พบผลลัพธ์ทั้งหมด 627 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการอนุญาตเลื่อนคดีเด็กและเยาวชน: เหตุผลสมควรและความบกพร่องของโจทก์
แม้ข้อความในตอนต้นของมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 จะได้บัญญัติไว้ว่า การพิจารณาของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนให้พยายามทำโดยไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีพิจารณาโดยเคร่งครัดก็ตาม แต่การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีไปได้หรือไม่ อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพึงสั่งตามพฤติการณ์ที่เห็นสมควรเป็นราย ๆ ไป เมื่อพฤติการณ์ที่โจทก์แสดงมาไม่มีเหตุสมควรที่จะให้เลื่อนคดีไป ศาลก็ชอบที่จะสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารล่าช้า: ศาลมีอำนาจรับฟังได้หากสมเหตุสมผล เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แม้ชำระค่าเอกสารไม่ตรงเวลา
เอกสารที่จำเลยอ้างเป็นพยานหลักฐานและส่งศาลไว้แล้ว แม้จำเลยผู้อ้างจะไม่ได้ชำระค่าอ้างเอกสารนั้นภายในเวลาที่ศาลกำหนดให้นำมาชำระ และมาแถลงขอชำระก่อนวันที่ศาลมีคำพิพากษา 1 วัน อ้างเหตุเพราะหลงลืม ดังนี้ เมื่อเอกสารที่อ้างส่งนั้นเป็นพยานหลักฐานที่มีความสำคัญแก่คดีของจำเลยผู้อ้าง และการที่ไม่ได้เสียค่าอ้างเอกสารตามกำหนด น่าเชื่อว่าเป็นเพราะความหลงลืม กรณีมีเหตุที่ศาลสมควรจะรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานเอกสารที่ชำระค่าเอกสารล่าช้า ศาลมีอำนาจกว้างขวางเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
เอกสารที่จำเลยอ้างเป็นพยานหลักฐานและส่งศาลไว้แล้ว แม้จำเลยผู้อ้างจะไม่ได้ชำระค่าอ้างเอกสารนั้นภายในเวลาที่ศาลกำหนดให้นำมาชำระ และมาแถลงขอชำระก่อนวันที่ศาลมีคำพิพากษา 1 วัน อ้างเหตุเพราะหลงลืม ดังนี้ เมื่อเอกสารที่อ้างส่งนั้นเป็นพยานหลักฐานที่มีความสำคัญแก่คดีของจำเลยผู้อ้าง และการที่ไม่ได้เสียค่าอ้างเอกสารตามกำหนด น่าเชื่อว่าเป็นเพราะความหลงลืม กรณีมีเหตุที่ศาลสมควรจะรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลฎีกาไม่รับ เหตุทนายจำเลยละเลยหน้าที่ แม้มีประโยชน์แห่งความยุติธรรม
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานภายหลังกำหนดเวลาโดยอ้างว่าหลงลืมนั้น เป็นคำแก้ตัวที่ยากจะรับฟัง เมื่อกฎหมายได้กำหนดหน้าที่ของคู่ความในการระบุอ้างพยานไว้โดยชัดเจน เช่นนี้ จะยกเรื่องประโยชน์แห่งความยุติธรรมมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย หาควรไม่เพราะความยุติธรรมนั้นจะต้องเป็นไปเพื่อคู่ความทั้งสองฝ่าย มิใช่เพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว จึงไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้า: ศาลฎีกาไม่รับ เหตุทนายจำเลยละเลยหน้าที่ แม้มีเหตุผลด้านเวลา
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานภายหลังกำหนดเวลาโดยอ้างว่าหลงลืมนั้น เป็นคำแก้ตัวที่ยากจะรับฟัง เมื่อกฎหมายได้กำหนดหน้าที่ของคู่ความในการระบุอ้างพยานไว้โดยชัดเจน เช่นนี้ จะยกเรื่องประโยชน์แห่งความยุติธรรมมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยหาควรไม่ เพราะความยุติธรรมนั้นจะต้องเป็นไปเพื่อคู่ความทั้งสองฝ่าย มิใช่เพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียว จึงไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังสืบพยานเสร็จสิ้น ศาลต้องให้โอกาสคู่ความสืบหักล้างเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
โจทก์ส่งอ้างเอกสารเป็นพยานในคดีหลังจากที่สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว และโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานนั้นไว้ ถ้าศาลเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นในคดี แม้จะส่งยื่นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจสั่งรับไว้เป็นพยานของศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคท้าย
ถ้าศาลจะรับฟังพยานเอกสารที่ส่งยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากที่ศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลจะต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่คัดค้านการส่งยื่นเอกสารนั้นได้มีโอกาสสืบหักล้างเสียก่อน
ถ้าศาลจะรับฟังพยานเอกสารที่ส่งยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากที่ศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลจะต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่คัดค้านการส่งยื่นเอกสารนั้นได้มีโอกาสสืบหักล้างเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังสืบพยานเสร็จสิ้น ศาลต้องให้โอกาสสืบหักล้างเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
โจทก์ส่งอ้างเอกสารเป็นพยานในคดีหลังจากที่สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จสิ้นแล้ว และโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานนั้นไว้ ถ้าศาลเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันเกี่ยวกับประเด็นในคดี แม้จะส่งยื่นขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจสั่งรับไว้เป็นพยานของศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคท้าย
ถ้าศาลจะรับฟังพยานเอกสารที่ส่งยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากที่ศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลจะต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่คัดค้านการส่งยื่นเอกสารนั้นได้มีโอกาสสืบหักล้างเสียก่อน
ถ้าศาลจะรับฟังพยานเอกสารที่ส่งยื่นเป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากที่ศาลสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้ว ศาลจะต้องให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่คัดค้านการส่งยื่นเอกสารนั้นได้มีโอกาสสืบหักล้างเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโจทก์ร่วม ผู้เสียหายระบุพยานเพิ่มเติมได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(14) คำว่า'โจทก์หมายความถึงพนักงานอัยการหรือผู้เสียหายซึ่งฟ้องคดีอาญาต่อศาลหรือทั้งคู่ ในเมื่อพนักงานอัยการและผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมกัน' เมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ตามบทกฎหมายดังกล่าวก็ย่อมเป็น 'คู่ความ' ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 2(15) จึงชอบที่จะระบุพยานหรือสืบพยานเพิ่มเติมได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และ 228
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นเอกสารไม่ถูกต้องตามวิธีพิจารณาคดี และผลกระทบต่อการคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกา
โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสารสัญญากู้เป็นพยานไว้ แต่ได้ส่งต้นฉบับสัญญากู้ต่อศาลในการพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นเอกสารในสำนวนดังนี้ เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการอ้างและยื่นหรือส่งเอกสารเป็นการพิจารณาผิดระเบียบจำเลยอาจยกขึ้นคัดค้านได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แต่ต้องร้องคัดค้านเสียก่อน 8 วันนับแต่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบและก่อนที่จะมีคำพิพากษา จำเลยเพิ่งยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาย่อมไม่ได้
จำเลยรับว่าลายเซ็นในช่องผู้กู้ในสัญญากู้ที่โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลเป็นของจำเลยคงโต้เถียงตามที่ให้การต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม จึงต้องฟังจากคำพยานหลักฐานอื่นต่อไป ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานบุคคล
จำเลยรับว่าลายเซ็นในช่องผู้กู้ในสัญญากู้ที่โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลเป็นของจำเลยคงโต้เถียงตามที่ให้การต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม จึงต้องฟังจากคำพยานหลักฐานอื่นต่อไป ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานบุคคล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นเอกสารสัญญาในศาล: การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน และผลกระทบต่อการคัดค้าน
โจทก์มิได้ระบุอ้างเอกสารสัญญากู้เป็นพยานไว้ แต่ได้ส่งต้นฉบับสัญญากู้ต่อศาลในการพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นเอกสารในสำนวน ดังนี้ เป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการอ้างและยื่นหรือส่งเอกสาร เป็นการพิจารณาผิดระเบียบจำเลยอาจยกขึ้นคัดค้านได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แต่ต้องร้องคัดค้านเสียก่อน 8 วันนับแต่ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบ และก่อนที่จะมีคำพิพากษา จำเลยเพิ่งยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาย่อมไม่ได้
จำเลยรับว่าลายเซ็นในช่องผู้กู้ในสัญญากู้ที่โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลเป็นของจำเลยคงโต้เถียงตามที่ให้การต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม จึงต้องฟังจากคำพยานหลักฐานอื่นต่อไป ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานบุคคล
จำเลยรับว่าลายเซ็นในช่องผู้กู้ในสัญญากู้ที่โจทก์ส่งต้นฉบับต่อศาลเป็นของจำเลยคงโต้เถียงตามที่ให้การต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้เป็นเอกสารปลอม จึงต้องฟังจากคำพยานหลักฐานอื่นต่อไป ไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานบุคคล