พบผลลัพธ์ทั้งหมด 627 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานในคดีอาญา: ถือว่ายื่นแล้วหากยื่นในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและศาลมีคำสั่งประทับฟ้อง
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ และโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้วในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทั้งศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องจนสั่งคดีมีมูลแล้วนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไป ดังนี้แม้โจทก์จะไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอีกในชั้นพิจารณาก็ต้องถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานสำหรับคดีนี้ตลอดทั้งเรื่องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานในคดีอาญา: ถือว่ายื่นแล้วหากเคยยื่นในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
คดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์และโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไว้แล้ว ทั้งศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องจนสั่งคดีมีมูลแล้วนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์ต่อไป ดังนี้ แม้โจทก์จะไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอีกในชั้นพิจารณาก็ต้องถือว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน สำหรับคดีนี้ตลอดทั้งเรื่องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3130/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยาน จำเลยต้องระบุชื่อตนเองในบัญชีหากต้องการเบิกความ
จำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน จำเลยอ้างตัวเองเป็นพยานเข้าสืบไม่ได้ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยเป็นคู่ความ ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุอ้างตนเองเป็นพยานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2895/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการจอดรถและติดตั้งเสาไฟฟ้าในที่ดินของผู้อื่น สัญญาจะบังคับได้เมื่อมีการสนองรับ
โจทก์มีที่ดินและต้องการจะก่อสร้างศูนย์การค้า โรงแรม โรงภาพยนต์และอาคารพาณิชย์ โจทก์กับผู้มีชื่อจึงทำสัญญาร่วมลงทุนกันให้ก่อตั้งบริษัทจำเลยขึ้นประกอบกิจการต่างๆ ดังกล่าวแล้ว สัญญาข้อ 4 กำหนดว่า โจทก์ต้องอนุญาตให้จำเลยใช้ถนนทั้งสองข้างของโรงแรมจำเลย และจะต้องสงวนไว้ให้แก่จำเลยซึ่งสิทธิจอดรถที่ชอบถนน ข้อ 4 (8) ว่า จำเลยต้องชำระเงินครึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างถนนให้แก่โจทก์ เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์แก่บริษัทจำเลยที่จะตั้งขึ้น บริษัทจำเลยชอบที่จะถือเอาประโยชน์จากสัญญานั้นภายหลังได้ ปรากฏว่า เมื่อบริษัทจำเลยตั้งขึ้นแล้วจำเลยได้ชำระค่าทำถนนให้โจทก์ครบถ้วนตามสัญญาแล้ว และมีพฤติการณ์ที่ถือว่าจำเลยได้ถือเอาประโยชน์จากสัญญาร่วมลงทุนแล้ว แม้ต่อมาสัญญาร่วมลงทุนจะสิ้นสุดหรือยกเลิกไป ก็หาทำให้สิทธิของจำเลยอันเกิดขึ้นแล้วระงับไปด้วยไม่
โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยว่า จะให้สิทธิใช้ที่ดินสำหรับตั้งเสาไฟฟ้าแก่จำเลยเพียงแต่จำเลยเข้าติดตั้งเสาและสายไฟฟ้าตามที่โจทก์เสนอก็เป็นการสนองรับ มีผลให้สัญญาเกิดขึ้นแล้ว สัญญายินยอมให้ติดตั้งเสาและสายไฟฟ้าในที่ดินเพื่อประโยชน์ในที่ดินเพื่อประโยชน์ร่วมกันเช่นนี้แม้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็บังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทรวม 11 ประเด็น เป็นประเด็นไม่ต้องสืบพยาน 1 ประเด็น ตกภาระโจทก์นำสืบ 8 ประเด็น ตกภาระจำเลยนำสืบ 2 ประเด็น ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีภาระการพิสูจน์มากกว่า ทั้งประเด็นที่เป็นภาระจำเลยพิสูจน์ถึงจะให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์ไม่เสียเปรียบ จึงให้โจทก์นำสืบก่อนทุกประเด็น พยานหลักฐานในประเด็นที่โจทก์แย้ง เป็นเรื่องที่อยู่ในความรู้เห็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน แม้โจทก์นำสืบก่อน จำเลยก็ถามด้านให้พยานโจทก์มีโอกาสอธิบายและนำสืบถึงข้อความเหล่านั้นโดยบริบูรณ์แล้ว โจทก์หาเสียเปรียบไม่ ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจให้โจทก์นำสืบก่อนทุกประเด็นชอบแล้ว
โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยว่า จะให้สิทธิใช้ที่ดินสำหรับตั้งเสาไฟฟ้าแก่จำเลยเพียงแต่จำเลยเข้าติดตั้งเสาและสายไฟฟ้าตามที่โจทก์เสนอก็เป็นการสนองรับ มีผลให้สัญญาเกิดขึ้นแล้ว สัญญายินยอมให้ติดตั้งเสาและสายไฟฟ้าในที่ดินเพื่อประโยชน์ในที่ดินเพื่อประโยชน์ร่วมกันเช่นนี้แม้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็บังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทรวม 11 ประเด็น เป็นประเด็นไม่ต้องสืบพยาน 1 ประเด็น ตกภาระโจทก์นำสืบ 8 ประเด็น ตกภาระจำเลยนำสืบ 2 ประเด็น ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีภาระการพิสูจน์มากกว่า ทั้งประเด็นที่เป็นภาระจำเลยพิสูจน์ถึงจะให้โจทก์นำสืบก่อนโจทก์ไม่เสียเปรียบ จึงให้โจทก์นำสืบก่อนทุกประเด็น พยานหลักฐานในประเด็นที่โจทก์แย้ง เป็นเรื่องที่อยู่ในความรู้เห็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน แม้โจทก์นำสืบก่อน จำเลยก็ถามด้านให้พยานโจทก์มีโอกาสอธิบายและนำสืบถึงข้อความเหล่านั้นโดยบริบูรณ์แล้ว โจทก์หาเสียเปรียบไม่ ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจให้โจทก์นำสืบก่อนทุกประเด็นชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม แม้มิได้แถลงต่อศาลและส่งสำเนาให้จำเลย ศาลรับได้
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว ถือได้ว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานของตนในคดีนี้ไว้แล้วทั้งเรื่องการที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมในวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นวันแรกแม้บัญชีระบุพยานดังกล่าวจะมิได้แถลงต่อศาลว่าเป็นการระบุพยานเพิ่มเติมและมิได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยก็ตามศาลก็ชอบที่จะรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2157/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในเครื่องหมายการค้า 'Dior': การใช้ก่อนและการลวงสาธารณชนเป็นปัจจัยชี้ขาด
เมื่อพยานที่จำเลยขอระบุเพิ่มเติมเป็นพยานที่จำเลยรู้จักดีและได้มีอยู่ก่อนที่โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนสืบพยานเสร็จและมิได้เป็นพยานเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมนั้นจึงชอบแล้ว
โจทก์ใช้คำว่า 'CHRISTIANDIOR' และคำว่า 'DIOR' เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าต่าง ๆ ของโจทก์ที่ทำจากต่างประเทศมานานแล้วจนเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปนอกจากนี้ก่อนที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า 'DIOR' สำหรับสินค้าจำพวกเครื่องนุ่งห่มและแต่งกายของจำเลยจำเลยก็เคยเห็นและทราบว่ามีแว่นตาที่ใช้เครื่องหมายการค้า 'DIOR' ขาย ทั้งการโฆษณาสินค้าของจำเลยที่ใช้เครื่องหมายการค้า 'DIOR' ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นสินค้าของจำเลยและจำเลยยังใช้คำว่าดิออร์เป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยก่อนยื่นคำขอจดทะเบียนประมาณ 1 เดือนเศษอีกด้วยเห็นได้ว่าจำเลยใช้คำว่า 'DIOR'เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าของจำเลยเพื่อให้ประชาชนทั่วไปหลงผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์ที่ทำจากต่างประเทศนับว่าเป็นการลวงสาธารณชนให้หลงผิดในแหล่งกำเนิดของสินค้าของจำเลยโจทก์มีสิทธิใช้คำว่า 'DIOR' เป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ดีกว่าจำเลยแม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการจดทะเบียนสำหรับสินค้าอย่างเดียวกันของโจทก์ก็ตาม
โจทก์ใช้คำว่า 'CHRISTIANDIOR' และคำว่า 'DIOR' เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าต่าง ๆ ของโจทก์ที่ทำจากต่างประเทศมานานแล้วจนเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปนอกจากนี้ก่อนที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า 'DIOR' สำหรับสินค้าจำพวกเครื่องนุ่งห่มและแต่งกายของจำเลยจำเลยก็เคยเห็นและทราบว่ามีแว่นตาที่ใช้เครื่องหมายการค้า 'DIOR' ขาย ทั้งการโฆษณาสินค้าของจำเลยที่ใช้เครื่องหมายการค้า 'DIOR' ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นสินค้าของจำเลยและจำเลยยังใช้คำว่าดิออร์เป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยก่อนยื่นคำขอจดทะเบียนประมาณ 1 เดือนเศษอีกด้วยเห็นได้ว่าจำเลยใช้คำว่า 'DIOR'เป็นเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าของจำเลยเพื่อให้ประชาชนทั่วไปหลงผิดว่าเป็นสินค้าของโจทก์ที่ทำจากต่างประเทศนับว่าเป็นการลวงสาธารณชนให้หลงผิดในแหล่งกำเนิดของสินค้าของจำเลยโจทก์มีสิทธิใช้คำว่า 'DIOR' เป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ดีกว่าจำเลยแม้เครื่องหมายการค้าของโจทก์ดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการจดทะเบียนสำหรับสินค้าอย่างเดียวกันของโจทก์ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1763-1764/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ค่าสินไหมทดแทนประกันภัยต่อบุคคลภายนอก และการรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อค่าเสียหายจากการขาดความสามารถประกอบการงาน
ข้อความตามกรมธรรม์ประกันภัยเกี่ยวกับความรับผิดต่อบุคคลภายนอกที่ว่า ผู้รับประกันภัยจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายเมื่อความบาดเจ็บหรือมรณะของบุคคลภายนอกเนื่องจากอุบัติเหตุอันเกิดจากการใช้รถยนต์ในระหว่างระยะเวลาประกันภัยนั้นมีความหมายว่า ในกรณีที่บุคคลภายนอกได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตายผู้เอาประกันภัยจำต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกตามกฎหมายในค่าเสียหายอย่างไรแล้วผู้รับประกันภัยจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกในนามของผู้เอาประกันภัยดังนั้นเมื่อบุคคลภายนอกซึ่งได้รับบาดเจ็บชอบที่จะเรียกร้องให้ผู้เอาประกันภัยใช้ค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ผู้รับประกันภัยก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ด้วย
โจทก์อ้างสำนวนการสอบสวนและเรียกสำนวนการสอบสวนนั้นมาเป็นพยานโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วแต่พนักงานอัยการส่งสำนวนการสอบสวนมาหลังจากโจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จแล้วหากจำเลยเห็นว่าสำนวนการสอบสวนนั้นไม่ถูกต้องทำให้จำเลยเสียเปรียบจำเลยก็ชอบที่จะอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามสิทธิที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิได้ห้ามรับฟังพยานเอกสารที่มิได้มีการนำสืบพยานบุคคลประกอบศาลย่อมมีอำนาจรับฟังและใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานเอกสารดังกล่าวประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
โจทก์อ้างสำนวนการสอบสวนและเรียกสำนวนการสอบสวนนั้นมาเป็นพยานโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วแต่พนักงานอัยการส่งสำนวนการสอบสวนมาหลังจากโจทก์จำเลยสืบพยานเสร็จแล้วหากจำเลยเห็นว่าสำนวนการสอบสวนนั้นไม่ถูกต้องทำให้จำเลยเสียเปรียบจำเลยก็ชอบที่จะอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามสิทธิที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิได้ห้ามรับฟังพยานเอกสารที่มิได้มีการนำสืบพยานบุคคลประกอบศาลย่อมมีอำนาจรับฟังและใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานเอกสารดังกล่าวประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและบัญชีระบุพยานในคดีแพ่งที่ฟ้องรวมกับคดีอาญา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่าง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดภายในเวลา (15วัน) ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 นั้นมาตรานี้เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งจำหน่าย โจทก์ยื่นคำขอเรื่องขาดนัดได้
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่งและส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่งและส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การคดีแพ่ง & บัญชีระบุพยานรวมสำนวนอาญา-แพ่ง ศาลฎีกายืนตามศาลล่าง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดภายในเวลา (15 วัน) ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 นั้น มาตรานี้เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งจำหน่าย โจทก์ยื่นคำขอเรื่องขาดนัดได้
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่ง และส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่ง และส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนเหตุสุดวิสัยเพื่อวางค่าฤชาธรรมเนียม ไม่ต้องใช้ขั้นตอนการสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88
การไต่สวนคำร้องที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่สามารถนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนจำเลยมาวางศาลภายในกำหนดเวลาเพราะเหตุสุดวิสัยนั้น เป็นการไต่สวนเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้เป็นเพราะเหตุสุดวิสัยหรือไม่เท่านั้น มิใช่เป็นการสืบพยานตามประเด็นในคำฟ้องและคำให้การ และเป็นเรื่องของศาลจึงไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88