คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 225

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,295 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์เกินกำหนด: แม้ระบุเป็นอุทธรณ์คำสั่ง แต่เนื้อหาเป็นการขอให้แก้คำพิพากษา จึงต้องยื่นภายในกำหนดอุทธรณ์
ในชั้นบังคับคดีจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งแก้ไขคำพิพากษาตามยอมโดยอ้างว่าจำเลยที่ 3 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์เพราะถูกโจทก์ฉ้อฉล ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ แม้จำเลยที่ 3 จะระบุไว้ในแบบพิมพ์อุทธรณ์ว่าเป็นการอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น แต่เนื้อหาในอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 มิได้เป็นการโต้แย้งคัดค้านคำสั่งดังกล่าว แต่เป็นการอ้างว่าจำเลยที่ 3 ถูกโจทก์ฉ้อฉลและขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นถือได้ว่าเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น หาใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่ง เมื่อจำเลยที่ 3 ยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดหนึ่งเดือน นับตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 แม้จำเลยที่ 3อ้างว่าเพิ่งทราบความจริงว่าโจทก์ฉ้อฉล ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 3 อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเกินกำหนดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1929/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: การร้องเรียนเท็จและหมิ่นประมาทผู้บังคับบัญชาเป็นเหตุเพียงพอต่อการเลิกจ้าง
การที่จะพิจารณาว่านายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างเป็นธรรมหรือไม่หากสาเหตุแห่งการเลิกจ้างเกิดแต่ด้านลูกจ้าง พึงพิจารณาว่าลูกจ้างได้กระทำหรืองดเว้นการกระทำอันใดหรือไม่ และการนั้น ๆเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานเป็นการเพียงพอแก่การเลิกจ้างหรือไม่เป็นสำคัญ ส่วนการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนลูกจ้างจะชอบหรือไม่ หรือคณะกรรมการสอบสวนมิได้ปฏิบัติตามข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานอย่างใด หาเป็นข้อสำคัญที่จะทำให้การเลิกจ้างเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมไม่
โจทก์ร้องเรียนกล่าวหาจำเลยที่ 2 ด้วยเรื่องอันเป็นเท็จ และเป็นการหมิ่นประมาทจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา พฤติการณ์ของโจทก์ถือได้ว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามข้อบังคับของจำเลยที่1 ข้อ 60(6) การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ด้วยเหตุนี้ จึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ศาลแรงงานกลางไม่ได้วินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์เป็นการกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชาหรือไม่ อุทธรณ์ของโจทก์ในข้อที่ว่าการกระทำของโจทก์มิใช่เป็นการกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา จึงเป็นอุทธรณ์ที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าและการคืนเงินมัดจำ กรณีจำเลยไม่ชำระเงิน และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการไม่ดูแลรักษา
โจทก์ทำสัญญาจะโอนสิทธิการเช่าตึกแถวให้จำเลยเมื่อจำเลยชำระเงินค่าสิทธิการเช่างวดสุดท้ายแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระเงินงวดสุดท้ายโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาซึ่งก็ต้องให้จำเลยกลับคืนสู่ฐานะเดิมและต้องคืนเงินที่รับไว้แล้วให้แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิริบเงินจำนวนดังกล่าว จำเลยมีสิทธิฟ้องแย้งเรียกเงินจำนวนดังกล่าวได้
ค่าเสียหายที่โจทก์ขอให้นำมาหักจากเงินที่ต้องคืนให้แก่จำเลยเป็นค่าเสียหายที่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกจากจำเลยในคดีนี้ และมิได้ให้การแก้ฟ้องแย้งในเรื่องค่าเสียหายดังกล่าวและขอหักไว้ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าและสิทธิในการเรียกคืนเงินค่าเช่าเมื่อเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน
โจทก์ทำสัญญาจะโอนสิทธิการเช่าตึกแถวให้จำเลยเมื่อจำเลยชำระเงินค่าสิทธิการเช่างวดสุดท้ายแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระเงินงวดสุดท้ายโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาซึ่งก็ต้องให้จำเลยกลับคืนสู่ฐานะเดิมและต้องคืนเงินที่รับไว้แล้วให้แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิริบเงินจำนวนดังกล่าว จำเลยมีสิทธิฟ้องแย้งเรียกเงินจำนวนดังกล่าวได้
ค่าเสียหายที่โจทก์ขอให้นำมาหักจากเงินที่ต้องคืนให้แก่จำเลยเป็นค่าเสียหายที่โจทก์มิได้ฟ้องเรียกจากจำเลยในคดีนี้ และมิได้ให้การแก้ฟ้องแย้งในเรื่องค่าเสียหายดังกล่าวและขอหักไว้ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: ข้อเท็จจริงไม่ชัดเจนว่าจำเลยให้สัมภาษณ์ใส่ความโจทก์ การอุทธรณ์เรื่องเจตนาจึงไม่เป็นประโยชน์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์หมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟังไม่ได้ว่าจำเลยให้สัมภาษณ์ใส่ความโจทก์เสียแล้ว ปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า คำให้สัมภาษณ์ของจำเลยจะเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 หรือไม่ ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์แต่ประการใดแม้เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: จำเลยให้สัมภาษณ์ ไม่ได้ใส่ความโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์หมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยฟังไม่ได้ว่าจำเลยให้สัมภาษณ์ใส่ความโจทก์เสียแล้ว ปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า คำให้สัมภาษณ์ของจำเลยจะเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 หรือไม่ ย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์แต่ประการใดแม้เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์จึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาวินิจฉัยคดี: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้ไขข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องแม้ทุนทรัพย์น้อย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3จำเลยที่ 2 ที่ 3 ปฏิเสธว่ามิได้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 รับว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและกระทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ดังนี้ โจทก์ต้องนำสืบต่อไปว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ดังที่ฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้นำสืบเช่นนั้น การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย จึงเป็นการนำข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาวินิจฉัยให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นปัญหาข้อกฎหมาย มิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจรับฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน แม้ทุนทรัพย์คดีไม่เกิน 20,000 บาท ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราตามประเพณีการค้า: ข้อตกลงคิดดอกเบี้ยเกินอัตราเป็นโมฆะ แม้โจทก์ยินยอม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 วรรคสอง เป็นข้อยกเว้นให้คิดดอกเบี้ยทบต้นตามประเพณีการค้าได้เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา จำเลยจะยกความในมาตรานี้เป็นข้ออ้างเพื่อคิดดอกเบี้ยเกินอัตราหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระเงินค่าข้าวโพดส่วนหนึ่งที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์จำเลยให้การว่าเงินดังกล่าวเป็นต้นเงินและดอกเบี้ยที่จำเลยมีสิทธิหักได้ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า 'จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่เพียงใด' ดังนี้การวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวต้องวินิจฉัยด้วยว่าจำเลยมีสิทธิหักดอกเบี้ยไว้หรือไม่ปัญหาดอกเบี้ยเกินอัตราจึงเป็นเรื่องที่ได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลชั้นต้น นอกจากนี้ปัญหาเรื่องดอกเบี้ยเกินอัตราเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้มิได้ว่ากล่าวในศาลชั้นต้น คู่ความก็มีสิทธิยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, สัญญา, การปิดอากรแสตมป์, ฟ้องเคลือบคลุม: ประเด็นสำคัญในการรับสภาพหนี้
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญารับสภาพหนี้ที่จำเลยทำกับโจทก์มิได้ฟ้องให้รับผิดฐานละเมิด จึงไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าใครเป็นผู้ขับรถยนต์ชนโจทก์อย่างไร ทั้งโจทก์ได้บรรยายถึงจำนวนเงินส่วนที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ตามสัญญา จึงเป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ปัญหาว่าใบมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกประเด็นข้อนี้ขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น เพิ่งจะยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียงคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างได้ ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีซึ่งมอบอำนาจให้กระทำครั้งเดียวคดีเดียวมิใช่ใบมอบอำนาจทั่วไป ปิดอากรแสตมป์ 10 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องตามสัญญารับสภาพหนี้ และการยกข้อต่อสู้เรื่องอากรแสตมป์ในชั้นอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญารับสภาพหนี้ที่จำเลยทำให้ไว้แก่โจทก์ มิได้ฟ้องให้รับผิดฐานละเมิด จึงไม่ต้องบรรยายฟ้องว่าใครเป็นผู้ขับรถยนต์ชนโจทก์อย่างไร ทั้งโจทก์ได้บรรยายถึงจำนวนเงินส่วนที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ตามสัญญา จึงเป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ปัญหาว่าใบมอบอำนาจปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกประเด็นข้อนี้ขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้น เพิ่งจะยกขึ้นเป็นข้อโต้เถียงคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ก็ตาม จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างได้
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีซึ่งมอบอำนาจให้กระทำครั้งเดียวคดีเดียวมิใช่ใบมอบอำนาจทั่วไป ปิดอากรแสตมป์ 10 บาท.
of 130