คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 148

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,582 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์บังคับคดีโดยสุจริตและการคืนทรัพย์ตามคำสั่งศาล
การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการใช้สิทธิทางศาลจะเป็นการกระทำละเมิดต่อเมื่อกระทำโดยไม่สุจริตมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์พิพาทจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาทโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยจึงหาได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่นำยึดทรัพย์ไม่แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาทคดีถึงที่สุดไปแล้วจำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งอันถึงที่สุดแล้วนั้นโดยต้องคืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์คันพิพาทไว้อีกต่อไปดังนี้คำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความจำเลยจะฎีกาโต้เถียงในคดีนี้ว่าตนยังมีสิทธิ์ยึดหน่วงอีกย่อมฟังไม่ขึ้นทั้งการที่โจทก์ขอรับรถยนต์พิพาทคืนจากจำเลยภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดแล้วแต่จำเลยไม่คืนให้มิใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลอีกต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-ประเด็นยังไม่วินิจฉัย-ราคาที่ดิน: ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิม แม้มีการเปลี่ยนแปลงราคา
ในคดีก่อนศาลฎีกายกฟ้องโจทก์เพราะศาลไม่อาจพิพากษาให้ตามคำขอท้ายฟ้องได้ โดยศาลฎีกายังไม่ได้วินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยโอนที่ดินให้ดังที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ดังนั้นคำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ที่ขอให้จำเลยชำระราคาที่ดินให้โจทก์ จึงไม่ใช่ประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยแล้ว อันจะเป็นการต้องห้ามมิให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยอีก ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
ฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
การกำหนดราคาที่ดินที่จำเลยจะต้องชดใช้แก่โจทก์ ต้องถือตามราคาในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ ไม่ถือตามที่โจทก์เคยตีราคาในการเสียค่าขึ้นศาลในคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ & สัญญาจะซื้อจะขายยังไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจากจำเลยข้อความในสัญญากำหนดว่าผู้จะขายยินยอมที่จะดำเนินการขายให้เสร็จภายใน12เดือนเพื่อโอนขายให้แก่ผู้จะซื้อการซื้อขายที่ดินพิพาทจึงยังต้องมีการโอนทางทะเบียนกันแม้จำเลยยอมให้โจทก์ครอบครองที่ดินไปได้ก่อนก็ตามแต่ตราบใดที่ยังไม่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์กรรมสิทธิ์ที่ดินยังเป็นของจำเลยการครอบครองที่ดินของโจทก์จึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของจำเลยเป็นการยึดถือที่พิพาทแทนจำเลยมิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแม้โจทก์ครอบครองที่พิพาทเกิน10ปีโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์เคยฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะขาดอายุความโจทก์จึงมาร้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันไม่เป็นฟ้องซ้ำตามป.วิ.พ.มาตรา148.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ต้องเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ แม้ครอบครองเกิน 10 ปี และเคยฟ้องร้องเรียกกรรมสิทธิ์ก่อนหน้านี้
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจากจำเลยข้อความในสัญญากำหนดว่าผู้จะขายยินยอมที่จะดำเนินการขายให้เสร็จภายใน12เดือนเพื่อโอนขายให้แก่ผู้จะซื้อการซื้อขายที่ดินพิพาทจึงยังต้องมีการโอนทางทะเบียนกันแม้จำเลยยอมให้โจทก์ครอบครองที่ดินไปได้ก่อนก็ตามแต่ตราบใดที่ยังไม่มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์กรรมสิทธิ์ที่ดินยังเป็นของจำเลยการครอบครองที่ดินของโจทก์จึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของจำเลยเป็นการยึดถือที่พิพาทแทนจำเลยมิใช่ยึดถือในฐานะเป็นเจ้าของเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแม้โจทก์ครอบครองที่พิพาทเกิน10ปีโจทก์ไม่ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์เคยฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะขาดอายุความโจทก์จึงมาร้องขอให้พิพากษาว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกันไม่เป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีแพ่ง และความรับผิดของผู้ค้ำประกันจากการยักยอกทรัพย์
โจทก์ในฐานะผู้เสียหายได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีที่พนักงานอัยการฟ้องจำเลยที่1ฐานยักยอกเงินของโจทก์ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่1และให้คืนหรือใช้เงินที่ยักยอกไปแก่โจทก์แล้วโจทก์จึงมีสิทธิบังคับคดีส่วนแพ่งในคดีอาญาได้อยู่แล้วตามป.วิ.อ.มาตรา249,253หากรื้อฟื้นคดีส่วนแพ่งนั้นมาฟ้องใหม่โดยเรียกค่าดอกเบี้ยเพิ่มเติมย่อมเป็นฟ้องซ้ำ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่1ต้องรับผิดใช้หนี้ที่ทุจริตในการทำงานโดยยักยอกทรัพย์ของโจทก์ไปจำเลยที่2ที่3ในฐานะผู้ค้ำประกันอย่างไม่มีจำกัดในการทำงานของจำเลยที่1ย่อมต้องรับผิดชดใช้แทนจำเลยที่1ตามสัญญาค้ำประกันรวมทั้งดอกเบี้ยด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีแพ่งหลังมีคำพิพากษาในคดีอาญาที่มีประเด็นแพ่งปนอยู่ การบังคับคดีส่วนแพ่ง และสิทธิในการเรียกร้องดอกเบี้ย
โจทก์ในคีดนี้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์และเรียกให้จำเลยที่1ใช้ค่าทดแทนความเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา43,44,47ย่อมต้องผูกพันตามคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวซึ่งมีคดีส่วนแพ่งปนอยู่ด้วยและโจทก์ย่อมมีสิทธิบังคับคดีส่วนแพ่งตามคำพิพากษานั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา249,253อยู่แล้วโจทก์จะรื้อฟื้นคดีส่วนแพ่งนั้นมาฟ้องใหม่โดยเรียกค่าดอกเบี้ยเพิ่มเติมในคดีนี้อีกย่อมเป็นฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา148

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำคดีแรงงาน: สิทธิเรียกร้องค่าจ้างจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมย่อมมีอยู่ก่อน หากไม่ได้เรียกร้องในคดีเดิม
คดีก่อนโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมโดยมิได้เรียกร้องค่าจ้างหรือค่าเสียหายในระหว่างถูกเลิกจ้างซึ่งโจทก์สามารถเรียกร้องมาในคราวเดียวกันได้การที่โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่เพื่อเรียกค่าจ้างที่จำเลยค้างชำระตั้งแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันรับโจทก์กลับเข้าทำงานซึ่งมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยมูลฐานเดียวกันกับคดีก่อนจึงเป็นฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าจ้างซ้ำหลังคดีรับกลับเข้าทำงาน: ศาลยกฟ้องเนื่องจากเป็นประเด็นเดียวกัน
คดีก่อนโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมโดยมิได้เรียกร้องค่าจ้างหรือค่าเสียหายในระหว่างถูกเลิกจ้างซึ่งโจทก์สามารถเรียกร้องมาในคราวเดียวกันได้การที่โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่เพื่อเรียกค่าจ้างที่จำเลยค้างชำระตั้งแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันรับโจทก์กลับเข้าทำงานซึ่งมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยโดยอาศัยมูลฐานเดียวกันกับคดีก่อนจึงเป็นฟ้องซ้ำ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4597/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นต่างกันระหว่างคดีละเมิดกับการบังคับจดทะเบียนเช่า แม้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินเดียวกัน
คดีก่อนโจทก์ที่ 1 ฟ้อง บ. และจำเลยที่ 1 เป็นคดีละเมิด และเรียกค่าเสียหายศาลวินิจฉัยว่า ตึกแถวพิพาทในคดีนี้เป็นของโจทก์ มิได้เป็นส่วนควบกับที่ดินของเจ้าของที่ดินเดิม การที่ บ. ยอมให้ จำเลยที่ 1 เข้าไปอยู่จึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ที่ 1 พิพากษา ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 1 ส่วนคดีนี้โจทก์ที่ 1 ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจดทะเบียนสิทธิการเช่าให้โจทก์ที่ 2 ตามสัญญา อันเป็นคนละประเด็นกันกับคดีก่อน มิได้เป็นกรณีที่ คู่ความรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยไปแล้วโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4597/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นต่างกัน แม้คดีก่อนมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ตึกแถว แต่คดีหลังเป็นการบังคับจดทะเบียนเช่า
คดีก่อนโจทก์ที่ 1 ฟ้อง บ. และจำเลยที่ 1 เป็นคดีละเมิด และเรียกค่าเสียหายศาลวินิจฉัยว่า ตึกแถวพิพาทในคดีนี้เป็นของโจทก์ มิได้เป็นส่วนควบกับที่ดินของเจ้าของที่ดินเดิม. การที่ บ. ยอมให้ จำเลยที่ 1เข้าไปอยู่จึงเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ที่ 1พิพากษา ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 1 ส่วนคดีนี้โจทก์ที่ 1 ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจดทะเบียนสิทธิการเช่าให้โจทก์ที่ 2 ตามสัญญา อันเป็นคนละประเด็นกันกับคดีก่อน มิได้เป็นกรณีที่ คู่ความรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยไปแล้วโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
of 159