พบผลลัพธ์ทั้งหมด 234 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คโดยสุจริตได้รับความคุ้มครอง แม้ผู้สลักหลังจะทุจริต จำเลยไม่สามารถยกข้อต่อสู้ได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คและโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดย จ. ได้สลักหลังแล้วมอบให้โจทก์ โจทก์นำเช็คนี้เข้าบัญชี แต่ธนาคารคืนเช็คมายังโจทก์ เพราะจำเลยได้สั่งอายัดไว้ โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจริงโดยเตรียมไว้สำหรับชำระหนี้ให้แก่ผู้อื่น แต่ จ. ได้ลักเช็คดังกล่าวไปเสียก่อน จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีนิติสัมพันธ์อันใดกับจำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องประการใดจากจำเลย ดังนี้ เมื่อจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทนั้นมาโดยคบคิดกับ จ. เพื่อฉ้อฉลจำเลยก็ต้องถือว่าโจทก์ได้รับเช็คมาโดยสุจริต การที่ จ. แต่ฝ่ายเดียวเป็นผู้ทุจริตจึงไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะยกขึ้นใช้ยันกับโจทก์ผู้ทรงได้ตาม มาตรา 905 และมาตรา 916 ฉะนั้น จำเลยจึงหามีสิทธิที่จะนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยดังที่ปรากฏในคำให้การไม่ เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือโจทก์เป็นผู้ถือจึงนับได้ว่าเป็นผู้ทรง เมื่อโจทก์นำไปขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้จำเลยก็ย่อมมีหน้าที่ต้องใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2514)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2514)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องการโอนเช็คโดยเจตนาทุจริตและการสมคบคิดฉ้อฉล ผู้รับโอนมีอำนาจฟ้องหรือไม่
จำเลยให้การว่าออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อไปซื้อของให้จำเลย แล้วผู้นั้นพาเช็คหลบหนีไป ต่อมาโจทก์ได้รับเช็คดังกล่าวจากผู้พาเช็คหลบหนีไปโดยสมคบกันเพื่อมาเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย ด้วยเจตนาทุจริตและปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็ครายพิพาทจากผู้ที่พาเช็คหลบหนีไป โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยฉะนั้นจำเลยชอบที่จะนำพยานสืบปฏิเสธความรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ว่าผู้รับเช็คสมคบกันฉ้อฉล จำเลยมีสิทธิสืบพยานเพื่อปฏิเสธความรับผิด
จำเลยให้การว่าออกเช็คให้ผู้อื่นเพื่อไปซื้อของให้จำเลยแล้วผู้นั้นพาเช็คหลบหนีไป ต่อมาโจทก์ได้รับเช็คดังกล่าวจากผู้พาเช็คหลบหนีไปโดยสมคบกันเพื่อมาเรียกร้องเอาเงินจากจำเลย ด้วยเจตนาทุจริตและปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ได้รับเช็ครายพิพาทจากผู้ที่พาเช็คหลบหนีไป โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยฉะนั้นจำเลยชอบที่จะนำพยานสืบปฏิเสธความรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่าย 'หรือผู้ถือ' โอนเปลี่ยนมือได้ ผู้ทรงเช็คร้องฟ้องได้ แม้รับเช็คมาโดยมิได้มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้สั่งจ่าย
บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงิน. แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น. ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อ. หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น. เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์. โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็ค.ย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย. เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้. ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไร. แม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง. ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป.
จำเลยให้การต่อสู้ว่า. โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริต.และไม่ชอบด้วยกฎหมาย. แต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร. เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง.
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่น.และบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้. แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้. เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงิน. แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น. ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อ. หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น. เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์. โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็ค.ย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย. เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้. ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไร. แม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง. ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป.
จำเลยให้การต่อสู้ว่า. โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริต.และไม่ชอบด้วยกฎหมาย. แต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร. เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง.
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่น.และบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้. แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้. เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่าย 'หรือผู้ถือ' ผู้ถือเช็คมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้สั่งจ่าย แม้จะอายัดเช็คจากเหตุอื่น
บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงิน แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ออกนั้น ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อ หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์ โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็ค ย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไร แม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่นและบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้ แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงิน แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ออกนั้น ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อ หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์ โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็ค ย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไร แม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่นและบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้ แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่าย 'หรือผู้ถือ' ผู้ทรงเช็คมีสิทธิเรียกเก็บเงิน แม้ได้มาโดยมิได้มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้สั่งจ่าย
บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงินแต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อหากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็คย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไรแม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรเป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่นและบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงินแต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อหากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็คย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไรแม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรเป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่นและบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยฉ้อฉลและการยืมมือฟ้อง ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
ผู้สั่งจ่ายเช็คจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนหาได้ไม่เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา และจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค ผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้อง เป็นการยืมมือโจทก์ฟ้อง ดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา และจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค ผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้อง เป็นการยืมมือโจทก์ฟ้อง ดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยคบคิดฉ้อฉล ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
ผู้สั่งจ่ายเช็คจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนหาได้ไม่เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญาและจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็คผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้องเป็นการยืมมือโจทก์ฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญาและจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็คผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้องเป็นการยืมมือโจทก์ฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยเจตนาฉ้อฉลและการยืมมือฟ้อง ผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด
ผู้สั่งจ่ายเช็คจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนหาได้ไม่.เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล.
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา. เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา. และจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค. ผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้อง. เป็นการยืมมือโจทก์ฟ้อง. ดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด.
จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ทรงคนก่อนเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญา. เมื่อผู้ทรงคนก่อนยังไม่ปฏิบัติตามสัญญา. และจำเลยสั่งห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค. ผู้ทรงคนก่อนจึงสลักหลังโอนเช็คให้โจทก์มาฟ้อง. เป็นการยืมมือโจทก์ฟ้อง. ดังนี้ ย่อมถือว่าคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยผู้สั่งจ่ายไม่ต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คด้วยเจตนาฉ้อฉล ผู้สั่งจ่ายมีสิทธิปฏิเสธความรับผิดต่อผู้ทรง
จำเลยที่ 1 ออกเช็คระบุให้จ่ายเงินแก่จำเลยที่ 2 หรือผู้ถือ การโอนเช็คไปย่อมสมบูรณ์เพียงด้วยส่งมอบให้กัน เมื่อจำเลยที่ 2 ส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรง
จำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าให้แก่จำเลยที่ 2 ต่อมาปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ยักยอกเงินของบริษัทซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการ จำเลยที่ 1 จึงแจ้งความดำเนินคดีอาญาและแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยที่ 2 เอาเช็คพิพาทไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 ได้ส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์จึงได้เอาเช็คนั้นมาฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดใช้เงินตามเช็ค เมื่อการโอนเช็คพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 และโจทก์ได้มีขึ้นด้วยการคบคิดกันเพื่อฉ้อฉลจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายย่อมต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันระหว่างตนกับจำเลยที่ 2 ผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 และ 989 วรรค 1
จำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายล่วงหน้าให้แก่จำเลยที่ 2 ต่อมาปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ยักยอกเงินของบริษัทซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการ จำเลยที่ 1 จึงแจ้งความดำเนินคดีอาญาและแจ้งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยที่ 2 เอาเช็คพิพาทไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ 2 ได้ส่งมอบเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ โจทก์จึงได้เอาเช็คนั้นมาฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดใช้เงินตามเช็ค เมื่อการโอนเช็คพิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 และโจทก์ได้มีขึ้นด้วยการคบคิดกันเพื่อฉ้อฉลจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายย่อมต่อสู้โจทก์ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันระหว่างตนกับจำเลยที่ 2 ผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 และ 989 วรรค 1