พบผลลัพธ์ทั้งหมด 427 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยการโอนโดยข้อเท็จจริง แม้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือก็มีผลผูกพันได้ หากมีการสละเจตนาครอบครอง
จำเลยขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ร้อง และสละเจตนาครอบครองที่พิพาทให้ผู้ร้องแล้วตั้งแต่วันทำสัญญา ดังนี้การครอบครองของจำเลยย่อมสิ้นสุดลง ผู้ร้องเข้ายึดถือที่พิพาทโดยเจตนายึดถือเพื่อตน จึงได้สิทธิครอบครองทันทีที่จำเลยสละเจตนาครอบครอง
การโอนโดยข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377,1378 นั้น มีผลบังคับกันได้ ไม่ต้องมีแบบอยู่ในตัวการที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนหาทำให้การซื้อขายเป็นโมฆะไม่
การโอนโดยข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377,1378 นั้น มีผลบังคับกันได้ ไม่ต้องมีแบบอยู่ในตัวการที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนหาทำให้การซื้อขายเป็นโมฆะไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนโดยข้อเท็จจริงและการได้มาซึ่งสิทธิครอบครองที่ดินโดยชอบธรรม
จำเลยขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ร้อง และสละเจตนาครอบครองที่พิพาทให้ผู้ร้องแล้วตั้งแต่วันทำสัญญา ดังนี้ การครอบครองของจำเลยย่อมสิ้นสุดลง ผู้ร้องเข้ายึดถือที่พิพาทโดยเจตนายึดถือเพื่อตน จึงได้สิทธิครอบครอบทันทีที่จำเลยสละเจตนาครอบครอง
การโอนโดยข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1377, 1378 นั้น มีผลบังคับกันได้ ไม่ต้องมีแบบอยู่ในตัว การที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนหาทำให้การซื้อขายเป็นโมฆะไม่
การโอนโดยข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1377, 1378 นั้น มีผลบังคับกันได้ ไม่ต้องมีแบบอยู่ในตัว การที่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนหาทำให้การซื้อขายเป็นโมฆะไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712-713/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนมรดกเพื่อชำระหนี้และการแบ่งมรดกที่สมบูรณ์ ทายาทมีสิทธิเรียกร้องได้หรือไม่
โจทก์ที่ 1 มีสิทธิได้รับมรดกที่ดินมือเปล่าตามพินัยกรรมตามส่วนของตน แต่ได้แสดงเจตนายกที่ดินมรดกส่วนของตนตีใช้หนี้ ส.แล้ว โจทก์ที่ 1 ย่อมหมดสิทธิในที่ดินมรดก ส.ได้สิทธิครอบครอง ถือว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับมรดกตามพินัยกรรมแล้ว และกรณีไม่ใช่เรื่องสละมรดก จึงไม่ต้องทำตามแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612 โจทก์ที่ 1 ไม่มีอำนาจมาฟ้องเรียกเอาที่ดินมรดกอีก
การแบ่งที่ดินมรดกให้แก่ทายาทได้แบ่งในคราวเดียวกัน โจทก์ที่ 2 ได้รับเอาที่ดินมรดกมา 3 งานเศษ ยังขาดอยู่ 80 ตารางวาเศษ ทั้งๆ ที่รู้ข้อความในพินัยกรรมดี แต่ก็ไม่ทักท้วง และได้ขายส่วนของตนที่ได้รับมาทั้งหมดให้แก่ ส.ในวันเดียวกันนั้น ทายาททุกคนพอใจในการแบ่งมรดกและได้ถือเอาที่ดินมรดกส่วนแบ่งที่ได้รับมาเป็นของตนเแล้ว จึงถือว่าผู้จัดการมรดกได้จัดแบ่งที่ดินมรดกเสร็จโดยสมบูรณ์ โจทก์ที่ 2 พอใจในการแบ่งมรดกแล้ว จึงไม่มีอำนาจมาฟ้องเอาส่วนแบ่งอีก มิใช่เรื่องการสละมรดกเช่นเดียวกัน
การแบ่งที่ดินมรดกให้แก่ทายาทได้แบ่งในคราวเดียวกัน โจทก์ที่ 2 ได้รับเอาที่ดินมรดกมา 3 งานเศษ ยังขาดอยู่ 80 ตารางวาเศษ ทั้งๆ ที่รู้ข้อความในพินัยกรรมดี แต่ก็ไม่ทักท้วง และได้ขายส่วนของตนที่ได้รับมาทั้งหมดให้แก่ ส.ในวันเดียวกันนั้น ทายาททุกคนพอใจในการแบ่งมรดกและได้ถือเอาที่ดินมรดกส่วนแบ่งที่ได้รับมาเป็นของตนเแล้ว จึงถือว่าผู้จัดการมรดกได้จัดแบ่งที่ดินมรดกเสร็จโดยสมบูรณ์ โจทก์ที่ 2 พอใจในการแบ่งมรดกแล้ว จึงไม่มีอำนาจมาฟ้องเอาส่วนแบ่งอีก มิใช่เรื่องการสละมรดกเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองที่ดิน และอำนาจฟ้องเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขาย
เมื่อ พ.ศ.2497 โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ จ. ได้แจ้งชื่อโจทก์ จ. และบุตรโจทก์ 2 คน ที่เกิดกับสามีคนเดิมเป็นผู้ครอบครองที่ดินมือเปล่าเพื่อขอออกตราจองหลังจากนั้นไม่นานโจทก์ทะเลาะกับภรรยาหลวงแล้วอพยพไปอยู่ต่างจังหวัดไปได้สามีใหม่ ทางราชการออกตราจองให้ในปี พ.ศ.2499 โจทก์ไม่ได้มารับและไม่เคยกลับมาที่พิพาทอีกเลยเห็นได้ว่าโจทก์ได้สละเจตนาครอบครองไปก่อนออกตราจองแล้วโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนการจดทะเบียนการซื้อขายที่พิพาทอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองที่ดินหลังได้รับตราจอง ทำให้ขาดอำนาจฟ้องเพิกถอนการซื้อขาย
เมื่อ พ.ศ. 2497 โจทก์ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ จ. ได้แจ้งชื่อโจทก์ จ.และบุตรโจทก์ 2 คนที่เกิดกับสามีคนเดิมเป็นผู้ครอบครองที่ดินมือเปล่าเพื่อขออกตราจองหลังจากนั้นไม่นานโจทก์ทะเลาะกับภรรยาาหลวงแล้วอพยพไปอยู่ต่างจังหวัดไปได้สามีใหม่ทางราชการออกตราจองให้ในปี พ.ศ. 2499 โจทก์ไม่ได้มารับ และไม่เคยกลับมาที่พิพาทอีกเลย เห็นได้ว่าโจทก์ได้สละเจตนาครอบครองไปก่อนออกตราจองแล้ว โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนการจดทะเบียนการซื้อขายที่พิพาทอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2792/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้ราชการไม่สมบูรณ์หากไม่ใช้ตามวัตถุประสงค์ และการแย่งการครอบครองต้องมีพฤติการณ์ชัดเจน
ทำหนังสือไว้ต่ออำเภอว่า ยินดียกที่ดินมือเปล่าให้แก่ทางราชการ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปลูกสร้างสถานที่ราชการต่าง ๆ โดยไม่คิดมูลค่านั้น เป็นการจะยกที่ดินให้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สร้างสถานที่ราชการเท่านั้น เมื่อทางราชการไม่ใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์ของผู้ยกให้และไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องอะไรในที่ดิน ก็ยังถือไม่ได้ว่าที่ดินตกเป็นของทางราชการแล้ว
การนับเวลาฟ้องร้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1375 ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการแย่งการครอบครองในวันที่จะเริ่มนับเวลาการแย่งการครอบครอง ที่พิพาทโจทก์มีสิทธิ์ครอบครอง การที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) คลุมถึงที่พิพาทให้จำเลยไปโดยโจทก์ไม่ทราบ ไม่ได้มาระวังแนวเขต จำเลยยืนยันให้เจ้าพนักงานทำการรังวัดเอง โดยให้คำรับรองว่าหากเกิดผิดพลาดเสียหายประการใดจำเลยยอมรับผิดชอบเองทั้งสิ้น และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงการครอบครองที่พิพาทอย่างไร ดังนี้ ฟังไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครอง กำหนดเวลาฟ้องร้องจึงยังไม่เริ่มนับ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 468/2508)
การนับเวลาฟ้องร้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1375 ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการแย่งการครอบครองในวันที่จะเริ่มนับเวลาการแย่งการครอบครอง ที่พิพาทโจทก์มีสิทธิ์ครอบครอง การที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) คลุมถึงที่พิพาทให้จำเลยไปโดยโจทก์ไม่ทราบ ไม่ได้มาระวังแนวเขต จำเลยยืนยันให้เจ้าพนักงานทำการรังวัดเอง โดยให้คำรับรองว่าหากเกิดผิดพลาดเสียหายประการใดจำเลยยอมรับผิดชอบเองทั้งสิ้น และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงการครอบครองที่พิพาทอย่างไร ดังนี้ ฟังไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครอง กำหนดเวลาฟ้องร้องจึงยังไม่เริ่มนับ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 468/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2792/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้รัฐเพื่อสร้างสถานที่ราชการ และการแย่งการครอบครองที่ดิน การฟ้องเพิกถอน น.ส.3
ทำหนังสือไว้ต่ออำเภอว่า ยินดียกที่ดินมือเปล่าให้แก่ทางราชการ เพื่อใช้เป็นสถานที่ปลูกสร้างสถานที่ราชการต่างๆโดยไม่คิดมูลค่านั้น เป็นการจะยกที่ดินให้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สร้างสถานที่ราชการเท่านั้น เมื่อทางราชการไม่ใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์ของผู้ยกให้และไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องอะไรในที่ดิน ก็ยังถือไม่ได้ว่าที่ดินตกเป็นของทางราชการแล้ว
การนับเวลาฟ้องร้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1375 ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการแย่งการครอบครองในวันที่จะเริ่มนับเวลาการแย่งการครอบครอง ที่พิพาทโจทก์มีสิทธิครอบครอง การที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) คลุมถึงที่พิพาทให้จำเลยไปโดยโจทก์ไม่ทราบ ไม่ได้มาระวังแนวเขตจำเลยยืนยันให้เจ้าพนักงานทำการรังวัดเอง โดยให้คำรับรองว่าหากเกิดผิดพลาดเสียหายประการใดจำเลยยอมรับผิดชอบเองทั้งสิ้น และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงการครอบครองที่พิพาทอย่างไร ดังนี้ ฟังไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครองกำหนดเวลาฟ้องร้องจึงยังไม่เริ่มนับ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 468/2508)
การนับเวลาฟ้องร้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1375 ต้องมีพฤติการณ์แสดงออกถึงการแย่งการครอบครองในวันที่จะเริ่มนับเวลาการแย่งการครอบครอง ที่พิพาทโจทก์มีสิทธิครอบครอง การที่เจ้าพนักงานออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) คลุมถึงที่พิพาทให้จำเลยไปโดยโจทก์ไม่ทราบ ไม่ได้มาระวังแนวเขตจำเลยยืนยันให้เจ้าพนักงานทำการรังวัดเอง โดยให้คำรับรองว่าหากเกิดผิดพลาดเสียหายประการใดจำเลยยอมรับผิดชอบเองทั้งสิ้น และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แสดงการครอบครองที่พิพาทอย่างไร ดังนี้ ฟังไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครองกำหนดเวลาฟ้องร้องจึงยังไม่เริ่มนับ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 468/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองบ้านในที่สาธารณะ การซื้อขายโดยไม่จดทะเบียน และสิทธิการฟ้องขับไล่
จำเลยปลูกบ้านอาศัยในที่สาธารณะ จำเลยหามีกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาทไม่ คงมีแต่สิทธิ์ครอบครองเท่านั้น (อ้างฎีกาที่ 1405/2515) ต่อมาจำเลยขายบ้านพร้อมที่ดินดังกล่าวแก่โจทก์ โดยทำหนังสือซื้อขายกันเอง ชำระราคากันครบถ้วนและยอมส่งมอบบ้านให้แก่โจทก์ ดังนี้เป็นการแสดงเจตนาสละการครอบครองบ้านดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยขออาศัยอยู่ในบ้านพิพาทต่อมานั้น เป็นการครอบครองแทนโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองเรือนและยุ้งข้าว แม้ซื้อขายไม่จดทะเบียน แต่ผู้ขายสละการครอบครองแล้ว กรรมสิทธิ์จึงเป็นของผู้ซื้อ
ที่ดินมี น.ส. 3 ผู้เป็นเจ้าของมีแต่เพียงสิทธิครอบครอง จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเรือนและยุ้งข้าวที่ปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าว จึงมีแต่สิทธิครอบครองเช่นเดียวกัน เมื่อผู้ร้องซื้อเรือนและยุ้งข้าวจากจำเลยโดยชำระราคาและรับมอบการครอบครองแล้ว ย่อมเป็นการแสดงเจตนาสละการครอบครองของจำเลย แม้การซื้อขายไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะก็ตาม การครอบครองของจำเลยก็สิ้นสุดลง เรือนและยุ้งข้าวดังกล่าวจึงเป็นของผู้ร้อง โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองบ้านบนที่ดิน น.ส.3 แม้สัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ
จำเลยขายฝากที่ดิน น.ส.3 พร้อมบ้านพิพาทซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินดังกล่าวไว้กับ ส. แล้วไม่ไถ่คืนภายในกำหนด ต่อมา ส. ขายที่ดินและบ้านดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องโดยทำสัญญาซื้อขายกันเอง ดังนี้ แม้สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทระหว่าง ส. กับผู้ร้องเป็นโมฆะ เพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ดี แต่บ้านพิพาทปลูกอยู่บนที่ดิน น.ส.3 ซึ่งมีได้แต่สิทธิครอบครอง บ้านพิพาทอันเป็นส่วนควบของที่ดินดังกล่าวจึงมีได้แต่เพียงสิทธิครอบครองเช่นเดียวกัน เมื่อ ส. ได้สละเจตนาครอบครองบ้านพิพาทให้ผู้ร้อง การครอบครองของ ส. ก็นิ้นลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 และผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนก็ได้ไปซึ่งการครอบครองตามมาตรา 1378 จำเลยไม่มีสิทธิใด ๆ ในบ้านพิพาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดบ้านพิพาทเพื่อขายทอดตลาด