คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1300

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 429 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินจากผู้ไม่มีสิทธิ การครอบครองปรปักษ์ และผลของการโอนที่ดินนอกระบบทะเบียน
ถึงจำเลยจะซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่มือเปล่ามาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนจาก ว. ผู้อาศัยโจทก์ จำเลยก็ไม่ได้สิทธิเพราะ ว.ไม่มีอำนาจเอาที่ดินของโจทก์ไปขายให้จำเลยกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ซึ่งเป็นเรื่องการโอนทางทะเบียนและผู้โอนมีชื่ออยู่ในทะเบียนเช่นโฉนดตราจอง
การที่จำเลยครอบครองที่พิพาท 28-29 ปี โดยไม่ได้ขออาศัยจากโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์ครอบครอง เพราะ ว. อยู่ในที่พิพาทฐานะผู้อาศัยจึงเป็นผู้ครอบครองแทนโจทก์ เมื่อ ว. ขายให้จำเลย จำเลยย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ ว.มีอยู่ คือเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของเท่านั้น เว้นแต่จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381
การแจ้งการครอบครองของจำเลยไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินจากผู้ไม่มีสิทธิ การครอบครองโดยไม่สุจริต และผลของการแจ้งการครอบครอง
ถึงจำเลยจะซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่มือเปล่ามาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนจาก ว. ผู้อาศัยโจทก์ จำเลยก็ไม่ได้สิทธิเพราะ ว. ไม่มีอำนาจเอาที่ดินของโจทก์ไปขายให้จำเลยกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ซึ่งเป็นเรื่องการโอนทางทะเบียนและผู้โอนมีชื่ออยู่ในทะเบียนเช่นโฉนดตราจอง
การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทมา 28-29 ปี โดยไม่ได้ขออาศัยจากโจทก์ก็ไม่ทำให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง เพราะ ว. อยู่ในที่พิพาทฐานะผู้อาศัยจึงเป็นผู้ครอบครองแทนโจทก์เมื่อ ว. ขายให้จำเลย จำเลยย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ ว. มีอยู่คือเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทแทนเจ้าของเท่านั้น เว้นแต่จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381
การแจ้งการครอบครองของจำเลยไม่ก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2314/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์ vs. สิทธิเจ้าหนี้จำนองจากการขายฝาก สิทธิใครเหนือกว่า
เดิมโจทก์ฟ้อง บ. ซึ่งเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่พิพาท โดยอ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปี คดีหนึ่ง และโจทก์ได้ฟ้อง บ. กับจำเลยคดีนี้ขอให้เพิกถอนนิติกรรม บ. นำที่พิพาทไปจดทะเบียนขายฝากจำเลยอีกคดีหนึ่ง แม้ศาลฎีกาได้พิพากษาคดีแรกว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ แต่ก็ได้พิพากษาคดีหลังว่าการขายฝากระหว่าง บ. กับจำเลยเป็นไปโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน ย่อมผูกพันโจทก์มิให้โต้เถียงได้อีกว่าการขายฝากที่พิพาทเป็นไปโดยสมยอมกัน การขายฝากสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์หาอาจฟ้องคดีใหม่ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการขายฝากได้ไม่ ทั้งโจทก์ก็ไม่มีทางไถ่ถอนได้เพราะเวลาไถ่ถอนได้ล่วงพ้นไปแล้ว การที่โจทก์ยังอยู่ในที่พิพาทมาตั้งแต่วันฟ้องแย้งย่อมเป็นการละเมิดสิทธิ์ของจำเลย โจทก์ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยตามฟ้องแย้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน, ความสมบูรณ์ของฟ้อง, แผนที่พิพาท, การซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริต และค่าเสียหายจากการละเมิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์เฉพาะภายในเส้นสีแดงประตามรูปแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง ปรากฏว่าตามรูปแผนที่ได้แสดงเขตที่กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกไว้ 3 ด้าน ด้านเหนือจดถนนสาธารณะ ด้านใต้จดลำน้ำแม่ประจันต์ ด้านตะวันตกจดลำห้วย แผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทำให้จำเลยเข้าใจได้แล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ในระหว่างการพิจารณาได้มีการทำแผนที่พิพาทใหม่ จำเลยที่ 2 ไม่รับรองความถูกต้อง แต่เป็นผลมาจากการที่จำเลยที่ 2 แถลงว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำแผนที่ใหม่ หากโจทก์จะทำแผนที่ใหม่ก็ให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมไปเอง ซึ่งเท่ากับจำเลยยินยอมให้โจทก์กระทำไปฝ่ายเดียวได้ แม้แผนที่พิพาทที่ทำมาใหม่ตามที่โจทก์นำชี้จะเหมือนกับแผนที่สังเขปท้ายฟ้องของโจทก์ ก็เป็นแผนที่พิพาทที่ชอบ และแม้คำขอท้ายฟ้องจะขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินภายในวงสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ ศาลก็มีอำนาจพิพากษาว่า ที่พิพาทในเส้นประสีแดงในแผนที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ หาได้พิพากษาผิดไปจากคำขอท้ายฟ้องแต่ประการใดไม่
เมื่อที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์เป็นผู้ครอบครอง การที่จำเลยร่วมซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีอำนาจโอนขาย จำเลยร่วมหาได้สิทธิในที่พิพาทไม่ ถึงหากจะซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตก็จะนำมาตรา 1299,1300 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับมิได้
จำเลยร่วมซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2 หลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว โดยคำแนะนำของทนายจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รู้ดีว่าโจทก์ จำเลยที่ 2 กำลังมีเรื่องพิพาทกันอยู่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทนี้ แต่ก็ยังแนะนำให้จำเลยร่วมซื้อจากจำเลยที่ 2 เมื่อเป็นเช่นนี้จะฟังว่าการซื้อขายที่ดินพิพาทของจำเลยร่วมเป็นไปโดยสุจริตหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิห้ามจำเลยร่วมเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทได้
เมื่อมีการละเมิดย่อมมีความเสียหาย การที่จำเลยที่1 ที่ 2 บุกรุกเข้าไปในที่พิพาทของโจทก์ โจทก์จึงได้รับความเสียหายที่ขาดประโยชน์อันควรจะได้รับในที่พิพาท แม้โจทก์จะยังไม่เข้าทำประโยชน์อย่างใดในที่พิพาท ศาลก็ยังกำหนดค่าเสียหายให้จำเลยชดใช้ให้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2302/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน, สิทธิครอบครอง, การซื้อขายที่ดินโดยไม่สุจริต, และค่าเสียหายจากการละเมิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์เฉพาะภายในเส้นสีแดงประตามรูปแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง ปรากฏว่าตามรูปแผนที่ได้แสดงเขตที่กล่าวหาว่าจำเลยบุกรุกไว้ 3 ด้าน ด้านเหนือจดถนนสาธารณะ ด้านใต้จดลำน้ำแม่ประจันต์ ด้านตะวันตกจดลำห้วย แผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาทำให้จำเลยเข้าใจได้แล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ในระหว่างการพิจารณาได้มีการทำแผนที่พิพาทใหม่ จำเลยที่ 2 ไม่รับรองความถูกต้อง แต่เป็นผลมาจากการที่จำเลยที่ 2 แถลงว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำแผนที่ใหม่ หากโจทก์จะทำแผนที่ใหม่ก็ให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมไปเอง ซึ่งเท่ากับจำเลยยินยอมให้โจทก์กระทำไปฝ่ายเดียวได้ แม้แผนที่พิพาทที่ทำมาใหม่ตามที่โจทก์นำชี้จะเหมือนกับแผนที่สังเขปท้ายฟ้องของโจทก์ ก็เป็นแผนที่พิพาทที่ชอบ และแม้คำขอท้ายฟ้องจะขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินภายในวงสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ ศาลก็มีอำนาจพิพากษาว่า ที่พิพาทในเส้นประสีแดงในแผนที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ หาได้พิพากษาผิดไปจากคำขอท้ายฟ้องแต่ประการใดไม่
เมื่อที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์เป็นผู้ครอบครอง การที่จำเลยร่วมซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีอำนาจโอนขาย จำเลยร่วมหาได้สิทธิ์ในที่พิพาทไม่ ถึงหากจะซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตก็จะนำมาตรา 1299, 1300 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบังคับมิได้
จำเลยร่วมซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2 หลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว โดยคำแนะนำของทนายจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รู้ดีว่าโจทก์ จำเลยที่ 2 กำลังมีเรื่องพิพาทกันอยู่เกี่ยวกับที่ดินพิพาทนี้ แต่ก็ยังแนะนำให้จำเลยร่วมซื้อจากจำเลยที่ 2 เมื่อเป็นเช่นนี้จะฟังว่าการซื้อขายที่ดินพิพาทของจำเลยร่วมเป็นไปโดยสุจริตหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิ์ห้ามจำเลยร่วมเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทได้
เมื่อมีการละเมิดย่อมมีความเสียหาย การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 บุกรุกเข้าไปในที่พิพาทของโจทก์ โจทก์จึงได้รับความเสียหายที่ขาดประโยชน์อันควรจะได้รับในที่พิพาท แม้โจทก์จะยังไม่เข้าทำประโยชน์อย่างใดในที่พิพาท ศาลก็ยังกำหนดว่าค่าเสียหายให้จำเลยชดใช้ให้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้ ผู้ซื้อไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องตกลงซื้อที่ดินมีโฉนดแต่ยังมิได้ชำระราคาครบถ้วน แม้ผู้ขายจะได้มอบที่ดินให้ครอบครองก็ถือว่า เป็นการครอบครองแทนผู้ขาย กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังเป็นของผู้ขายอยู่ยังมิได้ตกเป็นของผู้ร้อง เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิ์ยึดที่ดินแปลงดังกล่าวขายทอดตลาดชำระหนี้ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินยังไม่ชำระราคาครบถ้วน กรรมสิทธิ์ยังไม่ตกเป็นของผู้ซื้อ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดได้
ผู้ร้องตกลงซื้อที่ดินมีโฉนดแต่ยังมิได้ชำระราคาครบถ้วน แม้ผู้ขายจะได้มอบที่ดินให้ครอบครองก็ถือว่า เป็นการครอบครองแทนผู้ขาย กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังเป็นของผู้ขายอยู่ยังมิได้ตกเป็นของผู้ร้อง เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิยึดที่ดินแปลงดังกล่าวขายทอดตลาดชำระหนี้ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยโฉนดผิดพลาด โจทก์ทราบข้อเท็จจริงแต่ยังซื้อขาย ถือเป็นการได้สิทธิไม่สุจริต
น. มีที่ดินสองแปลงคือ ที่พิพาทและที่ดินโฉนดที่2785 น. ได้ขายที่พิพาทให้บิดาของภริยาจำเลย แต่ด้วยความเข้าใจผิดได้นำโฉนดที่ 2785 มาจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ บิดาของภริยาจำเลยครอบครองที่พิพาทมากว่า 30 ปีแล้วถึงแก่กรรม ภริยาจำเลยรับมรดกที่พิพาทแต่จดทะเบียนในโฉนดที่ 2785 แล้วจำเลยกับภริยาครอบครองที่พิพาทตลอดมาส่วนที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2785 น. ขายให้กับผู้มีชื่อโดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันในโฉนดสำหรับที่พิพาท แล้วโอนกันต่อมาจนตกเป็นของ จ. จ. จดทะเบียนโอนขายให้โจทก์เมื่อได้ความว่าโจทก์มีเจตนาจะซื้อที่ดินแปลงที่ จ.ครอบครองเป็นเจ้าของอยู่เป็นสำคัญยิ่งกว่าที่ดินแปลงตามหน้าโฉนดที่ถูกต้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธอ้างเอาที่พิพาทการมีชื่อ จ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนในโฉนดสำหรับที่พิพาท ไม่ทำให้ จ. มีสิทธิขายที่ดินตามหน้าโฉนดนี้เพราะที่ดินไม่ใช่ของ จ. เมื่อโจทก์รู้อยู่แล้วเช่นนี้ ยังรับซื้อและรับโอนทะเบียนมา ถือได้ว่าเป็นการได้สิทธิและได้จดทะเบียนสิทธิโดยไม่สุจริตไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโฉนดไขว้กัน โจทก์รู้ข้อเท็จจริงแต่ยังซื้อขาย ถือเป็นการได้สิทธิโดยไม่สุจริต
น. มีที่ดินสองแปลงคือ ที่พิพาทและที่ดินโฉนดที่ 2785 น. ได้ขายที่พิพาทให้กับบิดาของภริยาจำเลย แต่ด้วยความเข้าใจผิดได้นำโฉนดที่ 2785 มาจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ บิดาของภริยาจำเลยครอบครองที่พิพาทมากว่า 30 ปีแล้วถึงแก่กรรม ภริยาจำเลยรับมรดกที่พิพาทแต่จดทะเบียนในโฉนดที่ 2785 แล้วจำเลยกับภริยาครอบครองที่พิพาทตลอดมา ส่วนที่ดินตามโฉนดเลขที่ 2785 น. ขายให้กับผู้มีชื่อโดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันในโฉนดสำหรับที่พิพาท แล้วโอนกันต่อมาจนตกเป็นของ จ. จ. จดทะเบียนโอนขายให้โจทก์ เมื่อได้ความว่าโจทก์มีเจตนาจะซื้อที่ดินแปลงที่ จ. ครอบครองเป็นเจ้าของอยู่เป็นสำคัญยิ่งกว่าที่ดินแปลงตามหน้าโฉนดที่ถูกต้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์อ้างเอาที่พิพาท การมีชื่อ จ. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ทางทะเบียนในโฉนดสำหรับที่พิพาท ไม่ทำให้ จ. มีสิทธิ์ขายที่ดินตามหน้าโฉนดนี้เพราะที่ดินไม่ใช่ของ จ. เมื่อโจทก์รู้อยู่แล้วเช่นนี้ ยังรับซื้อและรับโอนทางทะเบียนมา ถือได้ว่าเป็นการได้สิทธิ์และได้จดทะเบียนสิทธิ์โดยไม่สุจริต ไม่มีสิทธิ์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 675/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดก, สิทธิในทรัพย์สินก่อนสมรส, การเพิกถอนการโอน, และการพิพากษาตามประมวลกฎหมายแพ่ง
โจทก์ยื่นคำร้องซึ่งเป็นเพียงแสดงให้ปรากฏต่อศาลชั้นต้นว่าหากศาลเห็นเป็นการสมควรหรือจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมก็ขอให้เรียกจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เข้ามาเป็นจำเลย ศาลชั้นต้นจึงใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) ข เรียกเข้ามา กรณีดังนี้ไม่อยู่ในบังคับว่าคำร้องดังกล่าวจะต้องยื่นพร้อมกับคำฟ้องเพื่อหมายเรียกตามมาตรา 57(3)
ผัวเมียที่แต่งงานกันก่อนวันใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 ทรัพย์สินซึ่งแม้จะเป็นเครื่องประดับใช้สำหรับแต่งตัวที่ผัวหรือเมียมีอยู่ก่อนแต่งงานที่มีราคาย่อมนำไปใช้เป็นทุนสำหรับประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพเกิดผลประโยชน์ได้ จึงเป็นสินเดิมของฝ่ายนั้น จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 มาใช้บังคับไม่ได้จึงอ้างว่าเป็นของใช้ประจำตัวพอเหมาะสมกับฐานะของผัวหรือเมียผู้มีทรัพย์สินนั้นและถือว่าเป็นสินส่วนตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1464(2) หาได้ไม่ ต้องถือว่ามีสินเดิม
บิดาครอบครองมรดกของมารดาแทนบุตรผู้เยาว์ แล้วบิดาแบ่งขายที่ดินมรดกไปบางส่วน ดังนี้ไม่เป็นพฤติการณ์ที่ถือว่าบิดาได้บอกกล่าวเปลี่ยนเจตนาแห่งการยึดถือทรัพย์ว่าจะไม่ยึดถือทรัพย์แทนบุตรต่อไปอันจะทำให้คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754
ทรัพย์มรดกย่อมตกทอดแก่ทายาททันทีเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่ความตายจำเลยที่ 1 เอามรดกของ ย. ภริยาเดิมส่วนที่ตกได้แก่บุตรซึ่งเป็นทายาทของ ย. ไปจดทะเบียนยกให้จำเลยที่ 2,3,4 บุตรซึ่งเกิดจากภรรยาคนใหม่โดยไม่มีสิทธิหรืออำนาจที่จะทำได้ตามกฎหมายพนักงานอัยการเพื่อประโยชน์แก่บุตรของ ย. ฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนเสียได้ กรณีไม่ใช่เรื่องจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเสียเปรียบแก่บุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน
ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แบ่งที่ดินพร้อมด้วยส่วนควบให้ทายาทของ ย. คนละ 1 ใน 30 ส่วน หากแบ่งไม่ได้ให้ประมูลระหว่างกันเองถ้าไม่ตกลงกันให้เอาออกขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วนโดยไม่กำหนดจำนวนเงินขึ้นสูงที่โจทก์ตีราคามาในฟ้อง ดังนี้เป็นการพิพากษาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 ซึ่งการที่ศาลไม่กำหนดจำนวนเงินตามที่ระบุในคำขอท้ายฟ้องก็เพราะราคาที่กล่าวในฟ้องเป็นเพียงการกำหนดราคาเพื่อคิดค่าธรรมเนียมศาล หาใช่ราคาที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ไม่จึงไม่เป็นการพิพากษานอกคำขอหรือไม่ชอบ
of 43