พบผลลัพธ์ทั้งหมด 427 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7149/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยไม่จดทะเบียน & สิทธิครอบครอง - ผลของการจำนองโดยผู้มิใช่เจ้าของ
จำเลยขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ผู้ร้องโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนโอนสิทธิกันตาม ป.ที่ดิน มาตรา4 ทวิ แต่การที่ผู้ร้องได้รับการครอบครองแล้ว ผู้ร้องย่อมได้สิทธิครอบครองไปตามป.พ.พ. มาตรา 1377 และ 1378
เมื่อจำเลยผู้จำนองมิใช่เจ้าของที่ดินนำที่ดินไปจำนอง เป็นการต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 705 การจำนองจึงไม่มีผล โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับจำนองสุจริตหรือไม่
การได้ที่ดินมาโดยการซื้อขายและด้วยวิธีส่งมอบการครอบครองเป็นการได้มาโดยทางนิติกรรม ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 1299 วรรคสอง
เมื่อจำเลยผู้จำนองมิใช่เจ้าของที่ดินนำที่ดินไปจำนอง เป็นการต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 705 การจำนองจึงไม่มีผล โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับจำนองสุจริตหรือไม่
การได้ที่ดินมาโดยการซื้อขายและด้วยวิธีส่งมอบการครอบครองเป็นการได้มาโดยทางนิติกรรม ไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 1299 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6588/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน เกิน 1 ปี หมดสิทธิฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
จำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์เมื่อเดือนสิงหาคมหรือกันยายน2532แต่โจทก์ยื่นฟ้องเอาคืนการครอบครองเมื่อวันที่13พฤศจิกายน2533เกินกว่า1ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองโจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375วรรคสอง ระหว่างที่จำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองแม้โจทก์จะรื้อถอนกระท่อมที่จำเลยปลูกแล้วก็ตามแต่จำเลยก็ยังไม่ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทกรณีจึงไม่ต้องเริ่มนับระยะเวลาการแย่งการครอบครองใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6588/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไม่ทำให้เริ่มนับอายุความใหม่
จำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์เมื่อเดือนสิงหาคมหรือกันยายน2532แต่โจทก์ยื่นฟ้องเอาคืนการครอบครองเมื่อวันที่13พฤศจิกายน2533ซึ่งเกินกว่า1ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองโจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375วรรคสอง ระหว่างที่จำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองแม้โจทก์จะรื้อถอนกระท่อมที่จำเลยปลูกแล้วก็ตามแต่จำเลยก็ยังไม่ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทกรณีจึงไม่ต้องเริ่มนับระยะเวลาการแย่งการครอบครองใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6588/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินเกิน 1 ปี ทำให้ขาดสิทธิฟ้อง แม้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
จำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์เมื่อเดือนสิงหาคมหรือกันยายน 2532 แต่โจทก์ยื่นฟ้องเอาคืนการครอบครองเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2533 ซึ่งเกินกว่า 1 ปี นับแต่ถูกแย่งการครอบครองโจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 วรรคสอง ระหว่างที่จำเลยเข้าไปแย่งการครอบครอง แม้โจทก์จะรื้อถอนกระท่อมที่จำเลยปลูกแล้วก็ตาม แต่จำเลยก็ยังไม่ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทกรณีจึงไม่ต้องเริ่มนับระยะเวลาการแย่งการครอบครองใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5874/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้สัญญาซื้อขายเดิมเป็นโมฆะ แต่กรรมสิทธิ์ย่อมตกแก่ผู้ครอบครอง
ในการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างถ.กับจำเลยจำเลยได้ชำระเงินแก่ถ.เป็นจำนวนมากแล้วตามข้อตกลงระหว่างถ.กับจำเลยนั้นไม่ปรากฎว่าจะชำระเงินค่าที่ดินที่เหลือและจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทกันที่ไหนเมื่อใดหลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้วถ.มอบที่ดินพิพาทให้จำเลยครอบครองติดต่อกันมาเป็นเวลานับสิบปีโดยไม่ปรากฎว่ามีฝ่ายใดได้ติดต่อหรือเรียกร้องให้มีการชำระหนี้และไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้เรียบร้อยการซื้อขายระหว่างถ.กับจำเลยเป็นสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เสร็จเด็ดขาดเมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะแต่การที่ถ.ตกลงขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยและยอมให้จำเลยเข้าครอบครองปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินพิพาทเป็นการส่งมอบที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยถือได้ว่าถ.ได้สละการครอบครองให้แก่จำเลยเมื่อจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า10ปีแล้วจำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382ฝ่ายโจทก์ได้สิทธิในที่ดินพิพาทโดยถ.จดทะเบียนยกให้ไม่เสียค่าตอบแทนจำเลยย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ยันโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5874/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์
ในการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่าง ถ.กับจำเลย จำเลยได้ชำระเงินแก่ ถ.เป็นจำนวนมากแล้ว ตามข้อตกลงระหว่าง ถ.กับจำเลยนั้นไม่ปรากฏว่าจะชำระเงินค่าที่ดินที่เหลือและจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทกันที่ไหน เมื่อใด หลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว ถ.มอบที่ดินพิพาทให้จำเลยครอบครองติดต่อกันมาเป็นเวลานับสิบปี โดยไม่ปรากฏว่ามีฝ่ายใดได้ติดต่อหรือเรียกร้องให้มีการชำระหนี้และไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้เรียบร้อย การซื้อขายระหว่าง ถ.กับจำเลยเป็นสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เสร็จเด็ดขาด เมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะ แต่การที่ ถ.ตกลงขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยและยอมให้จำเลยเข้าครอบครองปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินพิพาท เป็นการส่งมอบที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย ถือได้ว่า ถ.ได้สละการครอบครองให้แก่จำเลย เมื่อจำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 ฝ่ายโจทก์ได้สิทธิในที่ดินพิพาทโดย ถ.จดทะเบียนยกให้ไม่เสียค่าตอบแทน จำเลยย่อมยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอันได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ยันโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3782/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาท: การออกจากที่ดินเพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายไม่ถือเป็นการสละการครอบครอง
โจทก์ต้องออกจากที่ดินพิพาทเพราะเกรงกลัวอิทธิพลของบุตรจำเลยที่1เป็นการออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นแก่โจทก์และบุตรมิได้ออกไปโดยเจตนาสละการครอบครองโจทก์ยังแสดงเจตนายึดถือที่ดินพิพาทด้วยการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกในการจัดการที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของสามีโจทก์และด้วยการขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้ในเวลาต่อมาทั้งนำสืบว่าขณะที่โจทก์ออกไปจำเลยที่1ไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทและการที่จำเลยที่1คัดค้านการขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการเข้าไปแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทการที่โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกและห้ามจำเลยที่1เข้าเกี่ยวข้องจึงมิใช่เป็นการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3747/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องแจ้งให้เจ้าของทราบ หากยังไม่แจ้ง แม้ครอบครองนาน ก็ไม่เกิดกรรมสิทธิ์
การที่ ป. สามีผู้ร้องและผู้ร้องเข้าครอบครองที่ดินพิพาทตามสัญญาจะซื้อจะขายเป็นการยึดถือแทนหรือครอบครองโดยอาศัยสิทธิของผู้คัดค้านที่7ซึ่งเป็นผู้จะขายต่อมาผู้คัดค้านที่7ผิดสัญญาและ ป. ได้ยื่นฟ้องแล้วศาลมีคำพิพากษาตามยอมโดยผู้คัดค้านที่7ยินยอมให้ผู้ร้องลงชื่อมีกรรมสิทธิ์ร่วมภายใน3วันนับแต่วันทำยอมและจะแบ่งแยกโฉนดที่ดินในวันดังกล่าวแสดงว่าผู้คัดค้านที่7ยังมิได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่ป. เมื่อ ป. หรือผู้ร้องมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือไปยังผู้คัดค้านที่7แม้ผู้ร้องครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทติดต่อกันมาเกิน10ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3676/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนโจทก์-สิทธิในที่ดิน: การยึดครองโดยอาศัยสิทธิในสัญญาจะซื้อจะขายไม่ทำให้ได้สิทธิในที่ดิน
จำเลยมิได้อ้างสัญญา ซื้อขายเอกสารหมายล.1ขึ้นให้การต่อสู้กลับอ้างความเป็นเจ้าของ สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิตามหนังสือสัญญามัดจำเอกสารหมายจ.6หรือล.11แสดงว่าโจทก์จำเลยยกเลิกสัญญาซื้อขายเอกสารหมายล.1แล้วเพราะมีการตกลงราคาที่ดินพิพาทกันใหม่โจทก์กับจำเลยย่อมผูกพันตาม ข้อตกลงในเอกสารหมายจ.6หรือล.11 โจทก์จำเลยทำสัญญา มัดจำจะซื้อจะขายที่ดินพิพาทกันโดยโจทก์ยอมให้จำเลยเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก่อนในระหว่างที่ยังไม่ได้หนังสือ น.ส.3 จากทางราชการฟังไม่ได้ว่าโจทก์ สละการครอบครองให้แก่จำเลยแล้วการที่จำเลย ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทเป็นการยึดถือ ครอบครองแทนโจทก์แม้นานเท่าไรก็ไม่ได้สิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3372/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินช่วงห้ามโอนเป็นโมฆะ การครอบครองเป็นแทนเจ้าของ และการสละเจตนาครอบครอง
ที่ดินพิพาทมีน.ส.3ก.ที่ทางราชการออกให้แก่มารดาโจทก์โดยมีข้อกำหนดห้ามโอนภายใน5ปีตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพพ.ศ.2511มาตรา12ก่อนพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวมารดาโจทก์ขายที่ดินพิพาทให้จำเลยและมอบการครอบครองให้แล้วแต่การซื้อขายมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเป็นที่ดินที่ทางราชการห้ามโอนภายใน5ปีการซื้อขายจึงไม่ถูกต้องตามแบบและเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามชัดแจ้งตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา113เดิม ส่วนการครอบครองที่ดินพิพาทของผู้รับโอนดังกล่าวต้องถือว่าเป็นการครอบครองไว้แทนเจ้าของแม้พ้นกำหนดเวลาห้ามโอนแล้วก็ยังคงถือว่าการครอบครองไว้แทนตลอดมาจนกว่าจะมีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1381หรือจนกว่าเจ้าของที่ดินพิพาทจะแสดงเจตนาสละการครอบครองให้ตามมาตรา1377,1379 การที่โจทก์รื้อบ้านไปในระยะเวลาห้ามโอนผลก็เท่ากับการสละเจตนาครอบครองเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่ห้ามโอนตกเป็นโมฆะเช่นกัน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเป็นการครอบครองแทนจึงไม่อยู่ในบังคับต้องฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนภายใน1ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1374 ฎีกาของจำเลยที่คัดค้านว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนที่เกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจให้โอนที่ดินไม่ถูกต้องไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค1ว่าไม่ถูกต้องผิดพลาดอย่างไรเป็นฎีกาไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249