร์ระหว่างโจทก์กับจำเลย จึงระงับไปเพียง เท่าจำนวนนั้น ที่เหลือนั้นจำเลยยังต้องรับผิด ต่อโจทก์ อยู่ ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้น หาได้มีสัญญาระหว่างโจทก์กับ ช. ในอันที่จะแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากจำเลยเป็น ช. ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่, สัญญาไม่สมบูรณ์, เลิกสัญญา, และสิทธิเรียกร้องที่บังคับใช้ไม่ได้
การที่จำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินแก่ผู้เช่าและรับโอนสิทธิการเช่าแทน โดยจำเลยที่ 1 จะชำระเงินและโอนสิทธิการเช่าคืนจากจำเลยที่ 2 นั้น จำเลยที่ 1 เป็นทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ เมื่อจำเลยที่ 2 ตกลงกับโจทก์ให้โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 โอนสิทธิการเช่าแก่โจทก์จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนทั้งตัวเจ้าหนี้และลูกหนี้ และเมื่อสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 เป็นการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ จึงต้องบังคับตามบทบัญญัติเรื่องโอนสิทธิเรียกร้องดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 กับโจทก์ตกลงกันด้วยวาจาโดยมิได้ทำเป็นหนังสือจึงไม่สมบูรณ์ไม่มีผลใช้บังคับ
เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มิได้กำหนดวันชำระเงินและจำเลยที่ 2 บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชำระภายใน 3 วัน นับแต่วันรับหนังสือ หากพ้นกำหนดจะถือเป็นการขอถอนคำมั่นนั้น เป็นการกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และขอเลิกสัญญา เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดสัญญาจึงเป็นอันเลิกกัน
สัญญาซึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1กับโจทก์ทั้งสองฝ่ายมีข้อความบ่งชัดว่าสัญญาเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่เพียงคำมั่น แต่การที่จำเลยที่ 1 บอกกล่าวกำหนดเวลาให้โจทก์ชำระเงิน โจทก์ไม่ชำระตามเวลากำหนด โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้โดยรับชำระเงินจากโจทก์แล้วโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์
เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มิได้กำหนดวันชำระเงินและจำเลยที่ 2 บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชำระภายใน 3 วัน นับแต่วันรับหนังสือ หากพ้นกำหนดจะถือเป็นการขอถอนคำมั่นนั้น เป็นการกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และขอเลิกสัญญา เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดสัญญาจึงเป็นอันเลิกกัน
สัญญาซึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1กับโจทก์ทั้งสองฝ่ายมีข้อความบ่งชัดว่าสัญญาเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่เพียงคำมั่น แต่การที่จำเลยที่ 1 บอกกล่าวกำหนดเวลาให้โจทก์ชำระเงิน โจทก์ไม่ชำระตามเวลากำหนด โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้โดยรับชำระเงินจากโจทก์แล้วโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2331/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาโอนสิทธิการเช่า: การแปลงหนี้ด้วยวาจาไม่สมบูรณ์, การบอกเลิกสัญญา, และผลของการไม่ปฏิบัติตามกำหนดเวลาชำระหนี้
การที่จำเลยที่ 1 ตกลงให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินแก่ผู้เช่าและรับโอนสิทธิการเช่าแทนโดยจำเลยที่ 1 จะชำระเงินและโอนสิทธิการเช่าคืนจากจำเลยที่ 2 นั้น จำเลยที่ 1 เป็นทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้เมื่อจำเลยที่ 2 ตกลงกับโจทก์ให้โจทก์ชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 แก่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 โอนสิทธิการเช่าแก่โจทก์จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนทั้งตัวเจ้าหนี้และลูกหนี้ และเมื่อสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 เป็นการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ จึงต้องบังคับตามบทบัญญัติเรื่องโอนสิทธิเรียกร้องดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 2 กับโจทก์ตกลงกันด้วยวาจาโดยมิได้ทำเป็นหนังสือจึงไม่สมบูรณ์ไม่มีผลใช้บังคับ
เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มิได้กำหนดวันชำระเงินและจำเลยที่ 2 บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชำระภายใน 3 วัน นับแต่วันรับหนังสือหากพ้นกำหนดจะถือเป็นการขอถอนคำมั่นนั้นเป็นการกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และขอเลิกสัญญาเมื่อจำเลยที่ 1ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดสัญญาจึงเป็นอันเลิกกัน
สัญญาซึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 กับโจทก์ทั้งสองฝ่ายมีข้อความบ่งชัดว่าสัญญาเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เพียงคำมั่น แต่การที่จำเลยที่ 1 บอกกล่าวกำหนดเวลาให้โจทก์ชำระเงินโจทก์ไม่ชำระตามเวลากำหนดโจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้โดยรับชำระเงินจากโจทก์แล้วโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์
เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มิได้กำหนดวันชำระเงินและจำเลยที่ 2 บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชำระภายใน 3 วัน นับแต่วันรับหนังสือหากพ้นกำหนดจะถือเป็นการขอถอนคำมั่นนั้นเป็นการกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้และขอเลิกสัญญาเมื่อจำเลยที่ 1ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดสัญญาจึงเป็นอันเลิกกัน
สัญญาซึ่งลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 กับโจทก์ทั้งสองฝ่ายมีข้อความบ่งชัดว่าสัญญาเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่เพียงคำมั่น แต่การที่จำเลยที่ 1 บอกกล่าวกำหนดเวลาให้โจทก์ชำระเงินโจทก์ไม่ชำระตามเวลากำหนดโจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้โดยรับชำระเงินจากโจทก์แล้วโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในลักษณะของรถยนต์ที่เช่าซื้อ ศาลตัดสินสัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไม่มีหนี้ผูกพันกับโจทก์เกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ โจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลหนี้เดิมของรถยนต์คันดังกล่าวระหว่างกัน จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์คนละคันกับรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 หลักฐานข้อตกลงตามหนังสือโอนการเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยจึงมิใช่ผูกพันกันในลักษณะแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวให้จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้และมิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวเป็นของบุคคลภายนอก ซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจนำมาทำสัญญาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อได้ ดังนั้น การทำหลักฐานข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 กับโจทก์แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดที่ทำให้เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 ไม่มีผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2060/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาเช่าซื้อ: สัญญาเป็นโมฆะ, ไม่เกิดผลผูกพัน
โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ไม่มีหนี้ผูกพันกับโจทก์เกี่ยวกับรถยนต์คันนี้ โจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลหนี้เดิมของรถยนต์คันดังกล่าวระหว่างกัน จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์คนละคันกับรถยนต์ซึ่งจำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 หลักฐานข้อตกลงตามหนังสือโอนการเช่าซื้อระหว่างโจทก์จำเลยจึงมิใช่ผูกพันกันในลักษณะแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวให้จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ และมิใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 2 นำมาขายให้จำเลยที่ 1 เนื่องจากรถยนต์คันดังกล่าวเป็นของบุคคลภายนอก ซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจนำมาทำสัญญาให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อได้ ดังนั้น การทำหลักฐานข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยที่ 1 กับโจทก์แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดที่ทำให้เป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 ไม่มีผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ศาลพิจารณาเจตนาแท้จริงจากการกระทำและเอกสารประกอบคดี
จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าจำเลยที่ 2 ทำหนังสือตกลงรับชำระหนี้รายนี้และใช้หนี้นั้นไป 3 งวด และขอลดอัตราดอกเบี้ยเป็นการกระทำภายในวัตถุประสงค์ที่จำเลยที่ 2 จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดรับโอนกิจการของจำเลยที่ 1 มาทำ จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดโดยการ แปลงหนี้ใหม่ ซึ่งศาลตีความในเอกสารประกอบพฤติการณ์แห่งคดีทั้งมวลโดยเพ่งเล็งเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าตัวอักษร