พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4265/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการฝากขังก่อนฟ้องและการจำกัดสิทธิอุทธรณ์คำสั่งฝากขังของผู้ต้องหา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขังผู้ต้องหาไว้ตามคำร้องของผู้ร้องมีกำหนด 12 วัน เพื่อสอบสวนดำเนินคดีผู้ต้องหาในความผิดตาม ป.อ. มาตรา 116 ผู้ต้องหายื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ต้องหา ผู้ต้องหาฎีกา เห็นว่า ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 134 วรรคห้า บัญญัติว่า "เมื่อได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ถ้าผู้ต้องหาไม่ใช่ผู้ถูกจับและยังไม่ได้มีการออกหมายจับ แต่พนักงานสอบสวนเห็นว่ามีเหตุที่จะออกหมายขังผู้นั้นได้ตามมาตรา 71 พนักงานสอบสวนมีอำนาจสั่งให้ผู้ต้องหาไปศาลเพื่อออกหมายขังโดยทันที... กรณีเช่นว่านี้ให้นำมาตรา 87 มาใช้บังคับแก่การพิจารณาออกหมายขังโดยอนุโลม..." มาตรา 71 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "เมื่อได้ตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยมาแล้ว ในระยะใดระหว่างสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหาหรือจำเลยไว้ตามมาตรา 87 หรือมาตรา 88 ก็ได้ และให้นำบทบัญญัติในมาตรา 66 มาใช้บังคับโดยอนุโลม" มาตรา 66 บัญญัติว่า "เหตุที่จะออกหมายจับได้มีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี" ตามบทบัญญัติข้างต้นให้อำนาจศาลที่จะขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนหากมีเหตุตามมาตรา 66 คดีนี้ ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 116 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี จึงเป็นกรณีที่ศาลจะออกหมายขังผู้ต้องหาได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 71 ประกอบมาตรา 66 บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกระบวนการก่อนฟ้องซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ต้องหาอยู่ในอำนาจของศาล เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะมีตัวจำเลยในการพิจารณาคดีของศาล ทั้งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 106 บัญญัติให้ผู้ต้องหามีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวได้อยู่แล้ว แสดงให้เห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างชัดเจนว่า มีวัตถุประสงค์จะให้กระบวนการยุติธรรมในชั้นฝากขังระหว่างสอบสวนเป็นอำนาจของผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และยุติไปในระดับศาลชั้นต้นเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่กฎหมายมีความประสงค์จะให้ผู้ต้องหายื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ผู้ต้องหาจึงไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาตามคำร้องของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2857/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีความมั่นคงของรัฐ: สิทธิของผู้เสียหายโดยตรง
ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตาม ป.อ.มาตรา 113,114 และ 116 เป็นการกระทำผิดต่อรัฐโดยตรง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิด ผู้ร้องแม้จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็มิใช่ผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2(4) ไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2857/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีความมั่นคงของรัฐ: รัฐเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียว
พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113,114 และ 116 อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร เป็นการกระทำความผิดต่อรัฐโดยตรง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด แม้ผู้ร้องจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็มิใช่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ตามมาตรา 28.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2038-2041/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยุยงปลุกระดม ทำให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง และความเสียหายต่อทรัพย์สินของราชการ
ป. และ จ. จำเลยทั้งสองเป็นผู้มีส่วนริเริ่มชักชวนนักศึกษา นักเรียน และประชาชนให้มาชุมนุมกัน ณ สนามหน้าเมืองที่เกิดเหตุมาแต่ต้นและร่วมกล่าวโจมตีขับไล่ผู้ว่าราชการจังหวัดตลอดจนมีส่วนในการจัดตั้งหน่วยฟันเฟืองขึ้นจากผู้มาร่วมชุมนุม จนคนเหล่านี้รวมตัวกันเป็นจำนวนหลายพันคน ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และขว้างปาและวางเพลิงเผาจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองตลอดจนนักศึกษา นักเรียน และประชาชนดังกล่าวเป็นการกระทำเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรอีกสถานหนึ่งด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดตาม ม.116 ต้องพิจารณาเนื้อหาทั้งหมดและเจตนาของผู้เผยแพร่
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้จัดการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ได้พิมพ์โฆษณาข้อความดังที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องให้ปรากฎแก่ประชาชนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น การที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่า ข้อความที่กล่าวนั้นเป็นความผิดหรือไม่ และจำเลยพิมพ์โฆษณาด้วยเจตนาอย่างไร จำต้องพิจารณาจากข้อความทั้งหมด ประกอบกับพฤติการณ์อย่างอื่น ๆ ด้วย จะพิจารณาเพียงข้อความที่จำเลยโฆษณาบางตอนหรือบางส่วนหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดมาตรา 116 ต้องพิจารณาเนื้อหาและเจตนาโดยรวม ไม่พิจารณาเพียงบางส่วน
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้จัดการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ได้พิมพ์โฆษณาข้อความดังที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องให้ปรากฏแก่ประชาชนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น การที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่า ข้อความที่กล่าวนั้นเป็นความผิดหรือไม่ และจำเลยพิมพ์โฆษณาด้วยเจตนาอย่างไรจำต้องพิจารณาจากข้อความทั้งหมดประกอบกับพฤติการณ์อย่างอื่นๆด้วยจะพิจารณาเพียงข้อความที่จำเลยโฆษณาบางตอนหรือบางส่วนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตทางราชการ ไม่คุ้มครองการหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน จำเป็นต้องมีการสืบพยานเพื่อพิสูจน์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานจำเลยให้การว่าจำเลยพูดโดยแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตจากทางราชการแล้ว การที่ได้รับอนุญาตให้พูดมิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่จะให้กล่าวถ้อยคำอันเป็นความผิดอาญา หรือทำให้เกิดการเสียหายต่อผู้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตทางราชการ ไม่คุ้มครองการหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน จำเลยให้การว่าจำเลยพูดโดยแสดงความคิดเห็นโดยได้รับอนุญาตจากทางราชการแล้ว การที่ได้รับอนุญาตให้พูดมิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่จะให้กล่าวถ้อยคำอันเป็นความผิดอาญา หรือ ทำให้เกิดการเสียหายต่อผู้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1925/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทต่อเจ้าพนักงาน ประเด็นความผิดตาม ม.116 และการถอนฟ้องเฉพาะ ม.282
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยหมิ่นประมาทใส่ความอธิบดีกรมอัยการ ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.282,116 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ม.282 และลงโทษปรับจำเลย จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่มีความผิดตาม ม.282 ฝ่ายโจทก์ไม่อุทธรณ์ ม.116 จึงถึงที่สุดเพียงศาลชั้นต้น ไม่มีประเด็นในชั้นอุทธรณ์ต่อไป ในชั้นอุทธรณ์คงมีประเด็นว่าจำเลยจะมีความผิดตาม ม.282 หรือไม่ มาตราเดียวเท่านั้น แม้ศาลอุทธรณ์จะยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์สืบพยานตามที่แถลงไว้และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไปตามกระบวนความและศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าให้ดำเนินการเกี่ยวแก่ ม.282 มาตราเดียวเท่านั้นเมื่อศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาใหม่ตามคำพิพากษาศาลฎีกาและระหว่างพิจารณาจำเลยได้ขออภัยต่อผู้เสียหาย ๆ ไม่ติดใจว่ากล่าวเอาความแก่จำเลย โจทก์จึงแถลงขอถอนฟ้องเฉพาะข้อหาในฐานหมิ่นประมาทใส่ความตาม ม.282 แต่โจทก์ย้อนหวนมาเอาความแก่จำเลยตาม ม.116 ซึ่งไม่มีประเด็นอีกนั้นไม่ได้เพราะประเด็นตาม ม.116 ได้ยุติในศาลชั้นต้นตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงกิริยาประกาศเป็นศัตรูไม่ถึงขั้นอาฆาตมาดร้าย และการหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานที่กระทำนอกอำนาจหน้าที่
เพียงแต่จำเลยแสดงกิริยาวาจาต่อผู้เสียหายว่า "พี่ณรงค์เรามาจับมือประกาศเป็นศัตรูกันตั้งแต่วันนี้ไปจนตลอดชีวิต" พร้อมกับยื่นมือไปขอจับด้วยดังนี้ เป็นแต่เพียงจำเลยประกาศตัวเป็นศัตรูคือเลิกความเป็นมิตร ยังเรียกไม่ได้ว่าแสดงอาฆาตมาดร้าย
ผู้เสียหายเป็นนายกเทศมนตรี,เกี่ยวกับทางหลวงผู้เสียหายคงมีหน้าที่ระวังไม่ให้รุกล้ำถนนหลวงและคูเมืองเท่านั้น เมื่อส่งคนงานไปวัดที่ดินของผู้อื่นอันเป็นเหตุให้จำเลยโกรธกล่าวคำหมิ่นประมาทดังนี้จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานไม่เพราะที่ผู้เสียหายสั่งไปนั้นเป็นการนอกอำนาจและหน้าที่.
ผู้เสียหายเป็นนายกเทศมนตรี,เกี่ยวกับทางหลวงผู้เสียหายคงมีหน้าที่ระวังไม่ให้รุกล้ำถนนหลวงและคูเมืองเท่านั้น เมื่อส่งคนงานไปวัดที่ดินของผู้อื่นอันเป็นเหตุให้จำเลยโกรธกล่าวคำหมิ่นประมาทดังนี้จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานไม่เพราะที่ผู้เสียหายสั่งไปนั้นเป็นการนอกอำนาจและหน้าที่.