พบผลลัพธ์ทั้งหมด 375 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ ค่าทนายความเกินสมควร ศาลลดเบี้ยปรับ
จำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลทำหนังสือรับสภาพหนี้และประนีประนอมยอมความให้โจทก์เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2506 โจทก์ฟ้องคดี พ.ศ. 2507 จึงไม่ขาดอายุความ
ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความไม่ได้บังคับว่า โจทก์ต้องแสดงใบรับเงินค่าจ้างทนายมาพร้อมฟ้อง
หนังสือสัญญารับสภาพหนี้และยอมความมีใจความว่าถ้าลูกหนี้ผิดนัดยอมให้เจ้าหนี้ฟ้อง ลูกหนี้ยอมใช้ค่าเสียหายที่เจ้าหนี้จ่ายเป็นค่าจ้างทนายความตามที่จ้างจริง โดยตกลงกำหนดเบี้ยปรับสำหรับค่าจ้างไว้เป็นเงิน 4,500 บาท หนี้สินรายนี้มีจำนวน 22,340 บาทนับว่าสูงเกินส่วน แม้โจทก์จ่ายเงินไปแล้วจริง 4,500 บาท ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ตกลงว่าจ้างแพงเกินควรที่จะให้จำเลยรับผิดศาลฎีกาเห็นควรลดเบี้ยปรับค่าจ้างทนายลงเหลือ 2,500 บาท
ฎีกาที่ว่า ข้อตกลงเรื่องให้จำเลยเสียค่าทนาย 4,500 บาทเป็นข้อตกลงที่ใช้บังคับกันไม่ได้ เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนนั้น จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความไม่ได้บังคับว่า โจทก์ต้องแสดงใบรับเงินค่าจ้างทนายมาพร้อมฟ้อง
หนังสือสัญญารับสภาพหนี้และยอมความมีใจความว่าถ้าลูกหนี้ผิดนัดยอมให้เจ้าหนี้ฟ้อง ลูกหนี้ยอมใช้ค่าเสียหายที่เจ้าหนี้จ่ายเป็นค่าจ้างทนายความตามที่จ้างจริง โดยตกลงกำหนดเบี้ยปรับสำหรับค่าจ้างไว้เป็นเงิน 4,500 บาท หนี้สินรายนี้มีจำนวน 22,340 บาทนับว่าสูงเกินส่วน แม้โจทก์จ่ายเงินไปแล้วจริง 4,500 บาท ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ตกลงว่าจ้างแพงเกินควรที่จะให้จำเลยรับผิดศาลฎีกาเห็นควรลดเบี้ยปรับค่าจ้างทนายลงเหลือ 2,500 บาท
ฎีกาที่ว่า ข้อตกลงเรื่องให้จำเลยเสียค่าทนาย 4,500 บาทเป็นข้อตกลงที่ใช้บังคับกันไม่ได้ เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนนั้น จำเลยไม่ได้ยกขึ้นว่าในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาทุนทรัพย์ในคดีบังคับโอนกรรมสิทธิ์: ศาลใช้ราคาที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันแม้ราคาซื้อขายจริงจะต่ำกว่า
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ ตั้งราคาทุนทรัพย์ของที่พิพาท 240,000 บาท จำเลยรับว่ามีราคาตามที่โจทก์ตีไว้ ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งทรัพย์ราคา 240,000 บาทให้โจทก์ หากจำเลยไม่สามารถโอนทรัพย์ให้โจทก์ได้ ก็ต้องใช้ราคาตามที่โจทก์จำเลยตั้งพิพาท จะถือเอาราคาซื้อขายตามที่ปรากฏจากข้อเท็จจริงว่าโจทก์ซื้อจากจำเลยเพียง 20,000 บาท มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมิใช่ราคาที่แท้จริงของทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ราคาทุนทรัพย์ในคดีบังคับโอนกรรมสิทธิ์: ศาลใช้ราคาที่ตกลงกันจริง แม้ราคาซื้อขายจะต่ำกว่า
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตั้งราคาทุนทรัพย์ของที่พิพาท 240,000 บาท จำเลยรับว่ามีราคาตามที่โจทก์ตีไว้ ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งทรัพย์ราคา 240,000 บาทให้โจทก์ หากจำเลยไม่สามารถโอนทรัพย์ให้โจทก์ได้ ก็ต้องใช้ราคาตามที่โจทก์จำเลยตั้งพิพาท จะถือเอาราคาซื้อขายตามที่ปรากฏจากข้อเท็จจริงว่าโจทก์ซื้อจากจำเลยเพียง 20,000 บาทมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมิใช่ราคาที่แท้จริงของทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดด้วยการชำระดอกเบี้ยด้วยการให้ทำนา การคิดดอกเบี้ยนับจากวันฟ้อง
พฤติการณ์ที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกของ ด.ผู้กู้ ให้โจทก์ผู้ให้กู้ทำนา ถือได้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติการชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ด้วยการให้โจทก์ได้ทำนา จึงเป็นการรับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการส่งดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ได้ทำนาต่างดอกเบี้ย หรือมิฉะนั้นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ดังนี้ โจทก์จะมีสิทธิทำนาได้ก็แต่โดยจำเลยยินยอม เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้โจทก์ทำนา และเอาที่นาคืนไปทำเองแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิติดตามเอาคืน ด. เจ้ามรดกกู้เงินโจทก์ตกลงจะให้ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ตกลงให้ก็คือให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระดอกเบี้ย โดยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินนับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดวันใดก่อนโจทก์ฟ้องศาลคิดคำนวณให้จากวันฟ้อง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1,3/2513)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ได้ทำนาต่างดอกเบี้ย หรือมิฉะนั้นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ดังนี้ โจทก์จะมีสิทธิทำนาได้ก็แต่โดยจำเลยยินยอม เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้โจทก์ทำนา และเอาที่นาคืนไปทำเองแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิติดตามเอาคืน ด. เจ้ามรดกกู้เงินโจทก์ตกลงจะให้ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ตกลงให้ก็คือให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระดอกเบี้ย โดยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินนับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดวันใดก่อนโจทก์ฟ้องศาลคิดคำนวณให้จากวันฟ้อง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1,3/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระดอกเบี้ยด้วยการให้ทำนาและการรับสภาพหนี้ ทำให้ขาดอายุความ
พฤติการณ์ที่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับมรดกของ ด. ผู้กู้ ให้โจทก์ผู้ให้กู้ทำนาถือได้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติการชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ด้วยการให้โจทก์ได้ทำนาจึงเป็นการรับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการส่งดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ได้ทำนาต่างดอกเบี้ย หรือมิฉะนั้นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีดังนี้ โจทก์จะมีสิทธิทำนาได้ก็แต่โดยจำเลยยินยอม เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้โจทก์ทำนาและเอาที่นาคืนไปทำเองแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนด. เจ้ามรดกกู้เงินโจทก์ตกลงจะให้ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ตกลงให้ก็คือให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระดอกเบี้ยโดยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินนับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดวันใดก่อนโจทก์ฟ้องศาลคิดคำนวณให้จากวันฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1,3/2513)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยยอมให้โจทก์ได้ทำนาต่างดอกเบี้ย หรือมิฉะนั้นให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีดังนี้ โจทก์จะมีสิทธิทำนาได้ก็แต่โดยจำเลยยินยอม เมื่อจำเลยไม่ยินยอมให้โจทก์ทำนาและเอาที่นาคืนไปทำเองแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนด. เจ้ามรดกกู้เงินโจทก์ตกลงจะให้ดอกเบี้ย ดอกเบี้ยที่ตกลงให้ก็คือให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย เมื่อจำเลยไม่ยอมชำระดอกเบี้ยโดยไม่ยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินนับแต่วันผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดวันใดก่อนโจทก์ฟ้องศาลคิดคำนวณให้จากวันฟ้อง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1,3/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาชำระหนี้และการสละสิทธิยึดหน่วง การรับสภาพหนี้ทำให้ อายุความสะดุดหยุดลง
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศของจำเลยด้วยสัมภาระของโจทก์ โดยชำระสินจ้างให้โจทก์แล้วบางส่วน นอกนั้นจะชำระเมื่องานเสร็จ โจทก์ลงมือแก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศนั้นแล้ว แต่ทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้างจำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไข ก็แก้ไขไม่สำเร็จ จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขต่อมาจำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ขอผ่อนชำระสินจ้างที่ค้างชำระเป็นสี่งวดหากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยให้ด้วยจำเลยชำระงวดแรกแล้วอีกสามงวดไม่ยอมชำระโดยอ้างว่าโจทก์ไม่แก้ไขเครื่องปรับอากาศให้ทำความเย็นได้ตามสัญญาจ้างสัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ครั้งหลังนี้ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความเพราะมิได้กล่าวถึงเรื่องค่าเสียหายในการผิดสัญญาจ้างเป็นแต่เพียงความตกลงในการชำระหนี้เท่านั้นสิทธิและความรับผิดของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ต่อกันตามสัญญาจ้างยังไม่ระงับสิ้นไปสัญญาตกลงชำระหนี้ไม่ปิดปากจำเลยมิให้โต้เถียงว่าเครื่องปรับอากาศซึ่งโจทก์รับจ้างติดตั้งชำรุดบกพร่องทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนด ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้างโจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จจนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบแต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จจำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้วจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้ เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลยจำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ นั้นย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2512)
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้างโจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จจนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบแต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จจำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้วจำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้ เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลยจำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ นั้นย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาตกลงชำระหนี้เป็นหลักฐานรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง แม้มีข้อพิพาทเรื่องคุณภาพงาน
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศของจำเลยด้วยสัมภาระของโจทก์ โดยชำระสินจ้างให้โจทก์แล้วบางส่วน นอกนั้นจะชำระเมื่องานเสร็จ โจทก์ลงมือแก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศนั้นแล้ว แต่ทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง จำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไข ก็แก้ไขไม่สำเร็จ จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไข ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ขอผ่อนชำระสินจ้างที่ค้างชำระเป็นสี่งวดหากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยให้ด้วยจำเลยชำระงวดแรกแล้ว อีกสามงวดไม่ยอมชำระ โดยอ้างว่าโจทก์ไม่แก้ไขเครื่องปรับอากาศให้ทำความเย็นได้ตามสัญญาจ้าง สัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ครั้งหลังนี้ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะมิได้กล่าวถึงเรื่องค่าเสียหายในการผิดสัญญาจ้าง เป็นแต่เพียงความตกลงในการชำระหนี้เท่านั้น สิทธิและความรับผิดของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ต่อกันตามสัญญาจ้างยังไม่ระงับสิ้นไป สัญญาตกลงชำระหนี้ไม่ปิดปากจำเลยมิให้โต้เถียงว่าเครื่องปรับอากาศซึ่งโจทก์รับจ้างติดตั้งชำรุดบกพร่องทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนด ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง โจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จ จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จ จำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้ เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลย จำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวด ๆ นั้น ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง.
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2512)
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง โจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จ จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จ จำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้ เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลย จำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวด ๆ นั้น ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง.
(ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผ่อนชำระหนี้สละสิทธิยึดหน่วง & อายุความสะดุดหยุดเมื่อรับสภาพหนี้
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศของจำเลยด้วยสัมภาระของโจทก์. โดยชำระสินจ้างให้โจทก์แล้วบางส่วน นอกนั้นจะชำระเมื่องานเสร็จ. โจทก์ลงมือแก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศนั้นแล้ว แต่ทำความเย็นไม่ได้.ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง. จำเลยแจ้งให้โจทก์แก้ไข ก็แก้ไขไม่สำเร็จ. จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไข. ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญากับโจทก์ขอผ่อนชำระสินจ้างที่ค้างชำระเป็นสี่งวดหากผิดนัดยอมเสียดอกเบี้ยให้ด้วยจำเลยชำระงวดแรกแล้ว.อีกสามงวดไม่ยอมชำระโดยอ้างว่าโจทก์ไม่แก้ไขเครื่องปรับอากาศ.ให้ทำความเย็นได้ตามสัญญาจ้าง. สัญญาที่จำเลยทำกับโจทก์ครั้งหลังนี้ ไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ. เพราะมิได้กล่าวถึงเรื่องค่าเสียหายในการผิดสัญญาจ้าง.เป็นแต่เพียงความตกลงในการชำระหนี้เท่านั้นสิทธิและความรับผิดของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ต่อกันตามสัญญาจ้างยังไม่ระงับสิ้นไป. สัญญาตกลงชำระหนี้ไม่ปิดปากจำเลยมิให้โต้เถียง.ว่าเครื่องปรับอากาศซึ่งโจทก์รับจ้างติดตั้งชำรุดบกพร่องทำความเย็นไม่ได้ตามที่กำหนด. ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ.
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้.ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง. โจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จ. จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ. แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จ. จำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้ว. จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น.
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้. เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลย. จำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้.
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ นั้น. ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง. (ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2512).
แม้โจทก์แก้ไขปรับปรุงเครื่องปรับอากาศทำความเย็นไม่ได้.ตามที่กำหนดในสัญญาจ้าง. โจทก์พยายามแก้ไข แต่แก้ไขไม่สำเร็จ. จนจำเลยต้องจ้างผู้อื่นแก้ไขซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบ. แต่เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระสินจ้างที่ค้างชำระแทนที่จำเลยจะใช้สิทธิยึดหน่วงสินจ้างไว้ก่อนจนกว่าโจทก์จะแก้ไขความชำรุดบกพร่องสำเร็จ. จำเลยกลับยอมทำสัญญาตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิยึดหน่วงที่จำเลยมีอยู่เสียแล้ว. จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระสินจ้างตามสัญญาตกลงชำระหนี้นั้น.
จำเลยเชิดบุคคลหนึ่งให้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยได้. เมื่อบุคคลนั้นทำสัญญาในนามจำเลยตกลงจะผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์. สัญญานั้นย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลย. จำเลยจะยกเอาข้อบังคับของบริษัทมายันโจทก์หรือบุคคลภายนอกไม่ได้.
การที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ยอมตกลงจะผ่อนชำระหนี้สินจ้างที่ค้างชำระให้แก่โจทก์เป็นงวดๆ นั้น. ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อันมีผลทำให้อายุความสะดุดหยุดลง. (ข้อกฎหมายตามวรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2512).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจำนองโมฆะ หากมิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย การรับสภาพหนี้ไม่ก่อให้เกิดสิทธิฟ้องร้องใหม่
จำเลยที่ 2 ยอมผูกพันตนเองเพื่อประกันการชำระหนี้ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์ โดยมอบโฉนดที่ดินและใบมอบฉันทะซึ่งลงชื่อแล้วให้โจทก์ไว้เพื่อจดทะเบียนจำนองเมื่อมิได้มีการจดทะเบียนจำนองให้ถูกต้องตามกฎหมาย สัญญาจำนองย่อมตกเป็นโมฆะ
การรับสภาพหนี้นั้น มีผลเพียงทำให้อายุความสะดุดหยุดลง หาเป็นการก่อตั้งสิทธิฟ้องร้องขึ้นใหม่แต่อย่างใดไม่ หากหนี้ซึ่งจะต้องรับผิดมิได้เกิดมีขึ้นอยู่แต่เดิม
เมื่อโจทก์อุทธรณ์ฎีกาเฉพาะในประเด็นที่ว่า หนังสือซึ่งจำเลยที่ 2 มีถึงโจทก์เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ โดยมิได้กล่าวอ้างเลยว่าหนังสือนั้นอาจถือเป็นหลักฐานแห่งการค้ำประกันได้ ย่อมไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะหยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย
การรับสภาพหนี้นั้น มีผลเพียงทำให้อายุความสะดุดหยุดลง หาเป็นการก่อตั้งสิทธิฟ้องร้องขึ้นใหม่แต่อย่างใดไม่ หากหนี้ซึ่งจะต้องรับผิดมิได้เกิดมีขึ้นอยู่แต่เดิม
เมื่อโจทก์อุทธรณ์ฎีกาเฉพาะในประเด็นที่ว่า หนังสือซึ่งจำเลยที่ 2 มีถึงโจทก์เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ โดยมิได้กล่าวอ้างเลยว่าหนังสือนั้นอาจถือเป็นหลักฐานแห่งการค้ำประกันได้ ย่อมไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะหยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 546/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจำนองโมฆะหากมิได้จดทะเบียน & การรับสภาพหนี้ไม่ก่อตั้งสิทธิฟ้องร้องใหม่
จำเลยที่ 2 ยอมผูกพันตนเองเพื่อประกันการชำระหนี้ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้โจทก์โดยมอบโฉนดที่ดินและใบมอบฉันทะซึ่งลงชื่อแล้วให้โจทก์ไว้เพื่อจดทะเบียนจำนอง เมื่อมิได้มีการจดทะเบียนจำนองให้ถูกต้องตามกฎหมายสัญญาจำนองย่อมตกเป็นโมฆะ
การรับสภาพหนี้นั้น มีผลเพียงทำให้อายุความสะดุดหยุดลงหาเป็นการก่อตั้งสิทธิฟ้องร้องขึ้นใหม่แต่อย่างใดไม่ หากหนี้ซึ่งจะต้องรับผิดมิได้เกิดมีขึ้นอยู่แต่เดิม
เมื่อโจทก์อุทธรณ์ฎีกาเฉพาะในประเด็นที่ว่า หนังสือซึ่งจำเลยที่ 2 มีถึงโจทก์เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ โดยมิได้กล่าวอ้างเลยว่าหนังสือนั้นอาจถือเป็นหลักฐานแห่งการค้ำประกันได้ ย่อมไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะหยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย
การรับสภาพหนี้นั้น มีผลเพียงทำให้อายุความสะดุดหยุดลงหาเป็นการก่อตั้งสิทธิฟ้องร้องขึ้นใหม่แต่อย่างใดไม่ หากหนี้ซึ่งจะต้องรับผิดมิได้เกิดมีขึ้นอยู่แต่เดิม
เมื่อโจทก์อุทธรณ์ฎีกาเฉพาะในประเด็นที่ว่า หนังสือซึ่งจำเลยที่ 2 มีถึงโจทก์เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ โดยมิได้กล่าวอ้างเลยว่าหนังสือนั้นอาจถือเป็นหลักฐานแห่งการค้ำประกันได้ ย่อมไม่มีประเด็นที่ศาลฎีกาจะหยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย