คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 916

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 234 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้-ฉ้อฉล: โจทก์-ทายาทสมคบกันฟ้องเรียกหนี้จากจำเลยที่ไม่เคยทำสัญญาซื้อขาย
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาท 2 ฉบับ กับเช็คอื่นอีก 22 ฉบับ เพื่อเป็นค่ามัดจำในการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจาก ซ.แต่ซ.ถึงแก่กรรมเสียก่อนจึงมิได้ทำสัญญาซื้อขายกับจำเลย เช็คพิพาทตกอยู่ในความครอบครองของ ม. บุตรของ ซ. และ ม. ก็ไม่ยอมขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้จำเลย แต่กลับมอบเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาและเป็นคดีนี้การกระทำของโจทก์และ ม. จึงเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลเพื่อทำให้จำเลยไม่สามารถอ้างข้อต่อสู้ที่มีต่อ ซ. และ ม. มายันโจทก์ในคดีนี้ได้ เมื่อความจริงมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้มีอยู่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบมาตรา 989.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนเช็คพิพาทด้วยเจตนาฉ้อฉล ผู้รับโอนต้องรับผิดชอบหากทราบถึงเหตุระงับการจ่ายเงิน
โจทก์ได้ รับโอนเช็ค มา จากจำเลยที่ 2 เมื่อกลางเดือนมิถุนายน2527 เช็ค พิพาทสั่งจ่ายวันที่ 14 มิถุนายน 2527 ในขณะที่โจทก์รับโอนเช็ค พิพาทจึงเป็นระยะเวลาที่เช็ค พิพาทถึง กำหนดสั่งจ่ายหรือใกล้ถึง วันสั่งจ่าย จำเลยที่ 2 น่าจะนำเช็ค พิพาทไปเรียก เก็บเงินได้ อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้อง นำมาโอนขายให้กับโจทก์ ทั้งในขณะที่โจทก์รับโอนเช็ค พิพาท โจทก์ทราบแล้วว่าจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายได้ มีคำสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตาม เช็ค แล้ว การโอนเช็ค พิพาทจึงมีขึ้นด้วย คบคิดกันฉ้อฉล จำเลยที่ 1 มีสิทธิยกข้อต่อสู้ที่มีต่อจำเลยที่ 2 ขึ้นต่อสู้ โจทก์ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989 จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดตาม เช็ค พิพาทต่อ โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คโดยชอบธรรม แม้มีการโอนเช็ค
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คซึ่ง จำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ การที่จำเลยให้การและนำสืบว่าจำเลยลงลายมือชื่อในเช็ค พิพาทมอบให้แก่ จ. เพื่อค้ำประกันหนี้โดย ไม่ได้ลงวันที่และจำนวนเงิน ต่อมาจำเลยผ่อนชำระหนี้ให้ จ. จนหมดแต่ จ. ไม่คืนเช็ค ให้นั้นเป็นข้อต่อสู้ที่อาศัยความเกี่ยวกันระหว่างจำเลยซึ่ง เป็นผู้สั่งจ่ายกับ จ. ซึ่ง เป็นผู้ทรงคนก่อน แม้จำเลยจะให้การว่าโจทก์ได้เช็ค พิพาทมาโดย ทุจริตคบคิดกับ จ. แต่ จำเลยก็มิได้นำสืบให้เห็นเช่นนั้น ดังนี้ จำเลยจึงต้อง รับผิดใช้ เงินตาม เช็ค ให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อต่อสู้เรื่องเช็คไม่มีมูลหนี้และการลงวันที่เช็คโดยไม่สุจริต เป็นข้อต่อสู้เฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน จึงต้องห้ามตามกฎหมาย
การที่จำเลยให้การว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยมอบเป็นประกันการชำระหนี้แก่ จ. และได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นกันไปแล้วจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ และผู้ทรงคนก่อนลงวันที่ออกเช็คโดยไม่สุจริต ทำให้เช็คพิพาทเป็นเอกสารปลอมนั้น เป็นคำให้การต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน ๆ โดยจำเลยมิได้อ้างว่าโจทก์กับผู้ทรงคนก่อนสมคบกันฉ้อฉลจำเลยแต่ประการใด ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 916 ไม่จำเป็นต้องสืบพยานโจทก์จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อต่อสู้เรื่องเช็คไม่มีมูลหนี้และการปลอมแปลงเช็ค เป็นการต่อสู้เฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน จึงต้องห้ามตามกฎหมาย
การที่จำเลยให้การว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยมอบเป็นประกันการชำระหนี้แก่ จ. และได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นกันไปแล้วจึงเป็นเช็คที่ไม่มีมูลหนี้ และผู้ทรงคนก่อนลงวันที่ออกเช็คโดยไม่สุจริต ทำให้เช็คพิพาทเป็นเอกสารปลอมนั้น เป็นคำให้การต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับผู้ทรงคนก่อน ๆ โดยจำเลยมิได้อ้างว่าโจทก์กับผู้ทรงคนก่อนสมคบกันฉ้อฉลจำเลยแต่ประการใด ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4107/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คมีมูลหนี้ การโอนเช็คไม่เข้าข่ายฉ้อฉล ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยวินิจฉัยว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คนั้น จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงคำวินิจฉัยดังกล่าว ข้อเท็จจริงย่อมเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การที่จำเลยฎีกากล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทรงคนก่อนกับโจทก์ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลย เพราะไม่ทำให้การโอนเช็คพิพาทระหว่างผู้ทรงคนก่อนกับโจทก์เป็นการโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989 ไปได้ จำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4107/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คมีมูลหนี้ ผู้รับโอนเช็คสุจริต ไม่เป็นการคบคิดฉ้อฉล แม้มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยวินิจฉัยว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คนั้น จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงคำวินิจฉัยดังกล่าว ข้อเท็จจริงย่อมเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การที่จำเลยฎีกากล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทรงคนก่อนกับโจทก์ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลย เพราะไม่ทำให้การโอนเช็คพิพาทระหว่างผู้ทรงคนก่อนกับโจทก์เป็นการโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989 ไปได้ จำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4107/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คมีมูลหนี้ แม้มีการโอนสิทธิ แต่การโอนนั้นไม่เข้าข่ายฉ้อฉล ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดตามเช็ค
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ ซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คนั้น จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงคำวินิจฉัยดังกล่าว ข้อเท็จจริงย่อมเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การที่จำเลยฎีกากล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ทรงคนก่อนกับโจทก์ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลย เพราะไม่ทำให้การโอนเช็คพิพาทระหว่างผู้ทรงคนก่อนกับโจทก์เป็นการโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989 ไปได้ จำเลยต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3919/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่ายผูกพันตามเช็คแม้ไม่มีมูลหนี้ต่อผู้ทรงโดยชอบธรรม
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ แม้จำเลยจะนำสืบฟังได้ตามข้อต่อสู้ว่าสั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นประกันหนี้เงินกู้ยืมที่ น. กู้ยืมไปจาก บ. มิได้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ ก็ถือได้ว่าเป็นการสั่งจ่ายเช็คโดยเจตนาจะให้ผูกพันและชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เมื่อเช็คพิพาทได้มาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ในฐานะผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมไม่มีเหตุหรือข้ออ้างอันใดที่จะยกขึ้นต่อสู้เพื่อมิให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้นได้ แม้เช็คพิพาทจะไม่มีมูลหนี้ต่อกันระหว่างจำเลยกับโจทก์หรือมีมูลหนี้เงินกู้ยืมที่ บ. คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจากจำเลยรวมอยู่ด้วยจำเลยก็จะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับ บ. ขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลซึ่งจำเลยก็มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็คพิพาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3919/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดแม้ไม่มีมูลหนี้ต่อผู้ทรง หากเช็คโอนเปลี่ยนมือโดยชอบ
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ แม้จำเลยจะนำสืบฟังได้ตามข้อต่อสู้ว่าสั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นประกันหนี้เงินกู้ยืมที่ น. กู้ยืมไปจาก บ. มิได้สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ ก็ถือได้ว่าเป็นการสั่งจ่ายเช็คโดยเจตนาจะให้ผูกพันและชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เมื่อเช็คพิพาทได้มาอยู่ในความครอบครองของโจทก์ในฐานะผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมไม่มีเหตุหรือข้ออ้างอันใดที่จะยกขึ้นต่อสู้เพื่อมิให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้นได้ แม้เช็คพิพาทจะไม่มีมูลหนี้ต่อกันระหว่างจำเลยกับโจทก์หรือมีมูลหนี้เงินกู้ยืมที่ บ. คิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจากจำเลยรวมอยู่ด้วยจำเลยก็จะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับ บ. ขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้ เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลซึ่งจำเลยก็มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยใช้เงินตามเช็คพิพาท
of 24