คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 56

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 198 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อไม่มีอำนาจฟ้องต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตามกฎหมาย หากมิได้ยกขึ้น ศาลไม่ต้องวินิจฉัยเอง
โจทก์ฟ้องคดีโดยว่าเป็นหญิงหม้าย จำเลยมิได้ให้การหรือดำเนินการตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 56 โดยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยเป็นหญิงมีสามี ฉะนั้นคดีจึงไม่มีประเด็นในข้อนี้ แม้จะมีพยานเบิกความถึง ก็เป็นเรื่องนอกประเด็นไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะพึงรับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องหญิงหม้าย - การไม่ยกข้อต่อสู้เรื่องสถานภาพ
โจทก์ฟ้องคดีโดยว่าเป็นหญิงหม้าย จำเลยมิได้ให้การหรือดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 เลยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยเป็นหญิงมีสามี ฉะนั้นคดีจึงไม่มีประเด็นในข้อนี้ แม้จะมีพยานเบิกความถึง ก็เป็นเรื่องนอกประเด็นไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะพึงรับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของกรรมการผู้จัดการต่อการจ่ายเงินทดรองและค่าจ้าง แม้มิได้ฟ้องในฐานะตัวแทน
โจทก์ฟ้องกรรมการผู้จัดการสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นจำเลยที่ 1 กระทรวงพาณิชย์เป็นจำเลยที่ 2 โดยบรรยายอำนาจและหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดและบรรยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นกระทรวงควบคุมกิจการสำนักงานนี้ โจทก์ได้รับคำสั่งจากจำเลยที่ 1 ให้จัดการขนส่งน้ำตาลในกิจการ ของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดจากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯ โจทก์จึงฟ้องเรียกค่าจ้างและเงินที่โจทก์ได้จ่ายเงินส่วนตัวทดรองไปก่อนจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ดังนี้ มิได้หมายความว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวถึงจำเลยที่ 2 ว่าเป็นผู้ควบคุมกิจการของสำนักงาน ไม่พอที่จะให้ถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทน ฉะนั้นแม้ภายหลังโจทก์จะถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 เสียจำเลยที่ 1 ก็ย่อมถูกฟ้องให้รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องจำเลยโดยมิได้อ้างฐานเป็นตัวแทน แม้ถอนฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่ง จำเลยที่ถูกฟ้องก็ยังต้องรับผิดตามฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องกรรมการผู้จัดการสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นจำเลยที่ 1 กระทรวงพาณิชย์เป็นจำเลยที่ 2 โดยบรรยายอำนาจและหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดและบรรยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นกระทรวงควบคุมกิจการสำนักงานนี้ โจทก์ได้รับคำสั่งจากจำเลยที่ 1 ให้จัดการขนส่งน้ำตาลในกิจการของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัด จากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯโจทก์จึงฟ้องเรียกค่าจ้างและเงินที่โจทก์ได้จ่ายเงินส่วนตัวทดรองไปก่อนจากจำเลยที่ 1 และ จำเลย ที่ 2 ดังนี้มิได้หมายความว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวถึงจำเลยที่ 2 ว่าเป็นผู้ควบคุมกิจการของสำนักงาน ไม่พอที่จะให้ถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนฉะนั้นแม้ภายหลังโจทก์จะถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 เสีย จำเลยที่ 1 ก็ย่อมถูกฟ้องให้รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเฉลี่ยทรัพย์ตามมาตรา 290: ระยะเวลาการยื่นคำขอและการอายัติทรัพย์ก่อนมีคำพิพากษา
ในกรณีร้องขอเฉลี่ยทรัพย์มาตรา 290 วรรค 4 บัญญัติห้ามมิให้ยื่นคำขอช้ากว่า 3 เดือนนับแต่วันอายัต นั้น มีความหมายถึงการอายัตตามคำพิพากษาเท่านั้น หาใช่มุ่งหมายให้นับแต่วันอายัติก่อนมีคำพิพากษาไม่
ภรรยาได้รับความยินยอมจากสามีให้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกหนี้สิน จนศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้แล้ว เมื่อจำเลยถูกเจ้าหนี้อื่นยึดและอายัตทรัพย์ไว้ก่อนแล้ว ภรรยาผู้เป็นโจทก์ก็มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ โดยในชั้นขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยผู้นี้ ภรรยาไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีซ้ำอีก
คำว่า " ลูกหนี้ตามคำพิพากษา " ในมาตรา 290 นั้นหมายความถึงลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ถูกยึดทรัพย์ ไม่หมายความว่ามีทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาคนอื่นๆอยู่อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์: เริ่มนับระยะเวลาหลังอายัดตามคำพิพากษา และสิทธิของโจทก์ที่ได้รับความยินยอมจากสามี
ในกรณีร้องขอเฉลี่ยทรัพย์มาตรา 290 วรรคสี่ บัญญัติห้ามมิให้ยื่นคำขอช้ากว่า 3 เดือนนับแต่วันอายัด นั้นมีความหมายถึงการอายัดตามคำพิพากษาเท่านั้น หาใช่มุ่งหมายให้นับแต่วันอายัดก่อนมีคำพิพากษาไม่
ภรรยาได้รับความยินยอมจากสามีให้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกหนี้สิน จนศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้แล้ว เมื่อจำเลยถูกเจ้าหนี้อื่นยึดและอายัดทรัพย์ไว้ก่อนแล้วภรรยาผู้เป็นโจทก์ก็มีสิทธิร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ได้ โดยในชั้นขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยผู้นี้ ภรรยาไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามีซ้ำอีก
คำว่า 'ลูกหนี้ตามคำพิพากษา' ในมาตรา 290 นั้นหมายความถึงลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ถูกยึดทรัพย์ ไม่หมายความว่ามีทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาคนอื่นๆอยู่อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหนี้สินบริคณห์ของภรรยา การอนุญาตจากสามี และการพิสูจน์หนี้เงินฝาก/ค่าเซ้ง
การที่หญิงมีสามีฟ้องเรียกหนี้และส่วนมรดกของบุตรสาวที่ตายจากบุตรเขยนั้น เกี่ยวกับการเพื่อประโยชน์แก่สินบริคณห์ตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1469 จะต้องได้รับอนุญาตจากสามีเมื่อสามีร้องสอดเข้าเป็นโจทก์ร่วมขอรับชำระหนี้และส่วนมรดกด้วยนั้น พอถือว่าเป็๋นหลักฐานที่สามีอนุญาต
ทนายโจทก์ที่ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น แม้จะยื่นในชื่อของทนายเองก็ใช้ได้ เพราะเป็นการทำการแทนโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการฟ้องคดีเกี่ยวกับสินบริคณห์ของภริยา, การอนุญาตจากสามี, และการพิสูจน์หลักฐานหนี้สิน
การที่หญิงมีสามีฟ้องเรียกหนี้และส่วนมรดกของบุตรสาวที่ตายจากบุตรเขยนั้นเกี่ยวกับการเพื่อประโยชน์แก่สินบริคณห์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1469 จะต้องได้รับอนุญาตจากสามีเมื่อสามีร้องสอดเข้าเป็นโจทก์ร่วมขอรับชำระหนี้และส่วนมรดกด้วยนั้นพอถือว่าเป็นหลักฐานที่สามีอนุญาต
ทนายโจทก์ที่ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น แม้จะยื่นในชื่อของทนายเองก็ใช้ได้ เพราะเป็นการทำแทนตัวโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขข้อบกพร่องความสามารถของโจทก์ก่อนพิพากษาคดีขับไล่
การที่หญิงมีสามีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านและจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แม้จะปรากฏว่าโจทก์ฟ้องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี และบ้านนั้นเป็นสินบริคณห์ ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถไม่ควรจะยกมาตรา 1469 มายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการแก้ไขข้อบกพร่องความสามารถของโจทก์ก่อนพิพากษาคดีขับไล่ แม้มีข้อจำกัดตามกฎหมาย
การที่หญิงมีสามีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านและจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แม้จะปรากฏว่าโจทก์ฟ้องโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสามี และบ้านนั้นเป็นสินบริคณห์ ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามรถไม่ควรจะยกมาตาา 1469 มายกฟ้องโจทก์เสียทีเดียว
of 20