คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 ม. 6 วรรคหนึ่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9809/2560

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรรมเดียว แม้ฟ้องแยกกระทง
การที่จำเลยมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยมิได้ใบรับอนุญาต และใช้เครื่องวิทยุคมนาคมดังกล่าวเปิดดักรับเครือข่ายสื่อสารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยมิได้รับใบอนุญาต อันเป็นความผิดตามมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 แม้โจทก์บรรยายฟ้องแยกการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองมาคนละข้อ และจำเลยให้การรับสารภาพ แต่การทำ มี และใช้เครื่องรับและส่งวิทยุคมนาคมเป็นความผิดในบทมาตราเดียวกัน ดังนั้นการที่จำเลยมีเครื่องวิทยุคมนาคมแล้วนำมาใช้ดักรับเครือข่ายสื่อสารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันและเวลาเดียวกัน ถือว่าจำเลยมีเจตนาอันเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท – วิทยุคมนาคม – การลงโทษฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต
การที่จำเลยมีวิทยุคมนาคมไว้ก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้ และการที่จำเลยนำเครื่องวิทยุคมนาคมที่มีอยู่นั้นมาตั้งเป็นสถานีวิทยุคมนาคมขึ้นก็ด้วยเจตนาเพื่อใช้เช่นกัน แล้วจำเลยก็ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมตามรายการเดียวกัน การกระทำของจำเลยในสองฐานความผิดที่กล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเลยมีเจตนาเดียว เพื่อที่จะสามารถติดต่อด้วยเครื่องวิทยุคมนาคม จึงเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษเท่ากัน จึงต้องลงโทษจำเลยฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตเพียงบทเดียวตาม ป.อ. มาตรา 90 ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า ความผิดฐานมีเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต กับความผิดฐานตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดคนละกรรมกัน จึงไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5002/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปรับคลื่นวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามจำนวนเครื่อง
การที่จำเลยลักลอบปรับคลื่นวิทยุคมนาคมของโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตแล้วนำออกให้บริการแก่บุคคลทั่วไปโดยเรียกเงินค่าตอบแทนนั้น แม้จำเลยจะกระทำในวันเวลาเดียวกัน แต่ก็เป็นการกระทำที่สามารถแยกจากกันเป็นราย ๆ ตามจำนวนเครื่องวิทยุคมนาคมที่จำเลยใช้ลักลอบปรับคลื่นและนำออกให้บริการแก่บุคคลทั่วไปโดยเรียกเงินค่าตอบแทนได้
จำเลยนำเครื่องวิทยุคมนาคมที่จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 3 เครื่อง มาปรับแต่งคลื่นความถี่ให้ใช้ได้กับคลื่นความถี่ของ ย. ซึ่งได้รับอนุญาตจากการสื่อสารแห่งประเทศไทยให้เช่าใช้บริการแต่ผู้เดียว จำเลยมีเจตนากระทำความผิดแยกเป็นราย ๆ ไป ตามจำนวนเครื่องวิทยุคมนาคมที่จำเลยใช้ลักลอบปรับคลื่นวิทยุคมนาคม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 3 กระทง