คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 851

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 168 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: หลักฐานลายมือชื่อฝ่ายรับผิดเพียงพอฟ้องบังคับได้ แม้คู่สัญญามิได้ลงลายมือชื่อร่วมกัน
สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น กฎหมายมิได้บังคับให้ต้องทำตามแบบ. เพียงแต่บัญญัติว่า ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ. จะฟ้องร้องให้บังคับคดีมิได้.
โจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน แต่แยกลงลายมือชื่อในเอกสารคนละฉบับ. โจทก์ย่อมอาศัยเอกสารที่จำเลยลงลายมือชื่อฟ้องร้องบังคับจำเลยได้. แม้โจทก์จะมิได้ลงลายมือชื่อร่วมในเอกสารนั้นด้วย.
ปัญหาข้อกฎหมายซึ่งมิได้ยกขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์. ทั้งไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน.ต้องห้ามมิให้ฎีกา. แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามา.ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: หลักฐานลายมือชื่อฝ่ายจำเลยเพียงพอ แม้โจทก์มิได้ลงลายมือชื่อร่วม
สัญญาประนีประนอมยอมความนั้น กฎหมายมิได้บังคับให้ต้องทำตามแบบ เพียงแต่บัญญัติว่า ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดหรือลายมือชื่อตัวแทนของฝ่ายนั้นเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีมิได้
โจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน แต่แยกลงลายมือชื่อในเอกสารคนละฉบับ โจทก์ย่อมอาศัยเอกสารที่จำเลยลงลายมือชื่อฟ้องร้องบังคับจำเลยได้ แม้โจทก์จะมิได้ลงลายมือชื่อร่วมในเอกสารนั้นด้วย
ปัญหาข้อกฎหมายซึ่งมิได้ยกขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทั้งไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนต้องห้ามมิให้ฎีกา แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลแยกพิจารณาได้ การประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาชอบด้วยกฎหมาย
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลมีอำนาจที่จะแยกการพิจารณาคดีอาญาออกจากคดีแพ่ง และพิพากษาคดีอาญาไปทีเดียวส่วนคดีแพ่งจะพิพากษาในภายหลังก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 42 วรรคสอง ฉะนั้นการที่โจทก์ถอนฟ้องคดีส่วนอาญาไป จึงหาทำให้คดีส่วนแพ่งระงับไปด้วยไม่
โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงว่าจำเลยขอชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เพียง 170,000 บาท โดยจะชำระให้เสร็จภายใน 6 เดือนโจทก์ตกลงด้วย ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยโจทก์จำเลยยอมผ่อนผันให้แก่กัน ศาลชั้นต้นได้จดข้อความแห่งข้อตกลงของคู่ความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและคู่ความได้ลงชื่อไว้แล้ว ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 851แล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้หาจำเป็นที่ศาลจะต้องบันทึกลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญายอมความเสมอไปไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดี ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาคดีไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับข้อพิพาทด้วยสัญญาประนีประนอมยอมความและการพิจารณาคดีแพ่งควบคู่คดีอาญา
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลมีอำนาจที่จะแยกการพิจารณาคดีอาญาออกจากคดีแพ่ง และพิพากษาคดีอาญาไปทีเดียว. ส่วนคดีแพ่งจะพิพากษาในภายหลังก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 42 วรรคสอง. ฉะนั้นการที่โจทก์ถอนฟ้องคดีส่วนอาญาไป จึงหาทำให้คดีส่วนแพ่งระงับไปด้วยไม่.
โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงว่าจำเลยขอชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เพียง 170,000 บาท. โดยจะชำระให้เสร็จภายใน 6 เดือนโจทก์ตกลงด้วย. ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยโจทก์จำเลยยอมผ่อนผันให้แก่กัน. ศาลชั้นต้นได้จดข้อความแห่งข้อตกลงของคู่ความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและคู่ความได้ลงชื่อไว้แล้ว. ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 851แล้ว. สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้หาจำเป็นที่ศาลจะต้องบันทึกลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญายอมความเสมอไปไม่. ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดี. ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว. ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาคดีไปได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับข้อพิพาทด้วยสัญญาประนีประนอมยอมความ และการพิจารณาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลมีอำนาจที่จะแยกการพิจารณาคดีอาญาออกจากคดีแพ่ง และพิพากษาคดีอาญาไปทีเดียว ส่วนคดีแพ่งจะพิพากษาในภายหลังก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 42 วรรค 2 ฉะนั้นการที่โจทก์ถอนฟ้องคดีส่วนอาญาไป จึงหาทำให้คดีส่วนแพ่งระงับไปด้วยไม่
โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงว่าจำเลยขอชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เพียง 170,000 บาท โดยจะชำระให้เสร็จภายใน 6 เดือนโจทก์ตกลงด้วย ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยโจทก์จำเลยยอมผ่อนผันให้แก่กัน ศาลชั้นต้นได้จดข้อความแห่งข้อตกลงของคู่ความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและคู่ความได้ลงชื่อไว้แล้ว ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 851แล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้หาจำเป็นที่ศาลจะต้องบันทึกลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญายอมความเสมอไปไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดี ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาคดีไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าซื้อที่ดินร่วมกัน แม้ไม่มีหลักฐานการตั้งตัวแทน และผลของเอกสารที่มิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์จำเลยซึ่งเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสร่วมกันออกเงินเช่าซื้อที่ดินในนามจำเลยจนได้กรรมสิทธิ์.ย่อมมีส่วนเป็นเจ้าของคนละครึ่ง.
แม้โจทก์จะไม่มีหนังสือตั้งจำเลยเป็นตัวแทนเช่าซื้อที่ดิน (ซึ่งต้องทำเป็นหนังสือ) จำเลยก็มีหน้าที่ต้องคืนประโยชน์ให้โจทก์ซึ่งเป็นตัวการเมื่อโจทก์เรียกร้อง. จำเลยจะยกเอาเหตุการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือขึ้นอ้างหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 262/2493).
หนังสือซึ่งไม่มีข้อความแสดงถึงการระงับข้อพิพาท ไม่อาจถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความ. ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดี (ในฐานะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ)ไม่ได้.
บุตรนอกกฎหมายซึ่งบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรแล้ว. จะฟ้องบิดาซึ่งเป็นผู้บุพพการีมิได้. เป็นคดีอุทลุมต้องห้าม. แม้บุตรยังเป็นผู้เยาว์และมีผู้แทนโดยชอบธรรมผู้แทนโดยชอบธรรมก็ไม่มีอำนาจฟ้องแทนดุจเดียวกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าซื้อทรัพย์สินร่วมกัน สิทธิความเป็นเจ้าของ และผลของการตกลงที่ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์จำเลยซึ่งเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสร่วมกันออกเงินเช่าซื้อที่ดินในนามจำเลยจนได้กรรมสิทธิ์ย่อมมีส่วนเป็นเจ้าของคนละครึ่ง
แม้โจทก์จะไม่มีหนังสือตั้งจำเลยเป็นตัวแทนเช่าซื้อที่ดิน (ซึ่งต้องทำเป็นหนังสือ) จำเลยก็มีหน้าที่ต้องคืนประโยชน์ให้โจทก์ซึ่งเป็นตัวการเมื่อโจทก์เรียกร้อง จำเลยจะยกเอาเหตุการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือขึ้นอ้างหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 262/2493)
หนังสือซึ่งไม่มีข้อความแสดงถึงการระงับข้อพิพาท ไม่อาจถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดี(ในฐานะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ)ไม่ได้
บุตรนอกกฎหมายซึ่งบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรแล้วจะฟ้องบิดาซึ่งเป็นผู้บุพพการีมิได้เป็นคดีอุทลุมต้องห้ามแม้บุตรยังเป็นผู้เยาว์และมีผู้แทนโดยชอบธรรมผู้แทนโดยชอบธรรมก็ไม่มีอำนาจฟ้องแทนดุจเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าซื้อที่ดินร่วมกัน สิทธิในทรัพย์สิน และข้อจำกัดการฟ้องแทนบุตร
โจทก์จำเลยซึ่งเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสร่วมกันออกเงินเช่าซื้อที่ดินในนามจำเลยจนได้กรรมสิทธิ์ย่อมมีส่วนเป็นเจ้าของคนละครึ่ง
แม้โจทก์จะไม่มีหนังสือตั้งจำเลยเป็นตัวแทนเช่าซื้อที่ดิน (ซึ่งต้องทำเป็นหนังสือ) จำเลยก็มีหน้าที่ต้องคืนประโยชน์ให้โจทก์ซึ่งเป็นตัวการเมื่อโจทก์เรียกร้อง จำเลยจะยกเอาเหตุการณ์ตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือขึ้นอ้างหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 262/2493)
หนังสือซึ่งไม่มีข้อความแสดงถึงการระงับข้อพิพาท ไม่อาจถือได้ว่าเป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความ ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดี (ในฐานะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ) ไม่ได้
บุตรนอกกฎหมายซึ่งบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรแล้ว จะฟ้องบิดาซึ่งเป็นผู้บุพพการีมิได้ เป็นคดีอุทลุมต้องห้าม แม้บุตรยังเป็นผู้เยาว์และมีผู้แทนโดยชอบธรรมผู้แทนโดยชอบธรรมก็ไม่มีอำนาจฟ้องแทนดุจเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1420/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้ยังมิได้รังวัดแบ่งแยกที่ดิน
ที่พิพาทมีชื่อโจทก์จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในโฉนด โดยมิได้ระบุส่วนของใครเท่าใด ในเบื้องต้นก็ต้องถือว่าโจทก์จำเลยต่างมีส่วนเป็นเจ้าของคนละครึ่ง แต่เมื่อต่อมาโจทก์จำเลยได้ตกลงแบ่งที่พิพาทกัน จำเลยได้ 3 ไร่ โจทก์ได้ 5 ไร่ 70 ตารางวา ข้อตกลงแบ่งที่ดินดังกล่าวนี้เข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 เพราะการตกลงกำหนดลงไปว่า ใครได้เนื้อที่เท่าไรย่อมเป็นการระงับข้อพิพาทอันจะมีขึ้นให้เสร็จไปไม่ต้องโต้เถียงกันว่าฝ่ายใดมีเหตุสมควรจะได้มากได้น้อยกว่าครึ่งอย่างไร เมื่อข้อตกลงนี้ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์จำเลยเป็นสำคัญ ซึ่งโจทก์จำเลยต่างรับรองต้องกัน จึงมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย ส่วนที่การรังวัดแบ่งแยกให้เป็นไปตามคำขอ ยังมิได้สำเร็จลง จะเป็นเพราะเหตุใดก็ตาม ก็ไม่ทำให้ข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวเสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1420/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้ยังไม่ได้รังวัดแบ่งแยกที่ดิน การแบ่งเงินจากการขายต้องเป็นไปตามข้อตกลง
ที่พิพาทมีชื่อโจทก์จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในโฉนดโดยมิได้ระบุส่วนของใครเท่าใด ในเบื้องต้นก็ต้องถือว่าโจทก์จำเลยต่างมีส่วนเป็นเจ้าของคนละครึ่ง แต่เมื่อต่อมาโจทก์จำเลยได้ตกลงแบ่งที่พิพาทกัน จำเลยได้ 3 ไร่ โจทก์ได้ 5 ไร่ 70 ตารางวา ข้อตกลงแบ่งที่ดินดังกล่าวนี้เข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 เพราะการตกลงกำหนดลงไปว่า ใครได้เนื้อที่เท่าไรย่อมเป็นการระงับข้อพิพาทอันจะมีขึ้นให้เสร็จไปไม่ต้องโต้เถียงกันว่าฝ่ายใดมีเหตุสมควรจะได้มากได้น้อยกว่าครึ่งอย่างไร เมื่อข้อตกลงนี้ได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์จำเลยเป็นสำคัญ ซึ่งโจทก์จำเลยต่างรับรองต้องกัน จึงมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย ส่วนที่การรังวัดแบ่งแยกให้เป็นไปตามคำขอ ยังมิได้สำเร็จลง จะเป็นเพราะเหตุใดก็ตาม ก็ไม่ทำให้ข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวเสียไป
of 17