พบผลลัพธ์ทั้งหมด 168 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้ารับสัญญาระหว่างตัวการและตัวแทน: สิทธิของตัวการในการฟ้องร้องตามสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าบ้านพิพาทจาก น. และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ น. ยอมออกจากบ้าน การที่โจทก์ตัวการเข้ารับเอาสัญญาทั้งสองที่ น. ทำไว้แทนตนนั้นเป็นสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 การเข้ารับเอาไม่จำต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือแต่อย่างใด และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่าโจทก์ให้สัตยาบันหรือไม่ เพราะการให้สัตยาบันเป็นปัญหาที่จะพิจารณาถึงความรับผิดของตัวการตาม มาตรา 823 มิใช่ปัญหาเรื่องสิทธิของตัวการซึ่งต้องพิจารณาตามมาตรา 806
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของตัวการในการรับเอาสัญญาที่ตัวแทนทำไว้ โดยไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือหรือให้สัตยาบัน
จำเลยทำสัญญาเช่าบ้านพิพาทจาก น. และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับ น. ยอมออกจากบ้าน การที่โจทก์ตัวการเข้ารับเอาสัญญาทั้งสองที่ น. ทำไว้แทนตน นั้นเป็นสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 การเข้ารับเอาไม่จำต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐาน เป็นหนังสือแต่อย่างใด และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณา ว่าโจทก์ให้สัตยาบันหรือไม่ เพราะการให้สัตยาบันเป็นปัญหา ที่จะพิจารณาถึงความรับผิดของตัวการตามมาตรา 823 มิใช่ปัญหาเรื่องสิทธิของตัวการซึ่งต้องพิจารณาตามมาตรา 806
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิเรียกร้องจากการเลิกจ้าง: การถอนฟ้องและตกลงรับค่าชดเชยย่อมผูกพันโจทก์
โจทก์เคยฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ขอให้ศาลบังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้ ศาลไกล่เกลี่ยจนตกลงกันได้โดยจำเลยยอม จ่ายค่าชดเชยให้และโจทก์ถอนฟ้องไป คดีถึงที่สุด ดังนี้การที่โจทก์มาฟ้องใหม่ว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้านั้น แม้จะไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะคดีก่อนศาลมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีก็ตาม แต่การที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนและตกลงกันดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นว่าโจทก์ยินยอมสละสิทธิอื่น ๆ อันจะพึงเรียกร้องจากจำเลยเนื่องมาจากจำเลยเลิกจ้างโจทก์นั้นทั้งสิ้นนอกจากค่าชดเชยความตกลงเช่นนี้ย่อมผูกพันโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ขึ้นมาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิจากการตกลงไกล่เกลี่ยคดีเลิกจ้าง: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ขอให้ศาลบังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้ ศาลไกล่เกลี่ยจนตกลงกันได้โดยจำเลยยอมจ่ายค่าชดเชยให้และโจทก์ถอนฟ้องไป คดีถึงที่สุด ดังนี้ การที่โจทก์มาฟ้องใหม่ว่าจำเลยเลิกจ้างโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้านั้น แม้จะไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนศาลมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีก็ตาม แต่การที่โจทก์ฟ้องคดีก่อนและตกลงกันดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นว่าโจทก์ยินยอมสละสิทธิอื่น ๆ อันจะพึงเรียกร้องจากจำเลยเนื่องมาจากจำเลยเลิกจ้างโจทก์นั้นทั้งสิ้นนอกจากค่าชดเชยความตกลงเช่นนี้ย่อมผูกพันโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ขึ้นมาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1413/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือประนีประนอมยอมความที่ไม่ได้รับมอบหมาย และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากประกันภัยรถยนต์
บันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์กับ ป. มีลักษณะเป็นหนังสือสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลย เมื่อ ป.ไม่ได้รับมอบหมายเป็นหนังสือจากจำเลยให้ทำหนังสือประนีประนอมยอมความ จึงถือไม่ได้ว่า ป. กระทำการแทนจำเลย หนังสือประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์และจำเลยให้ต้องปฏิบัติตาม และจำเลยจะอ้างสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นต่อสู้ปัดความรับผิดไม่ได้
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้แล้ว แต่จำเลยไม่ยอมชำระ จึงถือได้ว่าจำเลยผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวนั้น โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224แม้จะปรากฏว่าโจทก์ได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์หลังฟ้องแล้วก็ไม่ตัดสิทธิที่จะฟ้องเรียกจากจำเลย
โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้แล้ว แต่จำเลยไม่ยอมชำระ จึงถือได้ว่าจำเลยผิดนัดชำระหนี้ดังกล่าวนั้น โจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224แม้จะปรากฏว่าโจทก์ได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์หลังฟ้องแล้วก็ไม่ตัดสิทธิที่จะฟ้องเรียกจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2930/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันบังคับได้ แม้เป็นการตกลงเรื่องการรุกล้ำที่ดิน การละเมิดสิทธิในที่ดินต้องรับผิด
บันทึกรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีซึ่งมีข้อความเป็นการตกลงระงับพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องการสร้างรั้วรุกล้ำ และได้ลงลายมือชื่อโจทก์จำเลยไว้เป็นหลักฐานด้วย ถือได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850,851
การที่จำเลยก่อสร้างกำแพงรุกล้ำที่ดินของโจทก์และขนเศษอิฐเศษปูนที่นำไปทิ้งในที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลย จะอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่โจทก์ทำให้เกิด ความสวยงามและที่ดินของโจทก์ราคาสูงขึ้นไม่ได้เพราะประเด็น สำคัญอยู่ที่ว่าการ กระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิในที่ดินของโจทก์
การที่จำเลยก่อสร้างกำแพงรุกล้ำที่ดินของโจทก์และขนเศษอิฐเศษปูนที่นำไปทิ้งในที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลย จะอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่โจทก์ทำให้เกิด ความสวยงามและที่ดินของโจทก์ราคาสูงขึ้นไม่ได้เพราะประเด็น สำคัญอยู่ที่ว่าการ กระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิในที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแบ่งที่ดินตามสัดส่วนการครอบครองสำคัญกว่าเนื้อที่ตามโฉนด สัญญาประนีประนอมยอมความต้องผูกพันตามเจตนาที่แท้จริง
โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ส่วนหนึ่งของที่พิพาทมาจาก ช. ผู้ถือกรรมสิทธิ์ รวมกับจำเลยแล้วโจทก์ครอบครองที่พิพาทส่วนทางทิศเหนือตามที่ ช. เจ้าของเดิมครอบครองมา ส่วนจำเลยครอบครองทางทิศใต้โดยถือเอาคันสวนเป็นแนวเขต ต่อมาโจทก์จำเลยได้ ทำบันทึกตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมมีความว่า โจทก์จำเลยตกลงแบ่งส่วนที่ดินของตนที่มีอยู่ในที่ดินแปลงนี้ออกจากกันทางทิศใต้แบ่งเป็นของจำเลยให้ได้เนื้อที่ครึ่งหนึ่ง ส่วนแปลงคงเหลือเป็นของโจทก์ บันทึก ดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความใช้บังคับกันได้
บันทึกดังกล่าวข้อ 1 ระบุว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ กับข้อ 2 ระบุว่าโจทก์จำเลยจะนำช่างแผนที่ไปทำการรังวัดปักหลักเขตให้เป็นการแน่นอนต่อไป เมื่ออ่าน 2 ข้อประกอบกันแล้วเห็นได้ว่าคู่กรณีเจตนาให้แบ่งกันตามส่วนที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่แล้ว ต้องถือตามเจตนาที่แท้จริงของคู่กรณี คือแบ่งครึ่งกันตามที่ทั้งสองฝ่ายนำชี้ ที่ซึ่งตนครอบครองอยู่แล้ว หาใช่แบ่งครึ่งกันตามเนื้อที่ที่คำนวณได้ไม่
บันทึกดังกล่าวข้อ 1 ระบุว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ กับข้อ 2 ระบุว่าโจทก์จำเลยจะนำช่างแผนที่ไปทำการรังวัดปักหลักเขตให้เป็นการแน่นอนต่อไป เมื่ออ่าน 2 ข้อประกอบกันแล้วเห็นได้ว่าคู่กรณีเจตนาให้แบ่งกันตามส่วนที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่แล้ว ต้องถือตามเจตนาที่แท้จริงของคู่กรณี คือแบ่งครึ่งกันตามที่ทั้งสองฝ่ายนำชี้ ที่ซึ่งตนครอบครองอยู่แล้ว หาใช่แบ่งครึ่งกันตามเนื้อที่ที่คำนวณได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1962/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแบ่งที่ดินตามส่วนการครอบครองเดิมสำคัญกว่าเนื้อที่จริง ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ส่วนหนึ่งของที่พิพาทมาจาก ข. ผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมกับจำเลยแล้ว โจทก์ครอบครองที่พิพาทส่วนทางทิศเหนือตามที่ ข. เจ้าของเดิมครอบครองมา ส่วนจำเลยครอบครองทางทิศใต้โดยถือเอาคันสวนเป็นแนวเขต ต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำบันทึกตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมมีความว่า โจทก์จำเลยตกลงแบ่งส่วนที่ดินของตนที่มีอยู่ในที่ดินแปลงนี้ออกจากกัน ทางทิศใต้แบ่งเป็นของจำเลยให้ได้เนื้อที่ครึ่งหนึ่ง ส่วนแปลงคงเหลือเป็นของโจทก์ บันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความใช้บังคับกันได้
บันทึกดังกล่าวข้อ 1 ระบุว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ กับข้อ 2 ระบุว่า โจทก์จำเลยจะนำช่างแผนที่ไปทำการรับวัดปักหลักเขตให้เป็นการแน่นอนต่อไป เมื่ออ่าน 2 ข้อประกอบกันแล้วเห็นได้ว่า คู่กรณีเจตนาให้แบ่งกันตามส่วนที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่แล้ว ต้องถือตามเจตนาที่แท้จริงของคู่กรณี คือแบ่งครึ่งกันตามที่ทั้งสองฝ่ายนำชี้ที่ซึ่งตนครอบครองอยู่แล้ว หาใช่แบ่งครึ่งกันตามเนื้อที่ที่คำนวณได้ไม่
บันทึกดังกล่าวข้อ 1 ระบุว่าให้แบ่งตามส่วนที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ กับข้อ 2 ระบุว่า โจทก์จำเลยจะนำช่างแผนที่ไปทำการรับวัดปักหลักเขตให้เป็นการแน่นอนต่อไป เมื่ออ่าน 2 ข้อประกอบกันแล้วเห็นได้ว่า คู่กรณีเจตนาให้แบ่งกันตามส่วนที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่แล้ว ต้องถือตามเจตนาที่แท้จริงของคู่กรณี คือแบ่งครึ่งกันตามที่ทั้งสองฝ่ายนำชี้ที่ซึ่งตนครอบครองอยู่แล้ว หาใช่แบ่งครึ่งกันตามเนื้อที่ที่คำนวณได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันเจ้าของสินบริคณห์ การไถ่ถอนที่ดิน
สามีโจทก์และสามีจำเลยได้ตกลงทำบันทึกกันยอมให้ฝ่ายจำเลยไถ่นาพิพาทคืนจากโจทก์ได้ในราคา 5,200 บาท บันทึกนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850, 851 และที่ดินพิพาทเป็นสินบริคณห์ ย่อมอยู่ในอำนาจสามีโจทก์ที่จะจัดการสินบริคณห์ รวมทั้งจำหน่ายได้ด้วยตามมาตรา 1468, 1472 เดิม อันเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น โจทก์ต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่สามีโจทก์ทำไว้โดยต้องยอมให้จำเลยไถ่ถอนคืนตามสัญญานั้น จะปฏิเสธไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้ทำโดยสามีเกี่ยวกับสินบริคณห์ของภรรยา
สามีโจทก์และสามีจำเลยได้ตกลงทำบันทึกกันยอมให้ฝ่ายจำเลยไถ่นาพิพาทคืนจากโจทก์ได้ในราคา 5,200 บาท บันทึกนั้นเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850, 851 และที่ดินพิพาทเป็นสินบริคณห์ ย่อมอยู่ในอำนาจสามีโจทก์ที่จะจัดการสินบริคณห์ รวมทั้งจำหน่ายได้ด้วยตามมาตรา 1468, 1472 เดิม อันเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น โจทก์ต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่สามีโจทก์ทำไว้ โดยต้องยอมให้จำเลยไถ่ถอนคืนตามสัญญานั้น จะปฏิเสธไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาหาได้ไม่