พบผลลัพธ์ทั้งหมด 234 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉ้อฉลในการโอนเช็คและการยกข้อต่อสู้ของผู้รับอาวัลต่อผู้ทรงคนก่อน
การที่ ช. ยอมตกลงกับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับอาวัลเช็คว่า จำเลยไม่จำต้องรับผิดชอบในการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท โดย ช. จะไปเรียกเก็บเอากับผู้สั่งจ่ายเองภายหลัง ช. จัดการโอนเช็คพิพาทไปให้โจทก์ โดยหวังว่าโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิได้เกี่ยวข้องกับข้อตกลงดังกล่าวจะได้ใช้สิทธิในฐานะผู้ทรงฟ้องบังคับเอากับจำเลยได้นั้น พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมเป็นการฉ้อฉลโดยตรง จำเลยจึงชอบที่จะยกข้อต่อสู้อันมีอยู่กับ ช. ตามข้อตกลงดังกล่าวขึ้นใช้ยันโจทก์ได้ และปัญหานี้มิใช่เป็นกรณีตามมาตรา 940โจทก์จึงไม่อาจอ้างเงื่อนไขของบทบัญญัติมาตรา นี้มาใช้ปิดปากจำเลยในอันที่จะยกข้อต่อสู้ตามมาตรา 916 ขึ้นใช้ยันโจทก์เพื่อปฏิเสธความรับผิดได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่ได้ปฏิเสธการออกเช็คชัดแจ้ง ถือว่ารับสภาพหนี้ตามเช็ค และข้อต่อสู้เรื่องความสัมพันธ์กับผู้อื่นใช้ไม่ได้ผล
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คฉบับเดียว จำเลยให้การว่า เคยออกเช็ค 2 ฉบับชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์และค่าเบี้ยประกันภัยแก่ น. ต่อมาผู้รับประกันภัยไม่ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้ตามที่ตกลงกันไว้ จำเลยจึงห้ามธนาคารจ่ายเงิน ตามคำให้การของจำเลยดังกล่าวไม่อาจทราบได้ว่า เช็ค 2 ฉบับ มีฉบับที่โจทก์ฟ้องรวมอยู่ด้วยหรือไม่ เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธให้ชัดแจ้งจึงต้องถือว่าจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องจริง จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า การโอนเช็คให้โจทก์มีขึ้นด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลหรือโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริต จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ น.ขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 916 จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไป ไม่ได้ขอให้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี เสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท มิใช่คิดตามทุนทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่ได้ปฏิเสธการออกเช็คชัดเจน จึงต้องรับผิดในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คต่อผู้ทรง
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คฉบับเดียว จำเลยให้การว่าเคยออกเช็ค 2 ฉบับชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์และค่าเบี้ยประกันภัยแก่น. ต่อมาผู้รับประกันภัยไม่ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้ตามที่ตกลงกันไว้ จำเลยจึงห้ามธนาคารจ่ายเงิน ตามคำให้การของจำเลยดังกล่าวไม่อาจทราบได้ว่าเช็ค 2 ฉบับ มีฉบับที่โจทก์ฟ้องรวมอยู่ด้วยหรือไม่ เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธให้ชัดแจ้งจึงต้องถือว่าจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องจริง
จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าการโอนเช็คให้โจทก์มีขึ้นด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลหรือโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริต จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ น. ขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์.
จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าการโอนเช็คให้โจทก์มีขึ้นด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลหรือโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริต จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ น. ขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในเช็ค: จำเลยไม่ได้ปฏิเสธการออกเช็คชัดเจน จึงถือว่ารับผิดต่อผู้ทรง
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คฉบับเดียว จำเลยให้การว่าเคยออกเช็ค 2 ฉบับชำระหนี้ค่าซื้อรถยนต์และค่าเบี้ยประกันภัยแก่น. ต่อมาผู้รับประกันภัยไม่ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้ตามที่ตกลงกันไว้ จำเลยจึงห้ามธนาคารจ่ายเงิน ตามคำให้การของจำเลยดังกล่าวไม่อาจทราบได้ว่าเช็ค 2 ฉบับ มีฉบับที่โจทก์ฟ้องรวมอยู่ด้วยหรือไม่ เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธให้ชัดแจ้งจึงต้องถือว่าจำเลยรับว่าได้สั่งจ่ายเช็คตามฟ้องจริง
จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าการโอนเช็คให้โจทก์มีขึ้นด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลหรือโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริต จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ น. ขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าการโอนเช็คให้โจทก์มีขึ้นด้วยการคบคิดกันฉ้อฉลหรือโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่สุจริต จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ น. ขึ้นต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตั๋วสัญญาใช้เงิน: การสลักหลังมอบตั๋วและการพิสูจน์มูลหนี้ที่แท้จริงของผู้ทรง
โจทก์มอบเงินแก่จำเลยจำนวนหนึ่งแล้วจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ และโจทก์ได้สลักหลังมอบให้จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตกลงกันให้จำเลยนำตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวมาหักหนี้ค่าซื้อหลักทรัพย์ที่โจทก์ค้างชำระ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ซื้อหลักทรัพย์ให้โจทก์ ตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยรับไว้ จึงปราศจากมูลหนี้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลย จำเลยจึงไม่เป็นผู้ทรง และมีตั๋วสัญญาใช้เงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงินคงเป็น เพียงผู้ยึดถือตั๋วสัญญาใช้เงินไว้แทนโจทก์เท่านั้น โจทก์ยังคงเป็น ผู้ทรงและมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายได้ ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินวันที่ 4 พฤษภาคม 2523 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2525 ยังไม่พ้นเวลา 3 ปี นับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนดใช้เงิน ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตั๋วสัญญาใช้เงินขาดมูลหนี้ ผู้รับเงินไม่มีสิทธิเรียกร้อง ผู้สั่งจ่ายยังคงมีสิทธิ
โจทก์มอบเงินแก่จำเลยจำนวนหนึ่งแล้วจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ และโจทก์ได้สลักหลังมอบให้จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ฯโดยตกลงกันให้จำเลยนำตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวมาหักหนี้ค่าซื้อหลักทรัพย์ที่โจทก์ค้างชำระ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ซื้อหลักทรัพย์ให้โจทก์ ตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยรับไว้จึงปราศจากมูลหนี้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลยจำเลยจึงไม่เป็นผู้ทรงและมีตั๋วสัญญาใช้เงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงิน คงเป็นเพียงผู้ยึดถือตั๋วสัญญาใช้เงินไว้แทนโจทก์เท่านั้น โจทก์ยังคงเป็นผู้ทรงและมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายได้
ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินวันที่ 4 พฤษภาคม 2523 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2525 ยังไม่พ้นเวลา 3 ปี นับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนดใช้เงิน ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001.
ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินวันที่ 4 พฤษภาคม 2523 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2525 ยังไม่พ้นเวลา 3 ปี นับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนดใช้เงิน ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตั๋วสัญญาใช้เงิน: การโอนสิทธิและหน้าที่ของผู้ทรง/ผู้รับเงิน และการฟ้องเรียกเงินจากผู้สั่งจ่าย
โจทก์มอบเงินแก่จำเลยจำนวนหนึ่งแล้วจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ และโจทก์ได้สลักหลังมอบให้จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของโจทก์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ฯ โดยตกลงกันให้จำเลยนำตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวมาหักหนี้ค่าซื้อหลักทรัพย์ที่โจทก์ค้างชำระ ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ซื้อหลักทรัพย์ให้โจทก์ ตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยรับไว้จึงปราศจากมูลหนี้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลยจำเลยจึงไม่เป็นผู้ทรงและมีตั๋วสัญญาใช้เงินไว้ในครอบครองโดยฐานเป็นผู้รับเงิน คงเป็นเพียงผู้ยึดถือตั๋วสัญญาใช้เงินไว้แทนโจทก์เท่านั้น โจทก์ยังคงเป็นผู้ทรงและมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายได้
ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินวันที่ 4 พฤษภาคม 2523 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2525 ยังไม่พ้นเวลา 3 ปี นับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนดใช้เงิน ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001
ตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดใช้เงินวันที่ 4 พฤษภาคม 2523 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2525 ยังไม่พ้นเวลา 3 ปี นับแต่วันตั๋วเงินถึงกำหนดใช้เงิน ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: การต่อสู้เรื่องความสุจริตและการไม่มีมูลหนี้ต้องมีเหตุผลสนับสนุน หากไม่มีศาลชอบที่จะงดสืบพยาน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทโดยไม่สุจริตแต่ไม่ได้ให้เหตุผลว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างใด จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้ ที่จำเลยให้การว่าทำเช็คพิพาทหายไปไม่เป็นเหตุผลที่จะให้รับฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต
จำเลยให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ เป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์ที่ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยมีมูลหนี้เพราะผู้มีชื่อนำเช็คมาชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลร่วมกับผู้มีชื่อซึ่งจะเป็นเหตุผลที่แสดงว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ จึงเท่ากับจำเลยไม่ได้ยกมาตรา 916 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นต่อสู้ จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้อีกด้วย ชอบที่จะงดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาท
จำเลยให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ เป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์ที่ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยมีมูลหนี้เพราะผู้มีชื่อนำเช็คมาชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลร่วมกับผู้มีชื่อซึ่งจะเป็นเหตุผลที่แสดงว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ จึงเท่ากับจำเลยไม่ได้ยกมาตรา 916 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นต่อสู้ จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้อีกด้วย ชอบที่จะงดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความสุจริตของผู้ทรงเช็คและการยกเว้นข้อต่อสู้เรื่องการโอนเช็คโดยฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทโดยไม่สุจริตแต่ไม่ได้ให้เหตุผลว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างใด จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้ ที่จำเลยให้การว่าทำเช็คพิพาทหายไปไม่เป็นเหตุผลที่จะให้รับฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต จำเลยให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ เป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์ที่ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยมีมูลหนี้เพราะผู้มีชื่อนำเช็คมาชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลร่วมกับผู้มีชื่อซึ่งจะเป็นเหตุผลที่แสดงว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ จึงเท่ากับจำเลยไม่ได้ยกมาตรา 916 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นต่อสู้จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้อีกด้วย ชอบที่จะงดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีเช็ค การยกข้อต่อสู้ไม่สุจริตและไม่มีมูลหนี้ต้องมีเหตุผลสนับสนุน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทโดยไม่สุจริตแต่ไม่ได้ให้เหตุผลว่าโจทก์ไม่สุจริตอย่างใด จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้ ที่จำเลยให้การว่าทำเช็คพิพาทหายไปไม่เป็นเหตุผลที่จะให้รับฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยไม่สุจริต
จำเลยให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ เป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์ที่ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยมีมูลหนี้เพราะผู้มีชื่อนำเช็คมาชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลร่วมกับผู้มีชื่อซึ่งจะเป็นเหตุผลที่แสดงว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ จึงเท่ากับจำเลยไม่ได้ยกมาตรา 916 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นต่อสู้ จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้อีกด้วยชอบที่จะงดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาท.
จำเลยให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ เป็นการปฏิเสธฟ้องโจทก์ที่ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยมีมูลหนี้เพราะผู้มีชื่อนำเช็คมาชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลร่วมกับผู้มีชื่อซึ่งจะเป็นเหตุผลที่แสดงว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ จึงเท่ากับจำเลยไม่ได้ยกมาตรา 916 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นต่อสู้ จำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบในข้อนี้อีกด้วยชอบที่จะงดสืบพยานและพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาท.