คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 55

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 116 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 625/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความคุ้มครองของ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 ไม่ครอบคลุมความผิดฐานนำเข้าอาวุธปืนจากต่างประเทศ
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 5 มุ่งคุ้มครองเฉพาะความผิดฐานมีอาวุธปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามเท่านั้นไม่ คุ้มครองถึงความผิดฐานนำเข้ามาจากภายนอกราชอาณาจักรซึ่งอาวุธปืนดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเว้นโทษอาญาจากคำสั่ง คปถ. กรณีครอบครองอาวุธสงคราม และการมอบอาวุธตามคำสั่ง
จำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามไว้ในความครอบครองแต่ปรากฏว่าระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2519 สั่งให้ผู้ที่มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามไว้ในความครอบครองนำมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนภายในวันที่ 14 ตุลาคม 2519 โดยผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ไม่ต้องรับโทษจึงต้องถือว่าในระหว่างระยะเวลานี้กฎหมายได้ยกเว้นโทษให้แก่ผู้มีอาวุธปืน และกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามไว้ในความครอบครองแล้วจำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กฎหมายใหม่คุ้มครองผู้ครอบครองอาวุธสงครามเดิม หากมอบให้เจ้าหน้าที่ภายในกำหนด
ภายหลังจากวันที่จำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในความครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 แล้ว ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 ออกใช้บังคับ และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติให้บุคคลที่มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในความครอบครองซึ่งเป็นความผิดมาแต่ก่อนพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับไม่ว่าการกระทำนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด สามารถนำมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ได้ภายในกำหนด 90 วันโดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ จึงเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดยิ่งกว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ในเวลาที่จำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต้องใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 บังคับแก่การกระทำของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 วรรคแรก จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กฎหมายอาวุธปืนใหม่เป็นคุณแก่จำเลย: การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตภายหลังการบังคับใช้กฎหมายใหม่
ขณะที่อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาเป็นระยะเวลาระหว่างบังคับใช้ ซึ่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่6) พ.ศ.2518 ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 3 บัญญัติไว้มีใจความว่าผู้ใดมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมายถ้าได้นำมาขอรับอนุญาตต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษพระราชบัญญัตินี้ซึ่งประกาศใช้ภายหลังจึงแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะจำเลยกระทำความผิด และเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยตามนัยแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 จำเลยมีไว้ในความครอบครองซึ่งอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม จึงไม่ต้องรับโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2153/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และการครอบครองวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงประเด็นการลดโทษตามกฎหมาย
จำเลยเป็นพลตำรวจออกปฏิบัติการตามแผนกวาดล้างโจรผู้ร้ายในฤดูแล้ง ระหว่างปฏิบัติการ ผู้บังคับกองพบจำเลยกำลังเมาสุราพกปืนยืนขวางถนนอยู่จึงดึงตัวขึ้นรถเพราะเห็นว่าถ้าปล่อยไว้อาจจะไปก่อเหตุ วุ่นวายเดือดร้อน ระหว่างทางจำเลยเอาลูกระเบิดที่มีอยู่ถอดสลักนิรภัยโยนเข้าไปใต้ที่นั่งของผู้บังคับกองแล้วจำเลยกระโดดหนี ลูกระเบิดได้ระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ผู้บังคับกองกับพวกบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่
จำเลยมีลูกระเบิดสำหรับใช้เฉพาะในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และใช้ลูกระเบิดนั้นพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เป็นความผิดสองกระทง และเมื่อจำเลยได้ใช้วัตถุระเบิดดังกล่าวไปเสียก่อนวันที่พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ซึ่งยกเว้นโทษแก่ผู้มีวัตถุระเบิดฯ ไว้ในความครอบครองที่นำไปมอบแก่นายทะเบียนท้องที่ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีวัตถุระเบิดที่จะส่งมอบแก่นายทะเบียนได้ ย่อมไม่ได้รับยกเว้นโทษ
อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นพฤติการณ์ที่ร้ายแรง จำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐานไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ควรจะได้รับโทษถึงจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ลดโทษเลยนั้น พอเข้าใจได้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษจำคุกหนักขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนสงครามโดยผู้อพยพ: ความผิดและเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยเป็นทหารจีนคณะชาติกองพลที่ 93 ซึ่งตกค้างอยู่บริเวณชายแดนไทย แล้วอพยพเข้ามาและอยู่ในความควบคุมของ บก.04(กองอำนวยการควบคุมและพัฒนาอาชีพผู้อพยพ กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่) ทาง บก.04 จ่ายอาวุธปืน ปสบ. 87 ของกลาง ซึ่งเป็นอาวุธปืนของราชการทหารใช้เฉพาะแต่ในการสงครามให้แก่กองพล 93 ไว้ แล้วผู้บังคับบัญชาทางทหารของจำเลยจ่ายอาวุธปืนดังกล่าวนั้นให้จำเลย ดังนี้ จำเลยมิใช่ทหารของประเทศไทย เป็นแต่ผู้อพยพซึ่งอยู่ในความควบคุมของ บก. 04 จึงไม่มีสิทธิครอบครองได้อย่างทหาร เมื่อจำเลยมีไว้ในความครอบครองจึงต้องมีความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนของผู้อพยพ: ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยเป็นทหารจีนคณะชาติกองพลที่ 93 ซึ่งตกค้างอยู่บริเวณชายแดนไทย แล้วอพยพเข้ามาและอยู่ในความควบคุมของ บก.04(กองอำนวยการควบคุมและพัฒนาอาชีพผู้อพยพกองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่) ทาง บก.04 จ่ายอาวุธปืน ปสบ.87 ของกลาง ซึ่งเป็นอาวุธปืนของราชการทหารใช้เฉพาะแต่ในการสงครามให้แก่กองพล93 ไว้ แล้วผู้บังคับบัญชาทางทหารของจำเลยจ่ายอาวุธปืนดังกล่าวนั้นให้จำเลย ดังนี้ จำเลยมิใช่ทหารของประเทศไทย เป็นแต่ผู้อพยพซึ่งอยู่ในความควบคุมของบก.04 จึงไม่มีสิทธิครอบครองได้อย่างทหาร เมื่อจำเลยมีไว้ในความครอบครองจึงต้องมีความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2178/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความ 'กระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม' ตามกฎกระทรวงฯ กรณีปืนและกระสุนคนละแบบ
บรรยายฟ้องความว่า มีเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง คือกระสุนปืนเล็กสั้นบรรจุเองแบบ 87 ขนาด 7.62 ม.ม. เมื่อกฎกระทรวง ฉบับที่ 7(พ.ศ.2501) ฯลฯ ได้กำหนดเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในข้อ(16) คือ "เครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้กับสิ่งซึ่งระบุไว้ตั้งแต่ (1) ถึง (9) เว้นแต่เครื่องกระสุนปืน ชนิดและขนาดที่ใช้ได้แก่อาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาต" กฎกระทรวงดังกล่าวข้อ (3) ค.กำหนดว่า "ปืนเล็กสั้นแบบ 83 ขนาด 6.5 ม.ม. และ 7.62 ม.ม."กระสุนปืนของกลางเป็นแบบ 87 ปืนในกฎกระทรวงข้อ (3) ค.เป็นแบบ 83ต่างแบบกัน. จะฟังว่ากระสุนปืนเล็กสั้นแบบ 87ขนาด7.62 ม.ม. ในกฎกระทรวงข้อ (3) ค. ย่อมไม่ได้กระสุนปืนของกลางจึงไม่ใช่สำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็เป็นการเข้าใจผิดลงโทษจำเลย ฐานมีกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2178/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความกฎกระทรวงกำหนดกระสุนปืนใช้เฉพาะสงคราม: ความแตกต่างของแบบปืนและกระสุน
บรรยายฟ้องความว่า มีเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง คือกระสุนปืนเล็กสั้นบรรจุเองแบบ 87 ขนาด 7.62 ม.ม. เมื่อกฎกระทรวง ฉบับที่ 7(พ.ศ.2501) ฯลฯ ได้กำหนดเครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในข้อ(16) คือ "เครื่องกระสุนปืนสำหรับใช้กับสิ่งซึ่งระบุไว้ตั้งแต่ (1) ถึง (9) เว้นแต่เครื่องกระสุนปืน ชนิดและขนาดที่ใช้ได้แก่อาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาต" กฎกระทรวงดังกล่าวข้อ (3) ค. กำหนดว่า "ปืนเล็กสั้นแบบ 83 ขนาด 6.5 ม.ม. และ 7.62 ม.ม." กระสุนปืนของกลางเป็นแบบ 87 ปืนในกฎกระทรวงข้อ (3) ค. เป็นแบบ 83ต่างแบบกัน. จะฟังว่ากระสุนปืนเล็กสั้นแบบ 87 ขนาด7.62 ม.ม. ในกฎกระทรวงข้อ (3) ค. ย่อมไม่ได้กระสุนปืนของกลางจึงไม่ใช่สำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็เป็นการเข้าใจผิด ลงโทษจำเลยฐานมีกระสุนปืนสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนของทางราชการทหารที่หายไปโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ การครอบครองนั้นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน
ของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ใช้เฉพาะในการสงครามเป็นของทางราชการทหารแต่ได้หายไป จำเลยเป็นทหารแต่ไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ครอบครองอาวุธปืนของกลาง การครอบครองของจำเลยไม่ใช่การครอบครองในราชการทหาร จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 55,78 (ที่แก้ไขแล้ว)
สำเนาเอกสารซึ่งโจทก์อ้างเป็นพยานต่อศาลนั้น จำเลยไม่ได้โต้แย้งปฏิเสธแต่ประการใด ทั้งนำสืบรับด้วยว่าเป็นเอกสารติดต่อซื้อขายสุราต่างประเทศ เช่นนี้ ศาลจึงรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นๆ ของโจทก์ได้
of 12