พบผลลัพธ์ทั้งหมด 57 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมไม่สมบูรณ์แต่ใช้บังคับได้ อายุความ และสินสมรส
เจ้ามรดกมีเจตนาจะทำพินัยกรรมเป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองแต่ไม่ได้ไปทำต่อกรมการอำเภอจึงไม่สมบูรณ์เป็นพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1658แต่พินัยกรรมดังกล่าวเจ้ามรดกเป็นผู้เขียนขึ้นเองทั้งฉบับจึงมีผลใช้บังคับได้ตามมาตรา1657หากเจ้ามรดกไม่ประสงค์ให้พินัยกรรมมีผลบังคับได้ต่อไปจะต้องเพิกถอนเสียโดยการทำลายหรือขีดฆ่าเสียด้วยความตั้งใจตามมาตรา1695แม้เจ้ามรดกจะได้พูดสั่งเสียต่อหน้าญาติผู้ใหญ่หลายคนเป็นทำนองเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อกำหนดในพินัยกรรมแต่ไม่มีการบันทึกและลงลายมือชื่อให้ถูกต้องสมบูรณ์เป็นพินัยกรรมแบบใดแบบหนึ่งตามมาตรา1656ถึงมาตรา1669จึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงแก้ไขพินัยกรรม การที่จำเลยตกลงแบ่งที่นาบ้านและยุ้งข้าวพิพาทให้แก่โจทก์ตามพินัยกรรมแล้วเพิ่งกลับใจไม่ยอมโอนให้ในภายหลังย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา192แม้โจทก์จะฟ้องคดีภายหลังเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้วเกิน1ปีคดีก็ไม่ขาดอายุความ บ้านและยุ้งข้าวพิพาทเป็นของเจ้ามรดกมีมาก่อนแต่งงานกับจำเลยจึงมิใช่สินสมรสของจำเลยกับเจ้ามรดก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินโดยพินัยกรรมและการครอบครองปรปักษ์ สิทธิในที่ดินเมื่อพินัยกรรมไม่ชัดเจน
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ข้อ 1 ความว่า "ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่แล้วที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมนี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งได้กำหนดไว้ดังต่อไปนี้คือ" ต่อจากนั้นได้ระบุที่ดิน น.ส.3 เนื้อที่ 15 ไร่ 1 งาน57 ตารางวา ข้อ 2 ความว่า 'ข้าพเจ้าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้แก่คณะกรรมการอำเภอและขอตั้งให้ น. (โจทก์) เป็นผู้จัดการมรดกข้าพเจ้าตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ"ข้อ 3 ความว่า "ข้อความแห่งพินัยกรรมนี้ กรมการอำเภอได้อ่านให้ข้าพเจ้าฟังโดยตลอดแล้วเป็นการถูกต้องตรงตามความประสงค์ของข้าพเจ้าที่ได้แจ้งให้กรมการอำเภอจดลงไว้ และขณะทำพินัยกรรมนี้ข้าพเจ้ามีสติสมบูรณ์ จึงลงชื่อไว้ต่อหน้ากรมการอำเภอและพยานเป็นสำคัญ" ถัดลงมาเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ทำพินัยกรรมและพยาน 2 คนกับบันทึกของกรมการอำเภอ ดังนี้ พินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก เพราะไม่มีข้อความว่าผู้ทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้โจทก์ แม้ตามคำร้องของผู้ทำพินัยกรรมที่ยื่นต่อนายอำเภอจะมีข้อความว่า ผู้ร้อง (ผู้ทำพินัยกรรม) ประสงค์จะทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกทรัพย์ให้โจทก์ก็ตาม คำร้องฉบับนี้มิใช่พินัยกรรมจึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ที่พิพาทมาโดยพินัยกรรม
อย่างไรก็ดีเป็นที่เข้าใจว่า จ. ยกที่พิพาทให้โจทก์เมื่อตนถึงแก่กรรมจึงปรากฏว่าเมื่อจ.ตาย จำเลยก็เลิกทำนาพิพาท ฝ่ายโจทก์คงทำนาพิพาทต่อมาหนึ่งปีแล้วให้บุคคลอื่นเช่า โจทก์จึงเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนับตั้งแต่ จ.ตายตลอดมาโดยเจตนายึดถือเพื่อตน โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครอง
อย่างไรก็ดีเป็นที่เข้าใจว่า จ. ยกที่พิพาทให้โจทก์เมื่อตนถึงแก่กรรมจึงปรากฏว่าเมื่อจ.ตาย จำเลยก็เลิกทำนาพิพาท ฝ่ายโจทก์คงทำนาพิพาทต่อมาหนึ่งปีแล้วให้บุคคลอื่นเช่า โจทก์จึงเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนับตั้งแต่ จ.ตายตลอดมาโดยเจตนายึดถือเพื่อตน โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินโดยพินัยกรรมและการครอบครองปรปักษ์: สิทธิในที่ดินเมื่อพินัยกรรมไม่ชัดเจน
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ข้อ 1 ความว่า "ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว" บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่แล้ว ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมนี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนซึ่งได้กำหนดไว้ดังต่อไปนี้คือ" ต่อจากนั้นได้ระบุที่ดิน น.ส.3 เนื้อที่ 15 ไร่ 1 งาน 57 ตารางวา ข้อ 2 ความว่า 'ข้าพเจ้าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้แก่คณะกรรมการอำเภอและขอตั้งให้ น. (โจทก์) เป็นผู้จัดการมรดกข้าพเจ้าตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ" ข้อ 3 ความว่า "ข้อความแห่งพินัยกรรมนี้ กรมการอำเภอได้อ่านให้ข้าพเจ้าฟังโดยตลอดแล้วเป็นการถูกต้องตรงตามความประสงค์ของข้าพเจ้าที่ได้แจ้งให้กรมการอำเภอจดลงไว้ และขณะทำพินัยกรรมนี้ข้าพเจ้ามีสติสมบูรณ์ จึงลงชื่อไว้ต่อหน้ากรมการอำเภอและพยานเป็นสำคัญถัดลงมาเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ทำพินัยกรรมและพยาน 2 คนกับบันทึกของกรมการอำเภอ ดังนี้ พินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก เพราะไม่มีข้อความว่าผู้ทำพินัยกรรมยกที่พิพาทให้โจทก์ แม้ตามคำร้องของผู้ทำพินัยกรรมที่ยื่นต่อนายอำเภอจะมีข้อความว่า ผู้ร้อง (ผู้ทำพินัยกรรม) ประสงค์จะทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกทรัพย์ให้โจทก์ก็ตาม คำร้องฉบับนี้มิใช่พินัยกรรม จึงรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ที่พิพาทมาโดยพินัยกรรม อย่างไรก็ดีเป็นที่เข้าใจว่า จ. ยกที่พิพาทให้โจทก์เมื่อตนถึงแก่กรรม จึงปรากฏว่าเมื่อจ.ตาย จำเลยก็เลิกทำนาพิพาท ฝ่ายโจทก์คงทำนาพิพาทต่อมาหนึ่งปีแล้วให้บุคคลอื่นเช่า โจทก์จึงเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนับตั้งแต่ จ.ตายตลอดมาโดยเจตนายึดถือเพื่อตน โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมโมฆะจากพยานไม่ตรงตามกฎหมาย ศาลฎีกายกประเด็นวินิจฉัยเองได้
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่ไม่ได้ทำต่อหน้าพยาน 2 คน เป็นพินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1658 และย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1705 ปัญหาที่ว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น เมื่อปรากฏต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โมฆะภาพพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่ไม่ทำตามรูปแบบกฎหมาย และอำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยปัญหาความสงบเรียบร้อย
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่ไม่ได้ทำต่อหน้าพยาน 2 คนเป็นพินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1658 และย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1705 ปัญหาที่ว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น เมื่อปรากฏต่อศาลฎีกาศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกตามพินัยกรรม: ถือตามอาณาเขตที่ระบุ แม้เนื้อที่รวมในพินัยกรรมเกินจำนวนที่ดินจริง
เมื่อพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองระบุชัดแจ้งว่าผู้ใดได้ที่ดินที่ตรงไหน อย่างไร การแบ่งที่ดินก็ย่อมต้องแบ่งไปตามที่ระบุในพินัยกรรม การที่จำนวนเนื้อที่ดินตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมมีมากกว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริงฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งเป็นจำนวนเนื้อที่ย่อมได้รับลดน้อยลงไป จะถือเอาตามจำนวนที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่ฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งโดยระบุอาณาเขตไม่ระบุเนื้อที่ก็ย่อมต้องได้ตามอาณาเขตที่ระบุไว้ในพินัยกรรมจะนำพยานบุคคลมาสืบพิสูจน์เจตนาผู้ทำพินัยกรรมให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรม: การแบ่งที่ดินตามพินัยกรรมต้องเป็นไปตามอาณาเขตและเนื้อที่จริง แม้พินัยกรรมระบุเนื้อที่เกินจริง
เมื่อพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองระบุชัดแจ้งว่าผู้ใดได้ที่ดินที่ตรงไหน อย่างไรการแบ่งที่ดินก็ย่อมต้องแบ่งไปตามที่ระบุในพินัยกรรม การที่จำนวนเนื้อที่ดินตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมมีมากกว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริง ฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งจำนวนเนื้อที่ย่อมได้รับลดน้อยลงไป จะถือเอาตามจำนวนที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่ ฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งโดยระบุอาณาเขตไม่ระบุเนื้อที่ก็ย่อมต้องได้ตามอาณาเขตที่ระบุในพินัยกรรม จะนำพยานบุคคลมาสืบพิสูจน์เจตนาผู้ทำพินัยกรรมให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดข้อความพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองโดยผู้รักษาราชการแทน นายอำเภอ และความสมบูรณ์ของพินัยกรรม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658(2) มิได้บัญญัติให้กรมการอำเภอต้องจดข้อความในพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองด้วยตนเองผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอสั่งให้ปลัดอำเภอมาเป็นผู้ช่วยตนในการซักถามผู้ทำพินัยกรรมและจดข้อความไปพิมพ์ขึ้นเป็นอักษรแบบพิมพ์แล้วผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอบันทึกไว้ท้ายข้อความว่าผู้ทำพินัยกรรมได้แจ้งข้อความที่ประสงค์ให้ใส่ไว้ในพินัยกรรมดังกล่าวต่อหน้าตนกับลงลายมือชื่อประทับตราตำแหน่งไว้เป็นสำคัญถือได้ว่าผู้รักษาราชการแทนนายอำเภอจดข้อความลงไว้ด้วยตนเองพินัยกรรมจึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2344/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเพิกถอนพินัยกรรม: แยกพินัยกรรมปลอมออกจากพินัยกรรมที่มีเจตนาบกพร่อง
อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1710 ใช้บังคับในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรมที่ผู้ทำพินัยกรรมได้กระทำโดยสำคัญผิดถูกกลฉ้อฉล หรือถูกข่มขู่ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1708 และ 1709 มิได้ใช้บังคับแก่กรณีที่โจทก์ฟ้องว่าพินัยกรรมปลอมและเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องว่าในขณะทำพินัยกรรม ผู้ทำพินัยกรรมเจ็บป่วยจนไม่มีสติสัมปชัญญะเป็นพินัยกรรมที่จำเลยทำปลอมขึ้น ทั้งทำไม่ถูกต้องตามแบบเอกสารฝ่ายเมือง พินัยกรรมจึงเป็นโมฆะ โจทก์มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรมเพราะผู้ทำพินัยกรรมมีเจตนาบกพร่องตามมาตรา 1708 และ 1709 จึงไม่อยู่ในบังคับของอายุความตามมาตรา 1710
โจทก์ฟ้องว่าในขณะทำพินัยกรรม ผู้ทำพินัยกรรมเจ็บป่วยจนไม่มีสติสัมปชัญญะเป็นพินัยกรรมที่จำเลยทำปลอมขึ้น ทั้งทำไม่ถูกต้องตามแบบเอกสารฝ่ายเมือง พินัยกรรมจึงเป็นโมฆะ โจทก์มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรมเพราะผู้ทำพินัยกรรมมีเจตนาบกพร่องตามมาตรา 1708 และ 1709 จึงไม่อยู่ในบังคับของอายุความตามมาตรา 1710
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง: การลงลายพิมพ์นิ้วมือพยานไม่สมบูรณ์ แต่ถือเป็นพยานธรรมดาได้ หากมีพยานอื่นร่วมด้วย
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองซึ่งมีผู้ลงลายพิมพ์นิ้วมือเป็นพยานคนหนึ่ง และมีผู้ลงลายมือชื่อเป็นพยานอีกคนหนึ่ง กับมีนายอำเภอผู้จัดทำพินัยกรรมลงลายมือชื่อในฐานะนายอำเภอนั้น การลงลายพิมพ์นิ้วมือเป็นพยานใช้ไม่ได้ พยานในพินัยกรรมจึงเหลือเพียงคนเดียวขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658 และตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1705 แต่พินัยกรรมฉบับนี้ได้ทำต่อหน้านายอำเภอ จึงถือได้ว่านายอำเภอเป็นพยานในพินัยกรรมด้วยอีกผู้หนึ่งโดยไม่จำต้องมีข้อความเขียนบอกว่าลงชื่อเป็นพยานอีกฐานะหนึ่ง เมื่อรวมแล้วจึงเป็นพินัยกรรมที่ทำต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกับอนุโลมเข้าแบบพินัยกรรมธรรมดาตามมาตรา 1656, 136 (อ้างฎีกาที่ 1612/2515)