พบผลลัพธ์ทั้งหมด 198 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายและค่าปลงศพของบุตรนอกสมรสและผู้มิใช่ทายาท
บุตรที่เกิดแต่บิดามารดาซึ่งมิได้สมรสกันโดยจดทะเบียนให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มิใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา บิดาจะอ้างว่าเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1541 มิได้
มาตรา 1627 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติเรื่องสิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว หาได้บัญญัติให้บุตรนอกกฎหมายมีความสัมพันธ์กับบิดาจนถึงกับให้บิดาใช้อำนาจปกครองและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมายครอบครัวด้วยไม่
การเรียกค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 รวมทั้งค่าปลงศพนั้น หมายความเฉพาะแต่ผู้ที่เป็นทายาทจะเรียกร้องเอาแก่ผู้ที่ทำให้เจ้ามรดกตาย เพราะสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยเหตุที่ได้ละเมิดแก่เจ้ามรดกตกทอดมายังผู้เป็นทายาทภายใต้บังคับของมาตรา1649 เท่านั้น
มาตรา 1627 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติเรื่องสิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว หาได้บัญญัติให้บุตรนอกกฎหมายมีความสัมพันธ์กับบิดาจนถึงกับให้บิดาใช้อำนาจปกครองและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมายครอบครัวด้วยไม่
การเรียกค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 รวมทั้งค่าปลงศพนั้น หมายความเฉพาะแต่ผู้ที่เป็นทายาทจะเรียกร้องเอาแก่ผู้ที่ทำให้เจ้ามรดกตาย เพราะสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยเหตุที่ได้ละเมิดแก่เจ้ามรดกตกทอดมายังผู้เป็นทายาทภายใต้บังคับของมาตรา1649 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คนใบ้ไม่ถือเป็นผู้ไร้ความสามารถ จนกว่าศาลจะมีคำสั่ง สามารถดำเนินคดีได้เองหรือมอบอำนาจ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (12) และมาตรา 56 ศาลจะตั้งผู้แทนเฉพาะคดีให้ก็ต่อเมื่อบุคคลใดเป็นผู้ไร้ความสามารถและไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้
บุคคลใดแม้จะเป็นคนใบ้มาแต่กำเนิดก็ตาม เมื่อศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ก็ย่อมไม่ใช่บุคคลผู้ไร้ความสามารถตามกฎหมาย ฉะนั้น จึงมีอำนาจดำเนินคดีได้อย่างบุคคลธรรมดา ผู้อื่นจะร้องขอให้ศาลชั้นต้นเป็นผู้แทนเฉพาะคดีไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 38/2504
บุคคลใดแม้จะเป็นคนใบ้มาแต่กำเนิดก็ตาม เมื่อศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ก็ย่อมไม่ใช่บุคคลผู้ไร้ความสามารถตามกฎหมาย ฉะนั้น จึงมีอำนาจดำเนินคดีได้อย่างบุคคลธรรมดา ผู้อื่นจะร้องขอให้ศาลชั้นต้นเป็นผู้แทนเฉพาะคดีไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 38/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแต่งงานไม่สมบูรณ์เมื่อไม่จดทะเบียนสมรส, การเป็นเจ้าของร่วมของขวัญ, สิทธิเรียกร้องค่าหมั้นและสินสอด
ชายและหญิงทำพิธีแต่งงานและอยู่กินร่วมกันฉันท์สามีภรรยามาเป็นเวลา 6 เดือน และเป็นความประสงค์ของทั้งสองฝ่ายที่ไม่ต้องการจดทะเบียนสมรส ชายจะอ้างว่าหญิงผิดสัญญาเพราะเหตุไม่ยอมจดทะเบียนสมรสนั้นไม่ได้
เงินของขวัญและสิ่งของของขวัญที่ชายหญิงได้รับในวันแต่งงาน ชายหญิงนั้นย่อมเป็นเจ้าของร่วมกัน เมื่อชายหญิงได้เอาเงินของขวัญใช้จ่ายร่วมกันเป็นค่าเลี้ยงแขกในวันแต่งงานหมดแล้ว ชายจะมาฟ้องเรียกเอาส่วนครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินของขวัญนั้นไม่ได้ ส่วนสิ่งของของขวัญ เมื่อได้ความว่าอยู่กับหญิงเช่นนี้ ชายย่อมฟ้องเรียกเอาครึ่งหนึ่งได้
เงินของขวัญและสิ่งของของขวัญที่ชายหญิงได้รับในวันแต่งงาน ชายหญิงนั้นย่อมเป็นเจ้าของร่วมกัน เมื่อชายหญิงได้เอาเงินของขวัญใช้จ่ายร่วมกันเป็นค่าเลี้ยงแขกในวันแต่งงานหมดแล้ว ชายจะมาฟ้องเรียกเอาส่วนครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินของขวัญนั้นไม่ได้ ส่วนสิ่งของของขวัญ เมื่อได้ความว่าอยู่กับหญิงเช่นนี้ ชายย่อมฟ้องเรียกเอาครึ่งหนึ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาหมั้น สินสอด และของขวัญในงานแต่งงานที่ไม่จดทะเบียนสมรส
ชายและหญิงทำพิธีแต่งงานและอยู่กินร่วมกันฉันสามีภรรยามาเป็นเวลา 6 เดือน และเป็นความประสงค์ของทั้งสองฝ่ายที่ไม่ต้องการจดทะเบียนสมรส ชายจะอ้างว่าหญิงผิดสัญญาเพราะเหตุไม่ยอมจดทะเบียนสมรสนั้นไม่ได้
เงินของขวัญและสิ่งของของขวัญที่ชายหญิงได้รับในวันแต่งงานชายหญิงนั้นย่อมเป็นเจ้าของร่วมกัน เมื่อชายหญิงได้เอาเงินของขวัญใช้จ่ายร่วมกันเป็นค่าเลี้ยงแขกในวันแต่งงานหมดแล้ว ชายจะมาฟ้องเรียกเอาส่วนครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินของขวัญนั้นไม่ได้ ส่วนสิ่งของของขวัญ เมื่อได้ความว่าอยู่กับหญิงเช่นนี้ ชายยอมฟ้องเรียกเอาครึ่งหนึ่งได้
เงินของขวัญและสิ่งของของขวัญที่ชายหญิงได้รับในวันแต่งงานชายหญิงนั้นย่อมเป็นเจ้าของร่วมกัน เมื่อชายหญิงได้เอาเงินของขวัญใช้จ่ายร่วมกันเป็นค่าเลี้ยงแขกในวันแต่งงานหมดแล้ว ชายจะมาฟ้องเรียกเอาส่วนครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินของขวัญนั้นไม่ได้ ส่วนสิ่งของของขวัญ เมื่อได้ความว่าอยู่กับหญิงเช่นนี้ ชายยอมฟ้องเรียกเอาครึ่งหนึ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจฟ้องขับไล่ แม้ไม่ระบุที่อยู่บ้านพิพาท ก็ถือว่าสมบูรณ์
หนังสือมอบอำนาจที่ตัวการมอบอำนาจให้ตัวแทนฟ้องขับไล่ ผู้เช่าออกจากบ้านพิพาทนั้น แม้หนังสือมอบอำนาจจะไม่ได้ระบุที่ตั้งหรือหมายเลขบ้านพิพาท ก็ถือว่าการมอบอำนาจดังกล่าวสมบูรณ์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 540/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจฟ้องขับไล่ แม้ไม่ระบุที่อยู่บ้านพิพาทก็สมบูรณ์
หนังสือมอบอำนาจที่ตัวการมอบอำนาจให้ตัวแทนฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากบ้านพิพาทนั้น แม้หนังสือมอบอำนาจจะไม่ได้ระบุที่ตั้งหรือหมายเลขบ้านพิพาทก็ถือว่าการมอบอำนาจดังกล่าวสมบูรณ์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองสุจริตและการบังคับจำนอง แม้กรรมสิทธิที่ดินพิพาทจะยังไม่จดทะเบียน
ได้ความว่าโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นบุตรนอก ก.ม.ของโจทก์ที่ 1 เกิดกับผู้ตายเจ้ามรดก แต่ผู้ตายเจ้ามรดกได้รับรองและแสดงออกโดยให้ใช้นามสกุลและการศึกษาถือว่าเจ้ามรดกได้รับรองว่าโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นบุตรของตนแล้ว โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย และมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่จำเป็นต้องขอคำสั่งศาลเสียก่อน
ผู้ตายได้รับจำนองที่ดินพิพาทนี้โดยทางทะเบียนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนส่วนจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิที่ดินพิพาททางครอบครองแต่มิได้จดทะเบียนเช่นนี้จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก (คือ ฝ่ายผู้รับจำนอง) ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ตาม ป.พ.พ.ม.1299 แม้ถึงหากจะฟังว่าจำเลยที่ 1,2 เอาความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าโฉนดหายจนได้รับใบแทนโฉนดมาแล้วเอาไปจำนองก็ดี เมื่อผู้รับจำนองมิได้รู้เห็นในเรื่องนี้ด้วยหากแต่รับจำนองไว้โดยสุจริตเช่นนี้ไม่ทำให้สิทธิของผู้รับจำนองดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป ฝ่ายผู้รับจำนองยังมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองโดยยึดที่ดินจำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้
ผู้ตายได้รับจำนองที่ดินพิพาทนี้โดยทางทะเบียนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนส่วนจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิที่ดินพิพาททางครอบครองแต่มิได้จดทะเบียนเช่นนี้จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก (คือ ฝ่ายผู้รับจำนอง) ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ตาม ป.พ.พ.ม.1299 แม้ถึงหากจะฟังว่าจำเลยที่ 1,2 เอาความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าโฉนดหายจนได้รับใบแทนโฉนดมาแล้วเอาไปจำนองก็ดี เมื่อผู้รับจำนองมิได้รู้เห็นในเรื่องนี้ด้วยหากแต่รับจำนองไว้โดยสุจริตเช่นนี้ไม่ทำให้สิทธิของผู้รับจำนองดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป ฝ่ายผู้รับจำนองยังมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองโดยยึดที่ดินจำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับจำนองที่สุจริตเหนือสิทธิผู้ครอบครองที่ยังมิได้จดทะเบียน และการรับรองบุตรเพื่อสิทธิรับมรดก
ได้ความว่าโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นบุตรนอกกฎหมายของโจทก์ที่ 1 เกิดกับผู้ตายเจ้ามรดก แต่ผู้ตายเจ้ามรดกได้รับรองและแสดงออกโดยให้ใช้นามสกุลและการศึกษาถือว่าเจ้ามรดกได้รับรองว่าโจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นบุตรของตนแล้ว โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย และมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่จำเป็นต้องขอคำสั่งศาลเสียก่อน
ผู้ตายได้รับจำนองที่ดินพิพาทนี้โดยทางทะเบียนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ส่วนจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาททางครอบครองแต่มิได้จดทะเบียนเช่นนี้ จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก (คือฝ่ายผู้รับจำนอง) ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1299 แม้ถึงหากจะฟังว่าจำเลยที่ 1,2 เอาความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าโฉนดหายจนได้รับใบแทนโฉนดมาแล้วเอาไปจำนองก็ดีเมื่อผู้รับจำนองมิได้รู้เห็นในเรื่องนี้ด้วยหากแต่รับจำนองไว้โดยสุจริตเช่นนี้ไม่ทำให้สิทธิของผู้รับจำนองดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปฝ่ายผู้รับจำนองยังมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองโดยยึดที่ดินจำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้
ผู้ตายได้รับจำนองที่ดินพิพาทนี้โดยทางทะเบียนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ส่วนจำเลยที่ 3 ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาททางครอบครองแต่มิได้จดทะเบียนเช่นนี้ จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอก (คือฝ่ายผู้รับจำนอง) ผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1299 แม้ถึงหากจะฟังว่าจำเลยที่ 1,2 เอาความเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานว่าโฉนดหายจนได้รับใบแทนโฉนดมาแล้วเอาไปจำนองก็ดีเมื่อผู้รับจำนองมิได้รู้เห็นในเรื่องนี้ด้วยหากแต่รับจำนองไว้โดยสุจริตเช่นนี้ไม่ทำให้สิทธิของผู้รับจำนองดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปฝ่ายผู้รับจำนองยังมีสิทธิฟ้องบังคับจำนองโดยยึดที่ดินจำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการฉุดคร่าเมื่อเหยื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว และผลของสัญญาใช้ค่าเสียหายที่ไม่สมบูรณ์
จำเลยที่ 1 ได้ฉุดคร่าน้องสาวโจทก์ไปเป็นภรรยาและมาขอสมัคขมาโดยยอมใช้ค่าเสียหายหรือค่าล้างอายให้แก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีเงินชำระให้จึงตกลงทำเป็นสัญญากู้เงินโจทก์โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระเงิน โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเรียกให้ชำระเงิน ได้ความต่อไปว่าในขณะฉุดคร่าน้องสาวโจทก์มีอายุเกิน 20 ปีแล้ว เช่นนี้ถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ปกครองน้องสาวตาม ก.ม.โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลย แม้การสมัคขมาและการใช้ค่าเสียหายหรือล้างอายจะถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาอันเรื่องหน้าที่โดยศึลธรรมเมื่อยังไม่ได้ส่งมอบให้แก่กัน เพียงแต่ทำสัญญากันไว้เท่านั้นไม่มี ก.ม.ให้ฟ้องร้องบังคับกันได้ เว้นแต่เมื่อชำระให้แก่กันแล้วไม่มีสิทธิเรียกคืนได้ เรื่องเช่นนี้ปรับเข้าได้กับสัญญาให้ซึ่งตาม ก.ม.ย่อมสมบูรณ์เมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการฉุดคร่าและการสมัคขมา: สิทธิเรียกร้องเมื่อผู้เสียหายบรรลุนิติภาวะ
จำเลยที่ 1 ได้ฉุดคร่าน้องสาวโจทก์ไปเป็นภรรยาและมาขอสมัคขมา โดยยอมใช้ค่าเสียหายหรือค่าล้างอายให้แก่โจทก์แต่จำเลยที่ 1 ไม่มีเงินชำระให้จึงตกลงทำเป็นสัญญากู้เงินโจทก์โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องเรียกให้ชำระเงิน ได้ความต่อไปว่า ในขณะฉุดคร่าน้องสาวโจทก์มีอายุเกิน 20 ปีแล้ว เช่นนี้ถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ปกครองน้องสาวตาม กฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลย แม้การสมัครขมาและการใช้ค่าเสียหายหรือล้างอายจะถือเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมาอันเรื่องหน้าที่โดยศีลธรรม เมื่อยังไม่ได้ส่งมอบให้แก่กันเพียงแต่ทำสัญญากันไว้เท่านั้นไม่มีกฎหมายให้ฟ้องร้องบังคับกันได้ เว้นแต่เมื่อชำระให้แก่กันแล้วไม่มีสิทธิเรียกคืนได้ เรื่องเช่นนี้ปรับเข้าได้กับสัญญาให้ซึ่งตาม กฎหมายย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้