คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 88

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 627 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานที่ยื่นหลังกำหนด และการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่จะรับฟังพยานหลักฐานซึ่งคู่ความระบุหรือยื่นฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 และ 90 หรือไม่เพียงไรนั้น ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์และเหตุผลเป็นเรื่อง ๆ ไป คดีที่ศาลให้โจทก์นำสืบก่อนนับแต่วันชี้สองสถานถึงวันสืบพยานโจทก์เป็นระยะเวลาถึง 1 เดือน จำเลยก็ไม่ยื่นบัญชีพยานหรือหาทนายแก้ต่าง และจะอ้างว่าไม่ได้ระบุและส่งสำเนาเอกสารเนื่องจากไม่มีทนายความ ตนเองไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้กฎหมาย ดังนี้หาได้ไม่ และที่เพิ่งมายื่นบัญชีพยานและส่งเอกสารที่ตนจะอ้างภายหลังที่โจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว ทำให้โจทก์เสียเปรียบด้วย กรณีก็ปราศจากเหตุผลอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีพยานและรับฟังพยานหลักฐานนั้น ๆ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณา ไม่ตัดสิทธิการนำสืบพยาน หากจำเลยได้ยื่นคำให้การสู้คดีไว้แล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 วรรค 2 บัญญัติห้ามมิให้จำเลยเรียกพยานเข้าสืบเฉพาะกรณีที่ขาดนัดยื่นคำให้การเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อจำเลยเพียงแต่ขัดนัดพิจารณาแต่มิได้ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยจึงหาหมดสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานของตนเข้าสืบไม่
การขัดนัดพิจารณาในนัดหนึ่งนัดใด ถ้าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนำพยานหลักฐานเข้าสืบยังไม่หมด นัดต่อไปคู่ความที่ขาดนัดมาศาลก็ย่อมมีสิทธิที่จะถามค้านได้เพราะไม่ใช่เป็นพยานที่ได้สืบไปแล้ว
การที่คู่ความแถลงร่วมกันขอให้ศาลตั้งผู้เชี่ยวชาญแล้ว แม้ต่อมาจะไม่ตกลงกันในเรื่องค่าใช้จ่าย และในที่สุดฝ่ายหนึ่งได้ขอให้ศาลตั้งผู้เชี่ยวชาญไปฝ่ายเดียว ดังนี้อีกฝ่ายหนึ่งจะกลับมาคัดค้านภายหลังหาได้ไม่
การขออ้างพยานเพิ่ม แม้จะล่วงเวลาหลังจากสืบพยานฝ่ายตรงข้ามแล้ว ถ้าศาลเห็นมีเหตุสมควร ก็มีอำนาจอนุญาตได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาไม่ตัดสิทธิจำเลยในการนำสืบพยาน และการขอตั้งผู้เชี่ยวชาญร่วมกันย่อมมีผลผูกพัน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรค 2 บัญญัติห้ามมิให้จำเลยเรียกพยานเข้าสืบเฉพาะกรณีที่ขาดนัดยื่นคำให้การเท่านั้นฉะนั้นเมื่อจำเลยเพียงแต่ขาดนัดพิจารณาแต่มิได้ขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยจึงหาหมดสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานของตนเข้าสืบไม่
การขาดนัดพิจารณาในนัดหนึ่งนัดใด ถ้าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนำพยานหลักฐานเข้าสืบยังไม่หมด นัดต่อไปคู่ความที่ขาดนัดมาศาลก็ย่อมมีสิทธิที่จะถามค้านได้ เพราะไม่ใช่เป็นพยานที่ได้สืบไปแล้ว
การที่คู่ความแถลงร่วมกันขอให้ศาลตั้งผู้เชียวชาญแล้วแม้ต่อมาจะไม่ตกลงกันในเรื่องค่าใช้จ่ายและในที่สุดฝ่ายหนึ่งได้ขอให้ศาลตั้งผู้เชี่ยวชาญไปฝ่ายเดียว ดังนี้ อีกฝ่ายหนึ่งจะกลับมาคัดค้านภายหลังหาได้ไม่
การขออ้างพยานเพิ่มเติม แม้จะล่วงเวลาหลังจากสืบพยานฝ่ายตรงข้ามแล้วถ้าศาลเห็นมีเหตุสมควร ก็มีอำนาจอนุญาตได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระบุพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นความผิดหลายกระทง ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะกระทงที่เห็นว่ามีมูลและไม่ประทับฟ้องกระทงที่เห็นว่าไม่มีมูลนั้น โจทก์อุทธรณ์ได้ในทันที ไม่ต้องรอจนกว่าศาลจะได้ตัดสินคดีแล้ว
การระบุพยานของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แม้บัญชีพยาน ของโจทก์จะมีคำว่า บัญชีระบุพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็ดี จะถือว่าเป็นการระบุเฉพาะแต่ในตอนไต่สวนมูลฟ้องไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์มีความประสงค์ที่จะอ้างอิงพยานหลักฐานในคดีนั้นตามบัญชีพยานของตนตลอดทั้งเรื่อง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2505 วาระพิเศษ)
โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ประทับฟ้องความผิดบางกระทง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ และต่อมาได้พิพากษายกฟ้องความผิดกระทงที่ได้ประทับฟ้องไว้โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ การที่โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์และอุทธรณ์ คำพิพากษาศาลชั้นต้นด้วยนั้น ควรยื่นอุทธรณ์แยกกันเป็นคนละฉบับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานเกินกำหนดเนื่องจากวันหยุดราชการ ศาลพิจารณาเจตนาและประโยชน์แห่งความยุติธรรม
่วัดสุดท้ายที่มีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยาน เป็นวันหยุดราชการซึ่งหยุดติดต่อกัน 3 วัน เมื่อครบกำหนดวันหยุด ผู้ร้องก็ยื่นบัญชีระบุพยานทันที แล้วนำพยานมาให้สืบในวันนัดด้วยนั้น เห็นได้ว่าผู้ร้องไม่จงใจฝ่าฝืน ฉะนั้น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ควรให้รับบัญชีระบุพยานนั้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม แม้เลยกำหนด หากไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
การขอยื่นบัญชีพยายาฝ่ายฝืนกฎหมายหากไม่ทำให้คู่ความอีกฝ่ายเสียเปรียบศาลควรอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีรายชื่อพยานหลังสืบพยานฝ่ายจำเลยทำให้จำเลยเสียเปรียบ ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
สืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่สืบก่อนไปจนเสร็จแล้ว ต่อมาโจทก์จึงมาร้องขอระบุพยาน อ้างว่าพลั้งเผลหลงลืมไม่ได้ตรวจดูสำนวนก่อน โดยเชื่อว่าได้ยื่นไว้ต่อศาลแล้วนั้น ทำให้จำเลยเสียเปรียบในทางคดี ไม่ควรอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานหลังสืบพยานจำเลยถือเป็นการเสียเปรียบในทางคดี ศาลไม่ควรอนุญาต
สืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่สืบก่อนไปจนเสร็จแล้ว ต่อมาโจทก์จึงมาร้องขอระบุพยาน อ้างว่าพลั้งเผลอหลงลืมไม่ได้ตรวจดูสำนวนก่อนโดยเชื่อว่าได้ยื่นไว้ต่อศาลแล้วนั้น ทำให้จำเลยเสียเปรียบในทางคดี ไม่ควรอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงให้ศาลชี้ขาดแบ่งที่พิพาทโดยตรง ถือเป็นสืบพยานธรรมดาและผูกพันคู่ความ
โจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ศาลไปดูสภาพของที่พิพาท แล้วให้ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดแบ่งที่พิพาทว่าจะเป็นของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ตามแต่ศาลจะเห็นสมควร โดยไม่ต้องคำนึงถึงคำพยานที่สืบมาแล้วและจะยอมรับคำวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าวของศาลเป็นยุติข้อตกลงเช่นนี้เป็นเรื่องสืบพยานธรรมดา โดยอ้างวัตถุพยานคือ ที่พิพาทเป็นพยานร่วมนั่นเอง ข้อตกลงดังกล่าวนี้ก็สมบูรณ์ตามกฎหมายเพราะเป็นคดีส่วนแพ่ง เป็นเรื่องที่คู่ความจะตกลงกันเช่นนี้ได้ เพราะไม่มีกฎหมายห้าม ตามที่ตกลงกันไว้นั้นเท่ากับเป็นการที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ถือเอาคำขอและคำต่อสู้คดีในรูปเดิม แต่ขอให้ศาลไปตรวจที่พิพาทแล้วพิพากษาชี้ขาดได้ตลอดจนได้ยอมให้ศาลแบ่งที่ดินรายพิพาทได้ด้วย คือ จะแบ่งเท่ากันหรือไม่เท่ากัน หรือให้แก่ฝ่ายใดทั้งหมดก็ได้ แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร เมื่อศาลได้ไปตรวจสภาพของที่พิพาทตามข้อตกลง ไม่พบแนวเขตที่จะถือเป็นหลักในการแบ่ง ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทให้แก่โจทก์จำเลยคนละครึ่งได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดที่พิพาทโดยอ้างสภาพที่ดินเป็นพยานย่อมสมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ศาลไปดูสภาพของที่พิพาท แล้วให้ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด ที่พิพาทจะเป็นของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งหมดหรือบางส่วน ตามแต่ศาลจะเห็นสมควร โดยไม่ต้องคำนึงถึง คำพยานที่สืบมาแล้ว และจะยอมรับคำวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าวของศาลเป็นยุติ ข้อตกลงเช่นนี้ เป็นเรื่องสืบพยานธรรมดา โดยอ้างวัตถุพยาน คือ ที่พิพาทเป็นพยานร่วมนั่นเอง ข้อตกลงดังกล่าวนี้ก็สมบูรณ์ตามกฎหมายเพราะเป็นคดีส่วนแพ่ง เป็นเรื่องที่คู่ความจะตกลงกันเช่นนี้ได้ เพราะไม่มีกฎหมายห้าม ตามที่ตกลงกันไว้ นั้นเท่ากับ เป็นการที่ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ถือ เอาคำขอและคำต่อสู้คดีในรูปเดิม แต่ขอให้ศาลไปตรวจที่พิพาทแล้ว พิพากษาชี้ขาดได้ตลอดจนได้ยอมให้ศาลแบ่งที่ดินนายพิพาทได้ด้วย คือ จะแบ่งเท่ากันหรือไม่เท่ากันหรือใช้แก่ฝ่ายใดทั้งหมดก็ได้ แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร เมื่อศาลได้ไปตรวจสภาพของที่พิพาทตามข้อตกลง ไม่พบแนวเจตที่จะถือเป็นหลักในการแบ่ง ศาลก็มีอำนาจพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทให้แก่โจทก์จำเลยคนละครึ่งได้
of 63