พบผลลัพธ์ทั้งหมด 375 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสิทธิเรียกร้องค่าจ้างก่อสร้าง เริ่มนับจากวันส่งมอบงาน ไม่ใช่วันทำงานเสร็จ
การที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงต่ออายุสัญญาก่อสร้างออกไปทำให้ระยะเวลาที่ต่อออกไปนั้นครบกำหนดก่อนวันที่โจทก์ส่งมอบงานงวดสุดท้าย ดังนั้น แม้ว่าการต่ออายุสัญญาดังกล่าวจะทำให้อายุของสัญญายืดออกไป แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อการนับอายุความที่จะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงและเริ่มนับอายุความใหม่ เพราะสิทธิเรียกร้องสินจ้างในการก่อสร้างนั้นต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบงานกัน มิใช่นับตั้งแต่วันที่ทำงานเสร็จ เงินค่าปรับที่โจทก์ได้รับคืนไปจากจำเลยที่ 1 เกิดจากจำเลยที่ 1 หักค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับเนื่องมาจากสัญญาจ้างก่อสร้างกำหนดเบี้ยปรับไว้ เมื่อโจทก์ผิดสัญญาส่งมอบงานล่าช้าจึงถูกจำเลยที่ 1 ปรับ ต่อมาภายหลังโจทก์ขอต่ออายุสัญญาอีกแต่ไม่ได้รับการต่อให้ คงได้รับเงินส่วนลดค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรีคืนเท่านั้น การคืนค่าปรับให้ ซึ่งจำเลยไม่มีหน้าที่และไม่ใช่การชำระค่าจ้างโจทก์ตามสัญญา จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ของจำเลยที่ 1 อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงโจทก์มาฟ้องเรียกเงินค่าจ้างตามสัญญาจ้างและเงินค่าจ้างขุดคูน้ำโดยอ้างว่าคณะกรรมการควบคุมงานของจำเลยที่ 1 ได้สั่งให้โจทก์ขุดเพิ่มขึ้นจากงานตามสัญญาจ้างในวันที่ 29 มิถุนายน 2526เป็นเวลาเกิน 2 ปี นับแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2524 ซึ่งเป็นวันที่มีการส่งและมอบงานกัน จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสิทธิเรียกร้องค่าจ้างก่อสร้าง: เริ่มนับจากวันส่งมอบงาน ไม่ใช่ทำงานเสร็จ การต่ออายุสัญญาก่อนส่งมอบงานไม่กระทบอายุความ
จำเลยที่ 1 ต่ออายุสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างให้แก่โจทก์ ระยะเวลาที่ต่ออายุสัญญาครบกำหนดก่อนวันที่โจทก์ส่งมอบงานงวดสุดท้าย การต่ออายุสัญญาดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการนับอายุความ เพราะสิทธิเรียกร้องสินจ้างในการก่อสร้างนั้นต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีการส่งมอบงาน หาใช่นับตั้งแต่วันที่ทำงานเสร็จไม่
เงินค่าปรับที่โจทก์ได้รับคืนไปจากจำเลยที่ 1 นั้น เกิดจากจำเลยที่ 1 หักค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับเนื่องจากโจทก์ผิดสัญญาส่งมอบงานล่าช้า ต่อมาโจทก์ขอต่ออายุสัญญาอีกแต่ไม่ได้รับการต่อให้ คงได้รับเงินส่วนลดค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรี การคืนค่าปรับให้ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่และไม่ใช่การชำระค่าจ้างตามสัญญา ถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ของจำเลยที่ 1 อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างเป็นเวลาเกิน 2 ปีนับแต่วันที่มีการส่งและรับมอบงานกัน คดีจึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 165 (1)
เงินค่าปรับที่โจทก์ได้รับคืนไปจากจำเลยที่ 1 นั้น เกิดจากจำเลยที่ 1 หักค่าจ้างไว้เป็นค่าปรับเนื่องจากโจทก์ผิดสัญญาส่งมอบงานล่าช้า ต่อมาโจทก์ขอต่ออายุสัญญาอีกแต่ไม่ได้รับการต่อให้ คงได้รับเงินส่วนลดค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรี การคืนค่าปรับให้ซึ่งจำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่และไม่ใช่การชำระค่าจ้างตามสัญญา ถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพหนี้ของจำเลยที่ 1 อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างเป็นเวลาเกิน 2 ปีนับแต่วันที่มีการส่งและรับมอบงานกัน คดีจึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 165 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดี: การรู้ตัวผู้รับผิดและผลของการรับสภาพหนี้
ร้านสหกรณ์ของโจทก์ดำเนินการโดยคณะกรรมการ ตามสัญญาจ้างได้กำหนดความรับผิดของจำเลยที่ 1 ผู้รับจ้างซึ่งทำหน้าที่ผู้จัดการร้านค้าของโจทก์ไว้ว่า ถ้าโจทก์ได้รับความเสียหายใด ๆ ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้น จำเลยที่ 1 จะยอมรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ นอกจากนี้ยังมีข้อบังคับของโจทก์กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดการร้านค้าของโจทก์ที่จะต้องตรวจตราดูแลสินค้าของโจทก์ให้อยู่ในสภาพอันดีและปลอดภัยอีกด้วย ต่อมาผู้ตรวจบัญชีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ตรวจพบว่าสินค้าของโจทก์ขาดบัญชี คณะกรรมการร้านค้าของโจทก์พิจารณากันในการประชุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 10พฤศจิกายน 2526 แล้วเห็นว่าการตรวจสอบของผู้ตรวจบัญชีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ถูกต้อง ฝ่ายจำเลยที่ 1 เห็นว่าไม่ถูกต้องจะขอให้มีการตรวจสอบใหม่โดยผู้ตรวจบัญชีเอกชนซึ่งจำเลยที่ 1จะจัดหามาเอง ต่อมามีการประชุมอีก 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้พิจารณาถึงปัญหาเกี่ยวกับตัวผู้จะพึงต้องรับผิดใช้ค่าสินค้าขาดบัญชีเพราะคณะกรรมการร้านค้าของโจทก์ทราบจากสัญญาและข้อบังคับของโจทก์อยู่แล้วตั้งแต่ต้นว่าจำเลยที่ 1 จะต้องเป็นผู้รับผิดใช้ค่าสินค้าที่ขาดบัญชี ดังนี้จึงต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินค้าขาดบัญชีตั้งแต่วันที่มีการประชุมคณะกรรมการร้านค้าของโจทก์ครั้งแรก แต่โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2527พ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนจึงขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 วรรคแรก เอกสารที่โจทก์อ้างว่าเป็นหนังสือรับสภาพหนี้มีข้อความสำคัญแต่เพียงว่า จำเลยที่ 1 ได้ยอมรับว่ามีสินค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ขาดบัญชีคิดตามราคาทุนเป็นเงิน846,773.97 บาทเท่านั้น หามีข้อความว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าเป็นหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์และยินยอมจะใช้ค่าสินค้าที่ขาดบัญชีนั้นต่อโจทก์ไม่ ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 รับสภาพต่อโจทก์ตามสิทธิเรียกร้องด้วยทำหนังสือรับสภาพให้ อันจะเป็นเหตุให้อายุความฟ้องคดีของโจทก์สะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีความรับผิดจากสินค้าขาดบัญชี เริ่มนับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและตัวผู้รับผิด
ร้านสหกรณ์โจทก์ดำเนินการโดยคณะกรรมการได้ว่าจ้างจำเลยที่ 1เป็นผู้จัดการร้านมีสัญญาว่าถ้า โจทก์ได้รับความเสียหายใด ๆ จำเลยที่ 1 ยอม รับผิดชอบต่อมาผู้ตรวจบัญชี กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ตรวจพบว่าสินค้าของโจทก์ ขาดบัญชี คณะกรรมการของโจทก์ได้ประชุมเมื่อวันที่10 พฤศจิกายน 2526 เห็นว่าการตรวจสอบดังกล่าวถูกต้อง แต่จำเลยที่ 1 จะให้ผู้ตรวจบัญชีเอกชนตรวจสอบใหม่ และมีการประชุมคณะกรรมการอีกในวันที่ 4 และ 17 ธันวาคม 2526 โดยการประชุม2 ครั้งหลัง ปัญหาตัวผู้จะต้องรับผิดต่อสินค้าขาดบัญชีหาได้พิจารณากันไม่ แสดงว่าคณะกรรมการของโจทก์ทราบจากสัญญาและข้อบังคับของโจทก์ตั้งแต่ต้น ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับผิดค่าสินค้าที่ขาดบัญชีต้องถือว่าโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินค้าขาดบัญชีตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2526 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 17ธันวาคม 2526 ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 หนังสือของจำเลยที่ 1 มีข้อความยอมรับว่ามีสินค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 ขาดบัญชี หาได้มีข้อความว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าเป็นหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์และยินยอมจะใช้ค่าสินค้าที่ขาดบัญชีนั้นต่อโจทก์ไม่ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์ หนังสือของ ป. ซึ่งเป็นภริยาจำเลยที่ 1 ทำถึงโจทก์มีข้อความว่า จำเลยที่ 1 มอบให้ ป. เป็นตัวแทนในการตกลงประนอมหนี้กับโจทก์ เมื่อเป็นการกล่าวอ้างของ ป. เองโดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 มอบให้ ป. ดำเนินการดังกล่าวจึงรับฟังเอกสารมายันจำเลยที่ 1 ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: การรับสภาพหนี้ไม่สมบูรณ์ ไม่ทำให้สะดุดอายุความ
จำเลยที่ 1 ทำหนังสือให้โจทก์มีข้อความสำคัญว่า จำเลยที่ 1ยอมรับว่ามีสินค้าของโจทก์ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1ขาดบัญชีคิดตามราคาทุนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ไม่มีข้อความว่าจำเลยที่ 1 ยอมรับว่าเป็นหนี้ตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์และยินยอม จะใช้ค่าสินค้าที่ขาดบัญชีแก่โจทก์ ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 รับสภาพหนี้ต่อโจทก์อายุความจึงไม่สะดุดหยุดลง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6145/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ-อายุความ: คดีแรงงาน การกระทำเกินอำนาจ-หนังสือรับสภาพหนี้ ไม่ขาดอายุความ
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลย มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานเพราะโจทก์อายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ จำเลยต้องจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพและค่าชดเชยหรือไม่ ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างแรงงาน มีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างฝ่าฝืนระเบียบและคำสั่งของโจทก์ และกระทำเกินขอบอำนาจที่ได้รับมอบหมายจากโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ ดังนี้ประเด็นข้อพิพาทคดีนี้กับคดีก่อนต่างกัน ฟ้องคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างแรงงานซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา164 วันที่ 6 กันยายน 2526 จำเลยได้ทำหนังสือรับรองความเสียหายให้แก่โจทก์ เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงและเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2526 ดังนั้น โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2534 ยังไม่เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5652/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระภาษีอากรค้าง: การคำนวณเงินเพิ่มและอายุความของหนี้ภาษี
ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 27 หาได้บัญญัติถึงหลักเกณฑ์และวิธีการชำระค่าภาษีอากรค้างว่าจะต้องชำระเงินเพิ่มก่อนหลังกันอย่างไรจึงเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าหนี้จะต้องนำสืบมิใช่ข้อที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลจะสามารถรู้ได้เอง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าหนี้มีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีเงินได้ไปยังลูกหนี้ที่ 2และลูกหนี้ที่ 2 ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้วไม่ปรากฏว่าลูกหนี้ที่ 2ได้ชำระค่าภาษีเงินได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งการประเมินลูกหนี้ที่ 2 จึงต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 20 ตามมาตรา 27 ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และศาลล่างทั้งสองนำเงินที่ลูกหนี้ที่ 2ผ่อนชำระไปหักจากค่าภาษีเงินได้ตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีโดยไม่คำนวณเงินเพิ่มร้อยละ 20 ด้วย จึงเป็นการไม่ถูกต้อง การที่พยานเจ้าหนี้ให้การว่า ได้มีการชำระเงินกันบางส่วนแล้วแต่จะชำระเมื่อใดไม่ปรากฏนั้น แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าลูกหนี้ที่ 2 ได้รับทราบการประเมินและไม่มีเจ้าหนี้รายอื่นโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้ก็ไม่อาจถือได้ว่ามีการรับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการใช้เงินบางส่วนอันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 172.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3958/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีล้มละลาย: การนับอายุความและการชำระหนี้
หนี้จำนวนแรกศาลพิพากษาตามยอมให้ลูกหนี้กับ ท. และ ล.ชำระเงินแก่เจ้าหนี้พร้อมดอกเบี้ย โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2521 เป็นต้นไป เมื่อ ท.ชำระเงินจำนวน 107,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย และ ล. ชำระเงินจำนวน313,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแล้วให้ไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ ท. และ ล. จำนองไว้ เป็นมูลหนี้อันเป็นสิทธิเรียกร้อง อันตั้งฐานขึ้นโดยคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจึงมีอายุความ 10 ปี หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้วลูกหนี้ไม่ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ อายุความย่อมเริ่มนับตั้งแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ คือวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2521 เมื่อนับถึงวันที่ 12 เมษายน 2531ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นระยะเวลาเกิน 10 ปีแล้วจึงขาดอายุความ การที่ ท. และ ล. ลูกหนี้ร่วมชำระหนี้แก่โจทก์ในวันที่ 15 มีนาคม 2521 และ 19 มิถุนายน 2521 ตามลำดับ เป็นการไถ่ถอนจำนองตามสิทธิที่ระบุไว้ในคำพิพากษา ไม่เกี่ยวกับการชำระหนี้ในส่วนของลูกหนี้ ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง หนี้จำนองที่สอง ศาลพิพากษาตามยอมให้ลูกหนี้กับพวกชำระหนี้แก่เจ้าหนี้โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ทุกวันที่ 15 ของเดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2521 เป็นต้นไป หลังจากศาลพิพากษาแล้วมีการผ่อนชำระแก่เจ้าหนี้ 3 งวด แล้วไม่ชำระอีก อายุความเริ่มนับเมื่อผิดนัดงวดที่ 4 คือตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2521เมื่อนับถึงวันที่ 12 เมษายน 2531 ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยังอยู่ในระยะเวลา 10 ปี หนี้จำนวนหลังจึงยังไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3220/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้โดยผู้ชำระบัญชีทำให้ อายุความสะดุดหยุดลง ทำให้สิทธิเรียกร้องไม่ขาดอายุความ
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2527 ผู้ชำระบัญชีของบริษัทลูกหนี้มีหนังสือถึงเจ้าหนี้ว่า โดยที่ปรากฏในสมุดบัญชีว่าเจ้าหนี้มีชื่อเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้ ขอให้เจ้าหนี้ติดต่อแสดงหลักฐานการเป็นหนี้เจ้าหนี้จึงนำหลักฐานการเป็นเจ้าหนี้ไปแสดง นอกจากผู้ชำระบัญชีของบริษัทลูกหนี้จะมิได้ปฏิเสธความรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทแล้ว ผู้ชำระบัญชียังได้มีหนังสือลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2527ถึงเจ้าหนี้แจ้งให้ไปแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทค. ถือได้ว่าเป็นการทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ ตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2527 และเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันนั้น เมื่อนับถึงวันที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยังไม่พ้นเวลา 3 ปี สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทจึงไม่ขาดอายุความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3220/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้โดยผู้ชำระบัญชี ส่งผลสะดุดอายุความค้างชำระหนี้
การที่ผู้ชำระบัญชีของบริษัทลูกหนี้มีหนังสือแจ้งเจ้าหนี้ว่าเจ้าหนี้มีชื่อเป็นเจ้าหนี้ในสมุดบัญชีของลูกหนี้ ขอให้เจ้าหนี้ติดต่อแสดงหลักฐานการเป็นหนี้ เมื่อเจ้าหนี้นำหลักฐานการเป็นเจ้าหนี้ไปแสดง .......... ผู้ชำระบัญชีของบริษัทลูกหนี้ก็มิได้ปฏิเสธความรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งเป็นหลักฐานการเป็นเจ้าหนี้ที่ลูกหนี้ออกให้แก่เจ้าหนี้ ผู้ชำระบัญชีกลับมีหนังสือถึงเจ้าหนี้ให้นำตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังกล่าวไปเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินจากบริษัทที่ได้รับมอบหมาย พฤติการณ์ของบริษัทลูกหนี้ดังนี้ เป็นการกระทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่า ยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลง เมื่อนับถึงวันที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยังไม่พ้นเวลาสามปี สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินยังไม่ขาดอายุความ.