พบผลลัพธ์ทั้งหมด 427 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละที่ดินเพื่อสร้างวัด และการได้มาซึ่งที่ดินโดยการครอบครองของวัด
การที่เจ้าของที่ดินที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่จัดสร้างวัดขึ้นในที่ดินแล้วถวายให้เป็นวัดและทางราชการได้ประกาศตั้งให้เป็นสำนักสงฆ์ ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์แล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นวัดตามกฎหมายวัดย่อมเป็นนิติบุคคลซึ่งมีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลซึ่งมีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดา ตาม ป.พ.พ. วัดจึงอาจได้ที่ดินมาโดยทางครอบครองได้
(อ้างฎีกา 1253/2481, 944-945/2497)
เจ้าของที่ดินที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญมอบการครอบครองที่ดินที่สร้างวัดและสิ่งปลูกสร้างถวายให้เป็นของวัดและวัดเข้าครอบครองแล้ว ก็ถือได้ว่าเจ้าของที่ดินสละการครอบครองไม่ต้องทำเป็นหนังสือหรือจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองให้แต่ประการใด (อ้างฎีกาที่ 541/2500)
เมื่อเจ้าของที่ดินยังไม่มีหนังสือสำคัญสละการครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถวายวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว เจ้าของที่ดินนั้นก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่หรือห้ามพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็นเจ้าอาวาสได้
(อ้างฎีกา 1253/2481, 944-945/2497)
เจ้าของที่ดินที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญมอบการครอบครองที่ดินที่สร้างวัดและสิ่งปลูกสร้างถวายให้เป็นของวัดและวัดเข้าครอบครองแล้ว ก็ถือได้ว่าเจ้าของที่ดินสละการครอบครองไม่ต้องทำเป็นหนังสือหรือจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองให้แต่ประการใด (อ้างฎีกาที่ 541/2500)
เมื่อเจ้าของที่ดินยังไม่มีหนังสือสำคัญสละการครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถวายวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแล้ว เจ้าของที่ดินนั้นก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่หรือห้ามพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็นเจ้าอาวาสได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ การสละการครอบครอง และอายุความฟ้องแย้ง กรณีพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน
ในคดีสองสำนวน โจทก์จำเลยต่างผลัดกันเป็นโจทก์ร้องฟ้องกันเกี่ยวกับที่พิพาทรายเดียวกัน แต่คดีหลังฟ้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฎว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง (ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่า โจทก์ได้สละการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง (แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ.
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฎว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง (ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่า โจทก์ได้สละการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง (แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งเรื่องการครอบครองที่ดินไม่ขาดอายุความ แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์เคยครอบครองก่อนหน้า หากโจทก์สละการครอบครองแล้วกลับเข้าครอบครองใหม่
ในคดีสองสำนวน โจทก์จำเลยต่างผลัดกันเป็นโจทก์ร้องฟ้องกันเกี่ยวกับที่พิพาทรายเดียวกัน แต่คดีหลังฟ้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฏว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง(ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่าโจทก์ได้สละการครอบครอง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง(แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ
ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า แม้จำเลยจะรับว่าโจทก์ได้เข้าทำนาในที่พิพาทมาเกิน 1 ปีแล้ว แต่ปรากฏว่าในคดีอีกสำนวนหนึ่ง(ระหว่างโจทก์กับจำเลยในคดีนี้) โจทก์แถลงต่อศาลว่าจะออกจากที่พิพาทไป ดังนี้ถือว่าโจทก์ได้สละการครอบครอง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1377 แล้ว โจทก์กลับมาแย่งการครอบครองใหม่ จำเลยจึงฟ้อง(แย้ง) เมื่อนับแต่วันโจทก์แถลงสละการครอบครองจนถึงวันจำเลยฟ้องแย้งยังไม่เกิน 1 ปี คดีของจำเลยจึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้และมอบครอบครองทำให้ได้สิทธิครอบครองโดยสมบูรณ์ แม้ไม่ได้ทำหนังสือและจดทะเบียน
การยกให้ที่ดินมือเปล่าและมอบการครอบครองให้ผู้รับย่อมได้สิทธิครอบครองโดยสมบูรณ์ โดยมิต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่
ตาม มาตรา15 พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479เพียงแต่ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งผู้เข้าครอบครองที่ดินโดยไม่รับอนุญาตให้ออกไปจากที่ดินนั้นได้ผู้ขัดคำสั่งมีผิดไม่ใช่ให้มีอำนาจออกใบเหยียบย่ำทับที่เขาแล้วให้ผู้รับใบเหยียบย่ำมาฟ้องขับไล่เอาเอง
ตาม มาตรา15 พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479เพียงแต่ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งผู้เข้าครอบครองที่ดินโดยไม่รับอนุญาตให้ออกไปจากที่ดินนั้นได้ผู้ขัดคำสั่งมีผิดไม่ใช่ให้มีอำนาจออกใบเหยียบย่ำทับที่เขาแล้วให้ผู้รับใบเหยียบย่ำมาฟ้องขับไล่เอาเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้สิทธิครอบครองที่ดินจากการยกให้และมอบการครอบครองโดยไม่ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือ
การยกให้ที่ดินมือเปล่าและมอบการครอบครองให้ ผู้รับย่อมได้สิทธิครอบครองโดยสมบูรณ์ โดยมิต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่
ตาม ม.15 พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 เพียงแต่ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งผู้เข้ามาครอบครองที่ดินโดยไม่รับอนุญาตให้ออกไปจากที่ดินนั้นได้ ผู้ขัดคำสั่งมีผิด ไม่ใช่ให้มีอำนาจออกใบเหยียบย่ำทับที่เขาแล้วให้ผู้รับใบเหยียบย่ำมาฟ้องขับไล่เอาเอง.
ตาม ม.15 พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 เพียงแต่ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งผู้เข้ามาครอบครองที่ดินโดยไม่รับอนุญาตให้ออกไปจากที่ดินนั้นได้ ผู้ขัดคำสั่งมีผิด ไม่ใช่ให้มีอำนาจออกใบเหยียบย่ำทับที่เขาแล้วให้ผู้รับใบเหยียบย่ำมาฟ้องขับไล่เอาเอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินเมื่อเจ้าของเดิมคืนที่: แม้เช่าก็ไม่มีสิทธิขัดขวาง
เมื่อปรากฏว่าที่นาพิพาทที่จำเลยเช่าทำนั้นอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์และเจ้าของนาได้ยินยอมคืนให้โจทก์แล้วจำเลยผู้เช่าเป้นแต่เพียงผู้ครอบครองแทนเจ้าของ เมื่อเจ้าของยอมคืนไปแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่อย่างใดที่จะมาขัดขวาง
การครอบครองที่ดินในโฉนดของผู้อื่นเช่นในกรณีนี้ เมื่อผู้ครอบครองคืนที่ให้เจ้าของโฉนด(โจทก์)หรือสละทิ้งที่นั้นแล้วเจ้าของโฉนดในที่ตรงนั้น(โจทก์) ย่อมเข้าครอบครองถืออำนาจเป็นเจ้าของได้ต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนแก้ทางทะเบียนประการใด.
การครอบครองที่ดินในโฉนดของผู้อื่นเช่นในกรณีนี้ เมื่อผู้ครอบครองคืนที่ให้เจ้าของโฉนด(โจทก์)หรือสละทิ้งที่นั้นแล้วเจ้าของโฉนดในที่ตรงนั้น(โจทก์) ย่อมเข้าครอบครองถืออำนาจเป็นเจ้าของได้ต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนแก้ทางทะเบียนประการใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโฉนด: สิทธิของเจ้าของโฉนดเมื่อผู้เช่าคืนที่ดิน
เมื่อปรากฏว่าที่นาพิพาทที่จำเลยเช่าทำนั้นอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์และเจ้าของนาได้ยินยอมคืนให้โจทก์แล้วจำเลยผู้เช่าเป็นแต่เพียงผู้ครอบครองแทนเจ้าของเมื่อเจ้าของยอมคืนไปแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิหรือหน้าที่อย่างใดที่จะมาขัดขวาง
การครอบครองที่ดินในโฉนดของผู้อื่นเช่นในกรณีนี้เมื่อผู้ครอบครองคืนที่ให้เจ้าของโฉนด(โจทก์)หรือสละทิ้งที่นั้นแล้วเจ้าของโฉนดในที่ตรงนั้น(โจทก์) ย่อมเข้าครอบครองถืออำนาจเป็นเจ้าของได้ต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนแก้ทางทะเบียนประการใด
การครอบครองที่ดินในโฉนดของผู้อื่นเช่นในกรณีนี้เมื่อผู้ครอบครองคืนที่ให้เจ้าของโฉนด(โจทก์)หรือสละทิ้งที่นั้นแล้วเจ้าของโฉนดในที่ตรงนั้น(โจทก์) ย่อมเข้าครอบครองถืออำนาจเป็นเจ้าของได้ต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนแก้ทางทะเบียนประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละที่ดินเพื่อสร้างมหาวิทยาลัย และผลของการไม่สร้างตามข้อตกลง ศาลต้องฟังพยานหลักฐานเพิ่มเติม
โจทก์อ้างว่าที่พิพาทหนี้จำเลยที่ 1 สละสิทธิยกให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดตั้งมหาวิทยาลัย แต่จำเลยที่ 1 โต้เถียงว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ตกลงกันว่าถ้าทางราชการได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นโดยแท้จริงแล้วจำเลยที่ 1 ยอมยกที่พิพาทให้เปล่าโดยไม่คิดมูลค่า และจะได้ทำนิติกรรมต่อคณะกรรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ให้เป็นการถูกต้องภายหลัง แต่ก็หาได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นไม่ เช่นนี้ถือว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้ยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สละสิทธิยกที่พิพาทให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับตั้งมหาวิทยาลัย จึงจำเป็นจะต้องฟังหลักฐานพยานต่อไปจนสิ้นกระแสร์ความ ศาลจะสั่งงดสืบพยานเสียยังไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละที่ดินเพื่อสร้างมหาวิทยาลัย: เงื่อนไขการสละและการพิสูจน์เจตนา
โจทก์อ้างว่าที่พิพาทนี้จำเลยที่ 1 สละสิทธิยกให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดตั้งมหาวิทยาลัย แต่จำเลยที่ 1 โต้เถียงว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ได้ตกลงกันว่าถ้าทางราชการได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นโดยแท้จริงแล้วจำเลยที่ 1 ยอมยกที่พิพาทให้เปล่าโดยไม่คิดมูลค่าและจะได้ทำนิติกรรมต่อคณะกรมการอำเภอเจ้าของท้องที่ให้เป็นการถูกต้องภายหลัง แต่ก็หาได้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นไม่เช่นนี้ถือว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้ยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้สละสิทธิยกที่พิพาทให้แก่ทางราชการเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับตั้งมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นจะต้องฟังหลักฐานพยานต่อไปจนสิ้นกระแสความ ศาลจะสั่งงดสืบพยานเสียยังไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิครอบครองที่ดิน: เมื่ออุทิศที่ดินให้ทางราชการ ย่อมสิ้นสุดสิทธิในที่ดินนั้น
เจ้าของที่ดินมือเปล่าได้อุทิศที่ดินให้แก่กระทรวงศึกษาธิการเพื่อใช้เป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยและโรงเรียนแล้วเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของที่ดินนั้นได้สละเจตนาครอบครองแล้วการครอบครองย่อมสิ้นสุดลงหมดสิทธิในที่ดินนั้นต่อไปไม่มีทางจะเอาคืนได้