พบผลลัพธ์ทั้งหมด 627 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4233/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานโดยไม่ต้องยื่นบัญชีระบุพยานล่วงหน้า และการพิจารณาพยานจากภาพถ่ายทอดสด
โจทก์ฟ้องจำเลยรับสารภาพและโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานในวันเดียวกัน ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ในวันนั้นโดยจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยแถลงว่าเมื่อรับสารภาพแล้วขอให้สืบพยานโจทก์ไปได้เลย และเมื่อศาลให้จำเลยดูบัญชีระบุพยานของโจทก์ จำเลยแถลงไม่คัดค้าน ซึ่งศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดคดีนี้เป็นไปโดยรวดเร็วตามความประสงค์ของจำเลยทั้งเห็นว่าไม่ทำให้เสียความยุติธรรม ไม่จำต้องรอเวลาให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบ 3 วันตามกฎหมายจึงอนุญาตให้สืบพยานโจทก์ไปได้ดังนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์สืบพยานโดยไม่ต้องยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วันแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87, 88
ได้มีการถ่ายทอดการพิจารณาคดีโดยโทรทัศน์วงจรปิดปรากฏว่าพยานโจทก์ส่วนใหญ่เบิกความถึงข้อเท็จจริงที่พยานแต่ละคนได้รู้เห็นมาโดยลำพัง หาได้เกี่ยวข้องกับพยานอื่น คงมีแต่พยานโจทก์สามปากที่เบิกความในเรื่องเดียวกัน หากพยานโจทก์สองปากที่เบิกความภายหลังได้ดูการถ่ายทอดการพิจารณาทางโทรทัศน์ ก็อาจทำให้คำของพยานสองปากนี้ตอนที่เกี่ยวกับคำพยานปากก่อนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้ แต่พยานโจทก์สองปากนี้มิได้เป็นพยานที่มีความสำคัญมากนัก แม้ไม่รับฟังพยานโจทก์สองปากนี้ โจทก์ก็ยังมีพยานอื่นที่จะฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลย จึงลงโทษจำเลยได้
ได้มีการถ่ายทอดการพิจารณาคดีโดยโทรทัศน์วงจรปิดปรากฏว่าพยานโจทก์ส่วนใหญ่เบิกความถึงข้อเท็จจริงที่พยานแต่ละคนได้รู้เห็นมาโดยลำพัง หาได้เกี่ยวข้องกับพยานอื่น คงมีแต่พยานโจทก์สามปากที่เบิกความในเรื่องเดียวกัน หากพยานโจทก์สองปากที่เบิกความภายหลังได้ดูการถ่ายทอดการพิจารณาทางโทรทัศน์ ก็อาจทำให้คำของพยานสองปากนี้ตอนที่เกี่ยวกับคำพยานปากก่อนไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้ แต่พยานโจทก์สองปากนี้มิได้เป็นพยานที่มีความสำคัญมากนัก แม้ไม่รับฟังพยานโจทก์สองปากนี้ โจทก์ก็ยังมีพยานอื่นที่จะฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลย จึงลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4084/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การในการเบิกความพยาน และการดำเนินการของศาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การมาศาลศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยไม่ได้แถลงข้อความอะไรเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ จำเลยมีสิทธิอ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยหาจำต้องยื่นบัญชีระบุพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่อย่างใดไม่ เพราะเป็นการสืบพยานตามที่กฎหมายบัญญัติอนุญาตให้จำเลย ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การมาศาลและศาลไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ สาบานตนให้การเป็นพยานเองได้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบเฉพาะที่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน จึงเป็นคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบไม่ได้ปฏิบัติ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐานแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกปัญหาข้อนี้ขึ้นมาก็ตาม ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ไม่ชอบนั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วย มาตรา 247
ในวันนัดฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การอ้างว่าจำเลยเพิ่งทราบเรื่องมีการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้อง เมื่อศาลมีหมายแจ้งนัดสืบพยานโจทก์ไปให้ทราบการขอยื่นคำให้การของจำเลย จึงเป็นการร้องขอเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้วก่อนมีคำพิพากษา กรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเลยอ้างต่อศาลว่าไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อเริ่มต้นสืบพยานหรือแจ้งให้ศาลทราบก่อนเริ่มสืบพยานดังที่ บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งในเรื่องดังกล่าวจึงไม่ชอบ
ในวันนัดฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การอ้างว่าจำเลยเพิ่งทราบเรื่องมีการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้อง เมื่อศาลมีหมายแจ้งนัดสืบพยานโจทก์ไปให้ทราบการขอยื่นคำให้การของจำเลย จึงเป็นการร้องขอเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้วก่อนมีคำพิพากษา กรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเลยอ้างต่อศาลว่าไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อเริ่มต้นสืบพยานหรือแจ้งให้ศาลทราบก่อนเริ่มสืบพยานดังที่ บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งในเรื่องดังกล่าวจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4084/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ: การเบิกความตนเอง & การสืบพยานเพิ่มเติม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การมาศาล ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าจำเลยไม่ได้แถลงข้อความอะไร เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ จำเลยมีสิทธิอ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยหาจำต้องยื่นบัญชีระบุพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 แต่อย่างใดไม่ เพราะเป็นการสืบพยานตามที่กฎหมายบัญญัติอนุญาตให้จำเลย ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การมาศาลและศาลไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ สาบานตนให้การเป็นพยานเองได้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบเฉพาะที่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน จึงเป็นคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบไม่ได้ปฏิบัติ ให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐานแม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกปัญหาข้อนี้ขึ้นมาก็ตาม ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ไม่ชอบนั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วย มาตรา247 ในวันนัดฟังคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การอ้างว่าจำเลยเพิ่งทราบเรื่องมีการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องเมื่อศาลมีหมายแจ้งนัดสืบพยานโจทก์ไปให้ทราบการขอยื่นคำให้การของจำเลย จึงเป็นการร้องขอเมื่อเสร็จการพิจารณาแล้วก่อนมีคำพิพากษา กรณีจึงไม่ใช่เรื่องที่จำเลยอ้างต่อศาลว่าไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ เมื่อเริ่มต้นสืบพยานหรือแจ้งให้ศาลทราบก่อนเริ่มสืบพยานดังที่ บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งในเรื่องดังกล่าวจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลที่ไม่รับพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานเสร็จ ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ต้องโต้แย้งทันที หากไม่โต้แย้งสิทธิอุทธรณ์/ฎีกาจะขาดเสีย
โจทก์ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จและอยู่ในระหว่างนัดฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งก่อนศาลนั้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีและเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวในวันที่3 พฤศจิกายน 2524 และอ่านคำพิพากษาในวันที่ 18 เดือนเดียวกัน โจทก์มีเวลาเพียงพอที่จะโต้แย้งคำสั่งแล้วมิได้โต้แย้ง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 209 ว.พ.พ. ไม่กระทบกระบวนพิจารณาเดิม เช่น การยื่นบัญชีระบุพยาน
หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคแรก แล้วกระบวนพิจารณาที่ให้ถือว่าเป็นอันเพิกถอนไปในตัวก็มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลโดยคู่ความขาดนัดคำพิพากษาหรือ คำสั่งอื่นๆของศาลสูงในคดีเดียวกันนั้น และวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปแล้วเท่านั้นหาได้ให้เพิกถอน กระบวนพิจารณาเช่นที่โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อนแล้วไม่บัญชีระบุพยานเดิมของโจทก์จึงยังคงอยู่และถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่และการใช้บัญชีระบุพยานเดิม เมื่อศาลอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่
หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 วรรคแรก แล้วกระบวนพิจารณาที่ให้ถือว่าเป็นอันเพิกถอนไปในตัวก็มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลโดยคู่ความขาดนัด คำพิพากษาหรือ คำสั่งอื่น ๆของศาลสูงในคดีเดียวกันนั้น และวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เท่านั้นหาได้ให้เพิกถอน กระบวนพิจารณาเช่นที่โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ก่อนแล้วไม่บัญชีระบุพยานเดิมของโจทก์จึงยังคงอยู่และถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิขอระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2217/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายสิทธิการเช่า: การปฏิบัติตามสัญญาต้องเสร็จสิ้นพร้อมกันทั้งสองฝ่าย
สัญญาขายสิทธิการเช่า (เซ้ง) ตึกแถวรวมทั้งสิทธิการเช่า โทรศัพท์ ซึ่งผู้ซื้อวางเงินมัดจำไว้บางส่วน ที่เหลือกำหนด ชำระเป็นงวดๆ เมื่อผู้ซื้อชำระเงินงวดแรกผู้ขายต้อง โอนสิทธิการเช่าตึกแถวให้แก่ผู้ซื้อ และเมื่อผู้ซื้อชำระเงินครบทุกงวดแล้วผู้ขายพร้อมด้วยบริวารจะย้าย ออกไปจาก ตึกแถวที่ขายสิทธิการเช่าให้แก่ผู้ซื้อทันที สัญญาดังกล่าวนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้ซื้อและผู้ขายต่างเป็นลูกหนี้และ เจ้าหนี้ ซึ่งกันและกันในการที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาผู้ซื้อ และผู้ขายได้ ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวแล้วบางส่วน คือผู้ขาย ได้โอนสิทธิการเช่าตึกแถว ให้แก่ผู้ซื้อแล้วและผู้ซื้อ ชำระเงินให้ผู้ขายแล้วบางงวด ยังค้างชำระสองงวดสุดท้ายส่วนผู้ขายยังไม่ได้โอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์และยังไม่ได้ออก ไปจากตึกแถวที่ขายสิทธิการเช่าก่อนถึงกำหนดชำระเงิน สองงวดสุดท้าย ผู้ซื้อมีหนังสือบอกกล่าวให้ผู้ขายโอนโทรศัพท์ให้ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าผู้ขายผิดสัญญา จะระงับการ จ่ายเงิน ผู้ขายได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วเพิกเฉยเสีย เช่นนี้ จะถือว่าผู้ขายผิดสัญญา ยังไม่ได้ เพราะเรื่อง ที่ผู้ขายต้องโอนโทรศัพท์ให้ผู้ซื้อเมื่อไรนั้นมิได้กำหนดไว้ในสัญญาเมื่อผู้ซื้อมีหนี้ต้องชำระค่าซื้อสิทธิการเช่า ให้ผู้ขายให้เสร็จสิ้น ในวันที่กำหนดชำระเงินงวดสุดท้ายหนี้ที่ผู้ขายต้องโอนโทรศัพท์ให้ผู้ซื้อนั้น ก็ต้องกระทำให้ เสร็จสิ้นในวันดังกล่าวเช่นกัน
ประเด็นที่ว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาโดยโจทก์พร้อมที่จะปฏิบัติการชำระหนี้ของตนเป็นประเด็นข้อสำคัญในคดีที่โจทก์ต้องนำสืบ แม้โจทก์จะมิได้ส่งสำเนาเอกสารเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวให้จำเลยก่อนวันสืบพยานสามวัน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับเอกสารนั้นไว้พิจารณาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87
ประเด็นที่ว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาโดยโจทก์พร้อมที่จะปฏิบัติการชำระหนี้ของตนเป็นประเด็นข้อสำคัญในคดีที่โจทก์ต้องนำสืบ แม้โจทก์จะมิได้ส่งสำเนาเอกสารเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวให้จำเลยก่อนวันสืบพยานสามวัน เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลมีอำนาจรับเอกสารนั้นไว้พิจารณาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานเพิ่มเติมต้องไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และต้องเป็นพยานที่จำเป็นต่อการวินิจฉัยข้อพิพาท
โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนและสืบพยานเสร็จไปแล้วระหว่างสืบพยานจำเลย โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อเอกสารที่โจทก์ขอระบุเพิ่มเติมเป็นเพียงคำอธิบายวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งโจทก์ได้นำสืบไปแล้วไม่ใช่เอกสารที่มีกฎหมายบังคับให้นำมาแสดงพยานที่โจทก์ระบุเพิ่มเติมจึงมิได้เป็นพยาน เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมจำเป็นต้องสืบพยานเช่นว่านั้นทั้งเป็นการระบุอ้างเพิ่มเติมฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 จึงไม่ควรรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานเพิ่มเติมต้องไม่ขัดต่อข้อจำกัดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และต้องเป็นพยานที่จำเป็นต่อการวินิจฉัยข้อพิพาท
โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนและสืบพยานเสร็จไปแล้วระหว่างสืบพยานจำเลย โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อเอกสารที่โจทก์ขอระบุเพิ่มเติมเป็นเพียงคำอธิบายวิธีปฏิบัติต่างๆซึ่งโจทก์ได้นำสืบไปแล้วไม่ใช่เอกสารที่มีกฎหมายบังคับให้นำมาแสดงพยานที่โจทก์ระบุเพิ่มเติมจึงมิได้เป็นพยานเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมจำเป็นต้องสืบพยานเช่นว่านั้นทั้งเป็นการระบุอ้างเพิ่มเติมฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา88 จึงไม่ควรรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ การนำสืบข้อตกลงไม่มีเอกสารเป็นโมฆะ
สัญญาเช่าซื้อกฎหมายบังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือมิฉะนั้นเป็นโมฆะ จำเลยจะนำสืบว่ามีการเช่าซื้อโดยไม่มีเอกสารสัญญาเช่าซื้อมาแสดงหาได้ไม่ เมื่อบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยคงระบุอ้างพยานบุคคลเพิ่มเติม เพียง 2 ปาก ถึงแม้จะอนุญาตให้เพิ่มเติมได้ก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะจำเลยมิได้อ้างเอกสารสัญญาเช่าซื้อเป็นพยานเลย ดังนี้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยจึงชอบแล้ว